เครื่องเคียงข้างจอ/กีฬาหน้าจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

กีฬาหน้าจอ

ในช่วงสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา หากใครเป็นคอกีฬาคงจะมีความสุขไม่น้อย เพราะมีการแข่งขันกีฬาหลากหลายชนิดให้ได้เฝ้าติดตามผ่านหน้าจอทีวีกัน

นับแต่การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ซึ่งไทยเรารับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีทีมต่างๆ มาชิงชัยกันถึง 22 ประเทศ ไทยนั้นอยู่ร่วมสายเดียวกันกับ มาเลเซีย บาห์เรน บรูไน อัฟกานิสถาน และอิรัก

นักเตะโต๊ะเล็กรุ่นเด็กของเราทำการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มนี้ได้ไม่เลวเลย ชนะทุกทีมยกเว้นอิรักที่จบด้วยการเป็นทีมหัวตาราง และเราเป็นรอง ได้เข้าไปแข่งขันในรอบต่อไปเจอกับเพื่อนในอาเซียนคืออินโดนีเซีย

ช่วงที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ ยังไม่ถึงวันแข่ง แต่เชื่อว่าน่าจะมีแฟนๆ ติตดามเชียร์กันผ่านหน้าจอทีวีไม่น้อยเลย

โดยเฉพาะช่วงที่ทีมไทยแข่งนั้นอยู่ในช่วง 1 ทุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงไพรม์ไทม์ของสถานีเลยล่ะ

อวยพรให้ทำผลงานให้ได้ดีที่สุด ถ้าได้เข้าชิงชนะเลิศล่ะก็แจ่มแจ๋วเลย เพราะเขาจะเอาทีมแชมป์กับรองแชมป์ไปแข่งในรายการยูธโอลิมปิกที่ประเทศอาร์เจนตินา ในปี 2018

จากที่ได้ติดตามชมการแข่งขัน ก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าจะมีนักกีฬาตัวเก่งๆ ขึ้นมาเสริมทีมรุ่นใหญ่ได้หลายคน และสามารถที่จะทดแทนกันได้ในอนาคต เพียงแต่เพิ่มประสบการณ์ให้มากขึ้นเท่านั้น

ถือว่าทางสมาคมได้วางงานเพื่อสร้างนักเตะเยาวชนขึ้นมาได้อย่างดี

เช่นเดียวกับสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ที่สร้างนักตบลูกยางระดับเยาวชนขึ้นมาได้ดีทีเดียว ดูได้จากแมตช์การแข่งขันศึกเจ้าลูกยางหญิง U23 ชิงแชมป์อาเซียน 2017 เป็นการแข่งขันของทีมหญิงไทยรุ่นเล็ก ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ผลคือ เราได้รองแชมป์ โดยต่อสู้ขับเคี่ยวกับแชมป์คือ ญี่ปุ่น ได้อย่างสนุก และมีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรทั้งญี่ปุ่นและเราก็มีสิทธิ์ไปแข่งขันในศึก U23 ชิงแชมป์โลกที่ประเทศสโลวีเนีย ต่อไปแล้วแน่ๆ

นี่เป็น 2 ผลงานของการสร้างตัวเยาวชนให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อจะก้าวไปเป็นชุดใหญ่สร้างผลงานในระดับโลกต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการที่วงการกีฬาทั่วโลกเขาทำกัน คือ สร้างฐานที่แข็งแรงจากเด็กและเยาวชน

นอกจากนั้น สมาคมฟุตบอลของไทยเราก็มีการแข่งขันในระดับเยาวชนเช่นกัน เป็นรายการฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน ในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี แข่งขันกันที่ สปป.ลาว ซึ่งนักเตะสาวน้อยของไทยเรานั้นสามารถคว้าแชมป์มาครองได้โดยไม่แพ้ทีมใดเลย

ขอปรบมือแสดงความชื่นชมให้กับนักกีฬาทุกประเภทที่เอ่ยมาและสต๊าฟผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่านครับ นี่แสดงให้เห็นว่าในเรื่องกีฬาแล้ว ไทยเราก็ไม่เป็นรองใคร

