โควิด “สีเทา”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

มีคนบอกว่า “โควิด” ครั้งนี้น่ากลัวกว่าครั้งก่อน

เพราะเป็น “โควิดสีเทา”

จุดเริ่มต้นของการระบาดใหม่ครั้งนี้ เริ่มจากที่เชียงราย

มีกลุ่มคนที่ไปทำงานที่บ่อนการพนันฝั่งเมียนมาลักลอบเข้าไทยตามเส้นทางธรรมชาติ

คำนี้เป็นคำไพเราะ เหมือนกับว่าเป็นเส้นทางปกติที่คนแถบนั้นใช้เป็นประจำ

แต่อีกมุมหนึ่ง คือ การจ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เพื่อผ่านชายแดนเข้ามาโดยไม่ต้องโดนกักตัว 14 วัน

พอตรวจพบ “โควิด” เข้า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็ต้องซักถามไทม์ไลน์ว่าติดมาจากที่ไหน เดินทางไปไหนมาบ้าง

คนกลุ่มนี้ก็ไม่กล้าเล่าละเอียด

เพราะเกี่ยวพันกับเรื่อง “บ่อนการพนัน” และการลักลอบเข้าออกทางชายแดนโดยผิดกฎหมาย

ถ้าเรื่องโดนขุดคุ้ยขึ้นมา เขาจะไม่ปลอดภัย

ตามข่าวบอกว่าแก๊งนี้มีการนัดแนะกันด้วยว่าจะโกหกกันแบบไหน

กว่าจะซักจนยอมเล่ารายละเอียดก็ใช้เวลาหลายวัน

“เชื้อ” กระจายไปไกลพอสมควร

แต่ยังไม่รุนแรงเท่าที่สมุทรสาคร

เมื่อแรงงานเมียนมาถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบครึ่งตลาด

สุ่มตรวจ 100 คน ติด 50 คน

เหมือนระเบิดลงเลยครับ

เพราะกลุ่มเหล่านี้ก็เป็นแรงงานเถื่อนที่ลักลอบเข้าเมืองมา

ซึ่งหากไม่มีคนในเครื่องแบบร่วมด้วย ไม่มีทางที่แรงงานเมียนมาเหล่านี้จะเดินทางจากชายแดนเข้ามาถึงมหาชัยได้

เป็นเรื่องราว “สีเทา” ล้วนๆ

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ่อนการพนันที่ระยอง

มีคนไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

แต่ซักถามแล้วก็อ้ำอึ้งไม่พูดชัดๆ ว่าติดมาจากที่ไหน

เพราะบ่อนการพนันเป็นพื้นที่ “สีเทา”

ใช้เวลานานพอสมควร จนมีผู้หญิงคนหนึ่งยอมเปิดปากว่าไปเล่นการพนันที่บ่อนกลางเมืองระยองมา

กว่าจะรู้ เชื้อก็แพร่ไปไกลแล้ว

“ไวรัสสีเทา” จึงเป็นไวรัสที่น่ากลัวมาก

“สมุทรสาคร” และ “ระยอง” เป็น 2 จังหวัดที่น่าสงสารมากครับ

แรงงานเมียนมาก็น่าสงสาร

ไม่มีใครอยากเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่เชื้อโควิด-19 หรอกครับ

แต่กลายเป็นว่าคนจังหวัดต่างๆ ไม่อยากต้อนรับคน “สมุทรสาคร” และ “ระยอง”

ยิ่งเป็นแรงงานเมียนมา ยิ่งแล้วใหญ่

ทุกคนต่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

จำได้ว่าตอนที่เกิดเหตุที่ “สมุทรสาคร”

เกิดภาวะตื่นตระหนกไปทั่ว เพราะเชื้อกระจายไปทั่ว

ร้านแดง อาหารทะเล ร้านอาหารชื่อดังถึงขั้นออกแถลงการณ์

ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขาจะชี้แจงเรื่องอะไร

จะบอกว่าอาหารทะเลไม่ได้มาจากมหาชัยหรือเปล่า

เปล่าครับ

“แดง อาหารทะเล” ต้องการบอกแค่ว่า ร้านของเขาอยู่ “สมุทรสงคราม”

