อนุสรณ์ ติปยานนท์ : รสมือแม่

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (62)

อุทยานรส (8)

“ฤดูใบไม้ร่วง
ฉันจากลา
และกลับมาในฤดูใบไม้ผลิ”
“บทกวีของ ชินจิ นากามูระ”

แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียจากการเดินทาง ชินจิ นากามูระ กลับตัดสินใจที่จะยืนสงบนิ่งอยู่หน้าประตู ความตั้งใจที่จะเริ่มบทสนทนาของเขาค่อยๆ มลายหายสิ้นไป แม้ว่านี่จะเป็นบ้านเพียงหลังเดียวที่มีไฟสว่างไสว แม้ว่านี่จะเป็นบ้านเพียงหลังเดียวที่เปิดประตูเสมือนรอต้อนรับนักเดินทางที่ผ่านทางมา แต่ประตูที่เปิดนั้นหาได้เป็นดังหนทางที่ดูราบรื่น มีหลายสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ

แต่ที่ชวนให้เขาเคลือบแคลงใจที่สุดกลับเป็นหญิงสาวที่กำลังสยายเรือนผมของเธออยู่ในที่นั้น

ชินจิ นากามูระ เคยผ่านศึกสงครามมาจำนวนไม่น้อย ในสงครามกับพวกรัสเซีย เขาจำเสียงกระสุนที่แล่นผ่านใบหูของเขาไปได้อย่างฉิวเฉียด ในสงครามกับพวกกองโจรเกาหลี เขารอดจากคมมีดที่ห่างจากลำคอเขาไม่ถึงคืบ แต่ในสภาพการณ์เหล่านั้นเมื่อเทียบกับภาพตรงหน้าที่เขากำลังพบเห็น ความน่าหวาดกลัวและไหวหวั่นกลับแตกต่างกันไปอย่างเทียบเคียงไม่ได้ เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เป็นความกลัวที่ใกล้เคียงการเผชิญหน้ากับความตาย

หญิงสาวผู้นั้นยังคงหวีผมของเธอไปมาราวกับมันเป็นกิจกรรมที่ไม่มีวันเวลาแห่งการจบสิ้น อากาศภายนอกหนาวเย็นลงเป็นลำดับ แต่กระนั้น ชินจิ นากามูระ ก็ไม่ยินยอมขยับตัว เขารู้สึกดังอยู่ในการล่าศัตรูครั้งสำคัญที่ใครเป็นผู้ลงมือก่อนจะเป็นผู้พ่ายแพ้

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ดูจะดำเนินต่อไป โดยไม่มีวี่แวว หิมะได้ตกลงอย่างช้าๆ ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีการบ่งบอกล่วงหน้า ร่างของชินจิ นากามูระ ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลง และก่อนที่เขาจะตายด้วยความหนาวเหน็บนั้น หญิงสาวคนดังกล่าวก็เอ่ยขึ้นว่า “มีเตาไฟอยู่ในบ้าน จุดมันขึ้นได้ หากคุณจะไม่รังเกียจสถานที่แห่งนี้”

ถ้อยคำเจรจาของหญิงสาวผู้นั้นสร้างความตื่นตระหนกสองประการให้แก่ชินจิ นากามูระ
ประการแรกคือ การที่หญิงสาวผู้นั้นหาได้หยุดการหวีผมอันยาวสลวยของเธอ

ประการที่สองคือ การที่หญิงสาวผู้นั้นสนทนากับชินจิ นากามูระ ในภาษาญี่ปุ่นอันเป็นภาษาเกิดของเขาเอง

มีคำแนะนำสองข้อในทางการรบเมื่อความกลัวพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ข้อแรกคือ การหลบหนี หลบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ การหลบหนีดังกล่าวเมื่อพ้นขีดอันตรายแล้ว ความหวาดกลัวทั้งหลายย่อมมลายไป

ข้อแนะนำที่สองคือ การเผชิญหน้ามัน เมื่อหลบหนีไม่ได้ ย่อมไม่มีทางอื่นนอกจากกระโจนเข้าสู่ความกลัวที่ว่านั้น เพราะหากคุณเป็นฝ่ายชนะ ความกลัวนั้นย่อมมลายหายไป หรือหากคุณพ่ายแพ้และตาย ความกลัวดังกล่าวก็จบสิ้นลงพร้อมกับความตายของคุณด้วยเช่นกัน