นอกจากกีฬาในระดับทีมชาติแล้ว ก็มีกีฬายอดฮิตคือฟุตบอลของสโมสรในลีกยุโรปที่ทยอยพากันปิดซีซั่นของปี 2016/2017 กันไปแล้ว

โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ หรือ EPL ที่คนไทยนิยมดูกันมากที่สุด ก็เพิ่งมอบถ้วยกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทีมเชลซีที่มีแฟนๆ คนไทยจำนวนไม่น้อยเลยติดตามเชียร์เป็นผู้ชูถ้วยแชมป์ไป

ความจริงในฤดูกาลนี้ ทีมเชลซีได้แชมป์ไปตั้งแต่ 3 นัดสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลด้วยซ้ำ แมตช์สุดท้ายจึงไม่ได้ลุ้นอะไรมาก เพียงแต่รอฉลองถ้วยเท่านั้น แต่ถ้าลุ้นกันจนเยี่ยวเหนียวก็ต้องเป็น 3 ทีมนี้ คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล ที่ลุ้นว่าใครจะได้ไปเล่นถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกในฤดูกาลบ้าง

เชลซีกับสเปอร์นั้นได้ไปในฐานะทีมอันดับ 1 และ 2 อยู่แล้ว และผลการแข่งขันก็ปรากฏว่าเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับลิเวอร์พูลได้ไป

ส่วนทีมมหาชนอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น จบอันดับในลีกที่ 6 จึงต้องไปลุ้นโควต้ากับการที่ต้องได้แชมป์ยูโรป้าลีก โดยชิงดำกับอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ในวันพุธที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา แฟนๆ คงได้รู้ผลกันไปแล้ว แต่ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ยังไม่ทันได้แข่งขันกัน

เห็นไหมว่า เป็นช่วงสัปดาห์ที่ได้ลุ้นกันสนุกจริงๆ สำหรับคอกีฬา

ที่พูดถึงนั้นเป็นสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ สำหรับสโมสรฟุตบอลของไทย หรือ “ไทยลีก” นั้นก็มันส์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกับการแย่งตำแหน่งหัวตาราง

แม้นไม่ใช่ละครหลังข่าวช่อง 7 สี แต่ทีม SCG เมืองทอง ก็มีดราม่าชุดใหญ่ให้สาวกได้นั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะแพ้ในลีกติดกันเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงที่เคยทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่ 4 คะแนนสั่นคลอน จนกระทั่งเมื่อจบสัปดาห์ที่ผ่านมา SCG เมืองทอง ก็ได้ครองจ่าฝูงร่วมกับทีมบุรีรัมย์ โดยมีทีมเชียงรายยูไนเต็ดหายใจรดต้นคอทั้งสองทีมด้วยคะแนนที่ห่างกันแค่แต้มเดียว

ที่ว่าดราม่าคือ แทนที่เมืองทองจะนำฝูงไปแบบสบายๆ ก็ต้องมาทิ้งแต้มไปถึง 9 แต้มในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ เกิดอะไรขึ้น

แถมในวันอังคารที่ 23 ที่ผ่านมานี้ก็ต้องเปิดบ้านแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชียปี 2017 กับทีมฟรอนตาเล จากญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งป่านนี้ผลก็คงออกมาให้ทราบกันแล้ว

ไม่รู้ว่าจะเสพติดความพ่ายแพ้อีกรึเปล่า

ส่วนคนที่เป็นคอเทนนิส ก็มาถึงได้ 4-5 วันแล้วสำหรับการแข่งขันแกรนด์สแลมที่ 2 ของปีคือ French Open หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Roland Garros

นักหวดลูกสักหลาดระดับโลกชายหญิงต่างก็พาเหรดลงสนามดวลฝีเพลงแร็กเกตกันสนุก ยกเว้นอยู่ 2 คน คือ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ และ มาเรีย ชาราโปวา