ไม่ใช่ “สมุทรสาคร”

แวะมากินกันได้เหมือนเดิม

คนสมุทรสาครอาจฟังแล้วเจ็บปวด

แต่ก็เข้าใจได้ว่าร้านแดงจำเป็นต้องชี้แจง

เพื่อรักษาลมหายใจทางธุรกิจ

เพราะต้องยอมรับว่าคนจำนวนไม่น้อยสับสนระหว่าง “สมุทรสาคร” กับ “สมุทรสงคราม” เยอะทีเดียว

จนมีคนมาโพสต์บ่นว่าอยากรู้ว่าใครคิดชื่อจังหวัดสมุทรสาคร กับสมุทรสงครามขึ้นมา

รู้ไหมว่าคนสับสนมาก

ลงชื่อ…คนสมุทรปราการ

อีกรายหนึ่ง “มหาชัยไอศกรีม” ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ที่ใช้ชื่อ “มหาชัยไอศกรีม” เพราะเจ้าของเป็นคนมหาชัย

แต่โรงงานผลิตไอศกรีมไม่ได้อยู่ที่ “มหาชัย”

…อยู่ที่ “ปทุมธานี”

เขาคงนึกว่าปลอดภัยแล้ว

ผมจำได้ว่า “มหาชัยไอศกรีม” ประกาศวันที่ 21 ธันวาคม ตอนบ่ายๆ

ตอนเย็นมีคนติดเชื้อโควิด

ที่…ปทุมธานี

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็น คือ เรื่องการไล่ไทม์ไลน์ย้อนหลังของคนที่ติดเชื้อโควิด

เพราะคุณหมอต้องการรู้ว่าช่วงที่ผ่านมาไปไหนมาบ้าง

เขาจะได้ไล่ตรวจคนที่เกี่ยวข้อง

หรือให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงกักตัวที่บ้าน และสังเกตอาการของตัวเอง

เป็นวิธีการที่ได้ผลมากในช่วงที่มีการระบาดครั้งแรก

คนที่เดินบนเส้นทาง “สีขาว” ไม่มีปัญหาหรอกครับ

ไปห้างสรรพสินค้าวันนี้ตอนกลางวัน

ไปหาญาติตอนเย็น ฯลฯ

เล่าได้สบายๆ

แต่ลองนึกถึงกลุ่มที่ไทม์ไลน์ “สีเทา” สิครับ

โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งหลายที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้ว

ตอนเล่าคงอ้ำอึ้งน่าดู

คิดแล้วคิดอีกว่าจะเล่าดีไหม

นึกถึงกลุ่มบิ๊กไบก์ที่ติดโควิดสิครับ แค่บอกว่ามีน้องๆ มาชงเหล้าเอ็นเตอร์เทนด้วย 10 คน

ซึ่งสาวๆ ที่รับงานแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะมีกิจกรรม “ฟีเจอริ่ง” ด้วย

แต่คุณคิดว่าแฟนหรือภรรยาของเขาจะคิดแบบนี้ไหม

จะจินตนาการว่าแค่ชงเหล้าเฉยๆ เหรอ

…ไม่มีทาง

หรือบางคนที่หลอกแฟนว่าไปทำงาน หรือนัดกับผู้ใหญ่

แต่พอติดเชื้อโควิดปั๊บ

เขาก็ต้องบอก “ความจริง” กับคุณหมอ

เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม

ที่บอกว่านัดกับผู้ใหญ่

ที่จริงไปเที่ยวเลาจน์กับเพื่อน

หรือบอกว่าไปทำงาน

ที่จริงไปกับ “กิ๊ก”

บางวันกลับดึก เพราะแอบไปอาบอบนวด

นึกออกใช่ไหมครับว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

อะไรน่ากลัวกว่ากัน

“ไวรัส” หรือ “ภรรยา”

“อมร” เพื่อนผมประกาศในหมู่เพื่อนเลยว่า ถ้าเขาติดโควิดขึ้นมา แล้วหมอบังคับให้บอกไทม์ไลน์

“กูยอมตายดีกว่า”