ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | วิรัตน์ แสงทองคำ |
ผู้เขียน | วิรัตน์ แสงทองคำ |
เผยแพร่ |
หมายเหตุ – ข้อเขียนชุดนี้ถือเป็นเนื้อหา “ทางเลือก” ของเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับซีพีและธนินท์ เจียรวนนท์ กับสังคมธุรกิจไทย จะทยอยนำเสนอเป็นระยะๆ โดยไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน
ซีพีมีโอกาสอยู่เสมอ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่านยุคสมัย ในสังคมไทยระดับภูมิภาคและโลก
ร้านเจริญโภคภัณฑ์ก่อตั้งขึ้น (2496) เชื่อมโยงกับโอกาสใหม่ ภาคเศรษฐกิจพื้นฐานไทยกำลังเริ่มต้นปรับโครงสร้าง
การพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อขยายพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อการส่งออก ให้เป็นสินค้าทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งในวงจรใหญ่แห่งระบบเศรษฐกิจ ในภาพกว้างโครงสร้างสังคมไทยกำลังขยับเขยื้อน การพัฒนาสาธารณูปโภค เชื่อมระหว่างเมืองกับหัวเมือง ส่งผลให้ฐานผู้บริโภคกว้างขึ้น
เรื่องราวสำคัญ ยุคธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งซีพี เปิดฉากขึ้นใน “ยุคสงครามเวียดนาม” สหรัฐอเมริกาเขามีอิทธิพลในประเทศไทยภายใต้รัฐบาลทหารอย่างแข็งขัน เปิดเป็นฐานปฏิบัติการฐานทัพอเมริกัน ขณะเดียวกันเปิดพื้นที่อย่างกว้างขวางให้ธุรกิจอเมริกันด้วย
ขณะมีแรงกระเพื่อม เผชิญปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจย่อยๆ ต่อเนื่องมาจาก OIL SHOCK ตั้งแต่ปี 2514 ซีพีปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ ภายใต้กระแสนั้น ด้วยอ้างอิง และอาศัยอิทธิพลและโนว์ฮาวธุรกิจอเมริกัน
เกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับ Arbor Acres ผู้นำการผลิตไก่เนื้อ อุตสาหกรรมสำคัญในสหรัฐอเมริกายุคนั้น ต่อมา Arbor Acres กลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการขยายอิทธิพลสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่หลังสงครามโลกที่สอง กระตุ้นและเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนา
ปี 2514 ซีพี กับ Arbor Acres ร่วมมือพัฒนาจัดการการเลี้ยงไก่สมัยใหม่ขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ “ธุรกิจครบวงจร” ของซีพีในเวลาต่อมา
รวมทั้งมีโมเดล Contract Farming เกิดขึ้นอย่างจริงจังในประเทศไทย (ปี 2517) ท่ามกลางแรงต้านพอสมควร (อ้างจากกรณีศึกษา Harvard Business School 2535) ด้วยเกรงว่า “ฟาร์มขนาดเล็กๆ จะล้มละลาย ซีพีจะกลายเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจ”
แรงต้านที่ว่า เป็นส่วนหนึ่งในความเคลื่อนไหวต่อเนื่องกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 กระแสต่อต้านรัฐบาลทหารและเรียกร้องระบบการเมืองที่เปิดกว้าง เปิดฉากวิพากษ์สังคมอย่างเข้มข้น
รวมทั้งประเด็นว่าด้วย “ธุรกิจผูกขาด” มีพลังให้มีช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ
ขณะสงครามเวียดนามจบลง ด้วยความพ่ายแพ้ของสหรัฐ อิทธิพลคอมมิวนิสต์แผ่ขยายในประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา-ลาว พร้อมๆ “ทฤษฎีโดมิโน” ถูกยกขึ้นมา
จะถือเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่งต่อซีพีก็ว่าได้ หลายคนอาจไม่คาดคิดจะเป็นผลเชิงบวกในเวลาต่อมา
ช่วงนั้นซีพีได้ยกโมเดลธุรกิจในประเทศไทยสู่ระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง ทั้งในอินโดนีเซีย ไต้หวัน และมาเลเซีย รวมทั้งตกผลึกแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจระดับภูมิภาคอย่างมีแบบแผน ด้วยการจัดตั้งบริษัทลงทุน (Holding Company) ที่ฮ่องกง และพยายามแสวงหาโอกาสธุรกิจที่เปิดกว้างกว่าที่เป็นมา
สังคมธุรกิจไทยเผชิญบททดสอบอีกครั้ง เมื่อมีวิกฤตการณ์สถาบันการเงินในปี 2522 ว่าไปแล้วมีผลเป็นลูกโซ่มาจากตลาดหุ้นในฮ่องกงด้วย
ช่วงเวลาเดียวกัน ขบวนการคอมมิวนิสต์ไทยอ่อนกำลังลง (ตั้งแต่ปี 2522) เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เปิดความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน (ปี 2518) จนมาถึงช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อเติ้งเสี่ยวผิงขึ้นเป็นผู้นำจีน และได้ประกาศนโยบายปฏิรูปทางเศรษฐกิจ (ปี 2521)
ซีพีมีแผนการใหญ่ในปี 2522 จนกลายเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้ลงทุนในสาธารณรัฐประชาชนจีน “โดยรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหมายเลข 0001 ดำเนินกิจการโรงงานอาหารสัตว์ ณ เมืองเซินเจิ้น” เป็นฐานอันมั่นคงอีกแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่เปิดกว้างให้ซีพีขยายตัวขนานใหญ่ กลายเป็นเครือข่ายธุรกิจระดับโลก
ช่วงเชื่อมต่อก่อนเศรษฐกิจขยายตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง ความวิตกครอบงำตั้งแต่ช่วงปลายสงครามเวียดนามจางไป ไม่นานสงครามภายในกัมพูชาได้จบลง สู่ฉากใหม่ “เปลี่ยนจากสนามรบให้เป็นสนามการค้า” นโยบายรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (2530-2531) มีพลังให้ขบวนนักลงทุนต่างชาติอีกระลอกเข้ามา ขณะตลาดหุ้นส่งสัญญาณขาขึ้นทั้งภูมิภาค
ในช่วงนั้น (2527-2531) ซีพีทยอยนำบริษัทในกิจการเกษตรกรรมครบวงจรเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ประสานกับเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาค เข้าตลาดหุ้นไต้หวัน (ปี 2530) ตามมาด้วย CP Pokphand กิจการลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าทั้งตลาดหุ้นฮ่องกง (2531) และลอนดอน (2533)
พร้อมๆ แผนการลงทุนใหม่ๆ กับโอกาสใหม่เปิดกว้างครั้งใหญ่ในสังคมไทย โดยเฉพาะในปี 2533 ซีพีเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกโมเดลใหม่ๆ ด้วยแผนการร่วมทุนร่วมมือกับแบบฉบับจากยุโรป-สหรัฐ-ญี่ปุ่น และเข้าสู่ระบบสัมปทานรัฐครั้งแรกในธุรกิจสื่อสาร โดยอาศัยเทคโนโลยีโลกตะวันตก เพื่อวิ่งตามกระแสอันพุ่งแรง ว่าด้วยธุรกิจใหม่มีอนาคต
รวมทั้งเปิดพื้นที่ใหม่ในยุโรป ชิมลางด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ที่ตุรกี ในช่วงเวลาประชาคมเศรษฐกิจสหภาพยุโรปกำลังสถาปนาขึ้นเป็นประชาคมยุโรปอย่างจริงจัง (2536)