รายแรกนั้นน่ะ เขาตั้งใจที่จะไม่ลงแข่งขันเอง ด้วยอยากถนอมร่างกายของตนที่อายุ 35 ปีแล้วให้มีความสมบูรณ์พร้อมสำหรับการชิงชัยในแกรนด์สแลมที่ 3 และที่ 4 คือ Wimbledon และ US Open

ทั้งนี้ เฟดเดอเรอร์เห็นว่าโอกาสที่จะคว้าแชมป์ในคอร์ดดินอย่าง French Open นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นคอร์ดที่ตนไม่ถนัดที่สุด ซึ่งในเส้นทางการล่าแชมป์แกรนด์สแลมของเขาก็เพิ่งจะมาได้แชมป์จากรายการนี้ไปหนเดียวเมื่อปี 2009 หลังจากเคยเข้าชิงมาก่อนหน้านี้ 3 ครั้งในปี 2006, 2007 และ 2008

นี่เป็นวิธีคิดแบบพอเพียงที่น่าสนใจทีเดียว

ซึ่งตรงข้ามกับนางฟ้าคนสวย “มาเรีย ชาราโปวา” ที่อยากจะลงเล่นใจจะขาด แต่เขาไม่ให้เล่น เพราะเธอเพิ่งพ้นโทษจากการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม ซึ่งขัดกับระเบียบของการแข่งขัน แม้จะอุทธรณ์อย่างไรก็ไร้ผล ทำเอาหนุ่มๆ พากันสงสารนักเทนนิสสาวสวยคนนี้เป็นแถว

นี่เป็นโปรแกรมการแข่งขันกีฬาที่ได้ลุ้นกันสนุกและแน่นเอี๊ยดในช่วงสัปดาห์ 2 สัปดาห์ของปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และที่รอจ่อเป็นแถวอยู่ก็อีกมาก มีทั้งการแข่งขันในนามทีมชาติ ในนามสโมสร หรือในนามบุคคล

ใครเป็นคอกีฬาก็ติดตามเชียร์กันแบบต่อเนื่องได้เลย

ส่วนการลุ้นอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ก็คือ “การลุ้นการแถลงผลงานครบ 3 ปีของ คสช.” ซึ่งครบรอบ 3 ปีไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ที่ว่าลุ้นคือไม่รู้ว่าอารมณ์ของประชาชนจะออกหัวออกก้อย หรือออกกลางกับผลงานของ คสช. ที่ว่านี่ เพราะช่วงหลัง คสช. ของท่านนายกฯ ตู่ ชักจะเหมือนดราม่าของทีม SCG เมืองทอง ยังไงยังงั้น

ที่เริ่มต้นมาก็ฟอร์มดี เตะสวย ทำประตูงาม เก็บชัยชนะได้ต่อเนื่องจนนำโด่งอยู่หัวตารางได้อย่างสง่างามเป็นระยะเวลานาน แล้วจู่ๆ ก็เหมือนโดนราหูมาอม เตะก็พลาด ยิงก็ไม่ตรงกรอบ เผลอๆ มีลื่นล้มเองเสียนี่ เมื่อมาพ่ายทีมรองบ่อนติดๆ กัน 3 ครั้งจนมึนและแทบจะยืนหล่อๆ ไม่ไหว

ถึงกระนั้นแฟนๆ ทีมเมืองทองก็ยังมีใจเชียร์ทีมรักอยู่ต่อเนื่องแม้จะประสบมรสุมด้านผลงานเท่าไหร่ก็ตาม

แต่เป็นห่วงทีม คสช. ของโค้ชท่านตู่จัง ไม่รู้ว่าลูกทีมเล่นเข้าขากันหรือยัง จะมีเปลี่ยนตัวผู้เล่นบ้างรึเปล่า ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อตีตื้นขึ้นมาบ้าง กลัวว่าแฟนๆ ที่เขาคอยเอาใจเชียร์อยู่ข้างสนามจะถอดใจ และเดินออกจากสนามไปเท่านั้น

แล้วอาจถึงขั้นต้องเตะกันไปในสนามเปล่าที่ไร้แฟนบอลมาชมเหมือนแมตช์เมืองทอง-ท่าเรือ ที่ผ่านมาก็เป็นได้นะครับท่าน