ในสถานการณ์เช่นนี้ ชินจิ นากามูระ ตัดสินใจเผชิญหน้าความหวาดกลัว เขาบรรจงถอดรองเท้าของตนเอง วางมันไว้อย่างเป็นระเบียบที่ธรณีประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆ

เขาเดินตรงเข้าไปข้างใน ตรงเข้าไปที่กลางบ้านซึ่งถูกเว้นช่องระหว่างพื้นไม้เป็นลานดินขนาดใหญ่

ตรงลานดินนั้นมีกระบะทรายที่เหนือขึ้นแขวนกาน้ำอยู่หนึ่งกา ชินจิ นากามูระ ใช้ชุดไฟที่นำติดตัวมาในสัมภาระของเขาจุดเข้ากับเศษฟืนที่กองเรียงเป็นระเบียบอยู่ในบริเวณนั้น ไม่นานนักกองฟืนดังกล่าวก็ลุกเป็นเปลวไฟที่สว่างไสว ชินจิ นากามูระ ขยับกาน้ำให้ตรงกับกองฟืน เขาพบใบชาจำนวนมากอัดแน่นอยู่ในกล่องสังกะสีเล็กๆ พร้อมกับกาน้ำชา เขาเอาใบชาลงใส่กา และเฝ้ารอ

ราวสิบนาที เสียงน้ำเดือดจากกาก็ดังขึ้น มีควันไฟพวยพุ่งจากกา ชินจิ นากามูระ เทน้ำชาภายในกาใส่ลงในถ้วย ก่อนจะหันกลับไปดูหญิงสาวผู้นั้น

แต่ทว่าในบริเวณกระจกที่หญิงสาวผู้นั้นเคยยืนหวีผมของเธออยู่กลับไม่มีใครในบริเวณนั้นแล้ว

ชินจิ นากามูระ วางถ้วยชาในมือของเขาลงก่อนจะออกสำรวจไปรอบๆ บ้านหลังนี้ มันเป็นบ้านไม้โบราณที่ก่อสร้างขึ้นด้วยวิธีการก่อสร้างแบบดั้งเดิม ไม่มีตะปู ไม้แต่ละชิ้นถูกบากและเข้าร่องแบบประณีต บริเวณชั้นล่างเป็นพื้นไม้สี่เหลี่ยมที่เปิดช่องตรงกลางเป็นลานโล่งซึ่งมีเพียงกระบะทราย

ชินจิ นากามูระ คาดว่าบริเวณดังกล่าวนี้คงเป็นบริเวณที่ใช้หุงหาอาหาร มีบันไดทอดยาวขึ้นชั้นสอง ชินจิ นากามูระ เดินขึ้นไปบนชั้นสอง ข้างบนนั้น เขาพบห้องพักหนึ่งห้องและลานโล่งที่เปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนกลาง ภายในห้องพักนั้น

ชินจิ นากามูระ พบเตียงขนาดใหญ่ที่ทำความสะอาดจนหมดจด ทั้งหมอนและผ้าห่มถูกพับไว้เป็นอย่างดี ที่บริเวณหัวเตียงมีตะเกียงน้ำมันขนาดเล็กหนึ่งดวงพร้อมด้วยชุดไฟ

แต่ที่สำคัญคือใกล้กับตะเกียงนั้นมีอาหารพร้อมตะเกียบถูกจัดวางไว้หนึ่งสำรับ เป็นซุปไข่แบบญี่ปุ่น ข้าวหน้าเนื้อและผักดอง และที่สำคัญมีเห็ดมัตซึตาเกะที่ถูกย่างอย่างพอเหมาะอยู่ด้วยหนึ่งจาน

แต่นอกเหนือจากสิ่งของเหล่านั้น ชินจิ นากามูระ ไม่พบเห็นบุคคลใดอีกเลย เขารู้สึกประหลาดใจ ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยใคร่รู้

เขานั่งลงบนเตียง กินอาหารที่ถูกจัดวางไว้นั้นด้วยความหิวโหย ไม่นานนักอาหารดังกล่าวก็หมดสิ้นลง
ชินจิ นากามูระ วางสำรับอาหารในถาดไว้ที่ข้างเตียง เขาล้มตัวลงนอนพร้อมกับคำถาม แต่ก่อนที่เขาจะทันรู้สึกตัว