เป็นช่วงขยับปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งใน 2 ทศวรรษ (2520-2540) จนมาถึงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคซึ่งมีศูนย์กลางในประเทศไทย โดยรวมซีพีเผชิญผลพวงหลายมิติ ทั้งลดบทบาท-ถอนตัวบางธุรกิจ ขยับปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้เข้าที่ และแสวงหาโอกาสใหม่
ค่อยๆ ถอนตัวจากธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งได้มาตามกระแส “โชติช่วงชัชวาล” ลดบทบาทบางระดับ เพื่อรอโอกาสในธุรกิจค้าปลีก ปรับโมเดลธุรกิจสื่อสารซึ่งเผชิญทั้งวิกฤตการณ์การเงินและเทคโนโลยี จากการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ถึงการซื้อธุรกิจใหม่ จากระบบสื่อสารพื้นฐานดั้งเดิม สู่ระบบไร้สายและอินเตอร์เน็ต ที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างเครือข่ายธุรกิจครั้งใหญ่
ขณะในภาพกว้าง ภูมิภาคเผชิญภาวะและผลพวง “วิกฤตต้มยำกุ้ง” แต่จีนแผ่นดินใหญ่กลับเป็นพื้นที่แห่งโอกาส โอกาสของธุรกิจจีนภายใต้เปลือกหอยอันแข็งตัวของรัฐสังคมนิยม ได้ขยับโมเดลใหม่ ให้บางส่วนเข้ากับระบบทุนนิยม จนมีกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเติบโตอย่างมหัศจรรย์อย่างไม่ค่อยปรากฏในโลกทุนนิยม อย่างกรณี Alibaba และ China Mobile
ต่อมาคู่ขนานกับพลังดึงดูดหลังฟื้นไข้ “ต้มยำกุ้ง” สู่การหลอมรวมเศรษฐกิจในอาเซียน ดูไปแล้วเป็นส่วนหนึ่งในภาพใหญ่ “ทศวรรษแห่งเอเชีย” ที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง
ซีพีเริ่มต้นก่อนใครๆ บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกในจีนเริ่มต้นโมเดล Hypermarket (2540) ตามมาด้วยห้างสรรพสินค้าครบวงจรแห่งแรกของจีน (2545) ในเขตผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้
เมื่อ “กระแสจีน” พุ่งแรงขึ้น ขยายอิทธิพลกว้างขึ้น ซีพีซึ่งเป็น China Connection ดูจะมีโอกาสธุรกิจใหม่ๆ อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
เปิดฉากแผนการลงทุนครั้งใหญ่ในจีน-ปี 2555 ซีพีเข้าถือหุ้นใหญ่บริษัทประกันยักษ์ใหญ่จีน-Ping An Insurance ด้วยลงทุนถึงราว 2.8 แสนล้านบาท ตามมาด้วยแผนการที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้นในปี 2558 ซีพีร่วมมือกับ Itochu แห่งญี่ปุ่น ร่วมกันลงทุนถึงระดับ 4 แสนล้านบาท เข้าถือหุ้นจำนวน 20% ของ CITIC Group
จนมาถึงบทบาทใหม่น่าตื่นเต้นภายใต้รัฐไทยช่วงใหม่ มีผู้ครองอำนาจยาวนานช่วงหนึ่ง ต่อเนื่องจากรัฐประหารสู่รัฐบาลที่ทหารคงบทบาทสำคัญไว้
เป็นอีกช่วงที่สำคัญ ซีพีปักหลักมั่นคง เดินแผนการใหม่ๆ ในประเทศไทย
ทั้งเชื่อมโยง “กระแสจีน” ซึ่งดูจะมีอิทธิพลมากขึ้นในสังคมไทย
ปี 2557 ซีพีแสดงบทบาทเชื่อมโยงอย่างมีพลัง ทั้งนำรถยนต์แบรนด์จีน (ซื้อแบรนด์อังกฤษมาอีกทอด) เข้าสู่ในตลาดไทยได้อย่างดีพอสมควร แม้ตลาดจะถูกครอบงำโดยรถยนต์ญี่ปุ่น
และนำ China Mobile ธุรกิจต่างชาติอีกราย เข้าสู่ระบบสื่อสารในสังคมไทย ผ่านการถือหุ้นทรูคอร์ปอเรชั่น
ขณะที่ซีพีเดินแผนตามลำพังอย่างท้าทาย ทั้งหลอมรวมพลังในธุรกิจค้าปลีก และเข้าสู่ระบบสัมปทานรัฐครั้งใหม่ เป็นช่วงเวลาสำคัญทั้งการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างบริหารภายในซีพีเอง และอาจจะเป็นจังหวะสังคมไทยกำลังเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านอีกครั้งในไม่ช้า