เขาก็หลับสนิทลง

ชินจิ นากามูระ ตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา อากาศที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างสดชื่นเสียจนเขารู้สึกเหมือนดังเป็นเด็กทารกที่เพิ่งเกิดใหม่ในโลกนี้ เขาลุกขึ้นจากเตียง ออกกำลังกายเล็กน้อยตามที่เขาถูกฝึกมา บนโต๊ะหัวเตียงไม่มีอาหารสำรับเมื่อคืน หากแต่มีเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมชุดหนึ่งพับวางจัดเตรียมไว้ให้เขา
จากทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่าง ชินจิ นากามูระ มองเห็นลำธารสายเล็กที่อยู่ออกไปไม่ไกลนัก ชินจิ นากามูระ หยิบเสื้อผ้าชุดนั้น เขาเดินออกจากบ้านตรงไปที่ลำธาร อย่างน้อยการได้อาบน้ำชำระร่างกายน่าจะให้ความสดชื่นแก่เขาได้ ส่วนปริศนาทั้งหลายนั้น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต เขายังมีเวลาอีกมากมายที่จะขบคิดถึงมัน

ภายใต้กระแสน้ำที่เย็นเฉียบ ชินจิ นากามูระ นึกถึงพายุหิมะที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

หากฤดูกาลในคืนก่อนเป็นฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก ฤดูกาลในเช้าวันนี้ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น เสียงนกร้อง ใบไม้สีเขียวที่แตกออกจากตามลำต้น น้ำที่ใสจนแลเห็นตัวปลา

ชินจิ นากามูระ รู้สึกตนว่าเขาได้ห่างไกลจากสงครามที่เกิดขึ้นเป็นพันเป็นหมื่นกิโลเมตร เขาห่างไกลจากมันราวกับว่ามันเกิดขึ้นในดินแดนอื่น

หลังขึ้นจากลำธาร ชินจิ นากามูระ ผลัดเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้ เขาพบว่ามันมีขนาดเหมาะเจาะกับตัวเขาอย่างยิ่งราวกับผู้จัดหาได้คาดคำนวณมันอย่างดี ชินจิ นากามูระ นั่งลงที่ริมฝั่ง จุดบุหรี่ขึ้นสูบจนหมดมวน

และเมื่อเขาดับบุหรี่ลง จมูกของเขาก็ได้กลิ่นของเห็ดมัตซึตาเกะ เป็นกลิ่นของเห็ดมัตซึตาเกะที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างแน่แท้

ชินจิ นากามูระ สูดดมกลิ่นดังกล่าวก่อนจะสรุปกับตนเองว่าไม่ไกลจากที่นี่นักน่าจะมีป่าสนขนาดใหญ่ และในยามนี้เหล่าเห็ดมัตซึตาเกะกำลังพากันออกดอกอยู่ในป่านั้น

ชินจิ นากามูระ ลุกขึ้นจากริมฝั่ง เขาเดินกลับไปที่บ้าน ข้างในบ้านเตาไฟถูกจุดตีขึ้น กาน้ำชาส่งควันพวยพุ่ง มีสำรับอาหารอีกชุดหนึ่งถูกวางไว้บริเวณนั้น อาหารเป็นซุปมิโสะ ข้าวหน้าเทมปุระผัก ปลาหิมะย่างซีอิ๊ว และเห็ดมัตซึตาเกะที่ถูกผัดกับเนย

แทนการตั้งคำถาม ชินจิ นากามูระ นั่งลงกินอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างที่เขาลิ้มรสอาหารดังกล่าว ในความสามารถด้านอาหารที่เขามี เขารู้สึกได้ถึงรสชาติที่คุ้นเคย เป็นความคุ้นเคยที่ยาวนาน

เขาพยายามเคี้ยวอาหารอย่างช้า ใช้จมูกดมกลิ่นทุกอย่าง และเมื่อเขาวางตะเกียบในมือลงหลังจากลิ้มรสเห็ดมัตซึตาเกะชิ้นสุดท้าย เขาก็ตระหนักได้ว่ารสอาหารที่เขากินตลอดสองมื้อที่ผ่านมาเป็นรสชาติแบบเดียวกับอาหารที่ผ่านการปรุงจากแม่ของเขา

“รสชาติอาหารที่เกิดขึ้นเป็นรสชาติอาหารจากน้ำมือของแม่ผู้จากไป”