ย้อนบทสัมภาษณ์สุดท้าย พระเอกตลอดกาล สมบัติ เมทะนี กับ มติชนสุดสัปดาห์ เปิดสูตร “หน้าอ่อน-หุ่นเฟิร์ม” ใน 83 ปี

“มติชนสุดสัปดาห์” นัดสนทนากับ “สมบัติ เมทะนี” หรือพี่แอ๊ด น้าแอ๊ด ของคนในวงการบันเทิง ที่บ้านทรงไทย 3 ชั้น ย่านลาดพร้าว 71

โดยภรรยาคู่ใจ ตุ๊ “กาญจนา เมทะนี” อยู่กันมานานกว่า 60 ปี ร่วมพูดคุยด้วย

ภายในบ้านชั้นล่างนำรางวัลต่างๆ จำนวนมากมาตั้งโชว์ อาทิ ปี 2509 รางวัลตุ๊กตาทอง ดารานำชาย จากภาพยนตร์เรื่อง ศึกบางระจัน ปี 2539 รางวัลครอบครัวตัวอย่าง (ศิลปิน) และรางวัลศิลปินแห่งชาติปี 2559 ฯลฯ

แวบแรกที่เห็น ไม่น่าเชื่อว่าอดีตพระเอกดัง ฉายา “พระเอกตลอดกาล” อายุย่าง 84 ปีแล้ว เพราะถ้าให้ทายจากหน้าตาน่าจะราว 60 กว่า แถมรูปร่างยังดีไม่ลงพุง หลังตรง พูดจาฉะฉานและยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง

แม้สายตาจะไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป เนื่องจากงานแสดงโดนแสงเยอะ และไปใช้ยาหยอดที่ทำให้เกิดผลกระทบ รวมทั้งหูข้างซ้ายที่มีปัญหาการได้ยินบ้าง หลังเล่นฉากบู๊ที่สมัยก่อนใช้เอฟเฟ็กต์ต่างๆ

“ผมอายุ 83 แล้ว สุขภาพตอนนี้ก็โอเค ผมออกกำลังกายมาตลอด ที่หน้าบ้านก็มีบาร์เบล ดัมเบล เราอยู่ได้ก็เพราะพวกนี้ ออกกำลังกายมาตั้งแต่วัยรุ่น เห็นคุณพ่อ (ข้าราชการกรมรถไฟ) ออกกำลังทุกแบบ ทั้งรักบี้ ฟุตบอล ก็เล่นตามท่าน ตอนเรียนอยู่โรงเรียนเทพศิรินทร์ มีกีฬาหลายอย่าง มวย ฟุตบอล รักบี้ก็มี ทำให้เราคล่องตัวในการเคลื่อนไหว เวลามาแสดงภาพยนตร์ก็ทำให้คล่องตัวดี ซึ่งคนอื่นอาจมีเหมือนกัน แต่คงสู้เราไม่ได้หรอกเพราะเรามีเครื่องมือออกกำลังกายเยอะมาก”

: ถ้าไม่บอก คงไม่มีใครรู้ว่าอายุ 83 เคยไปทำหน้าหรือไปฉีดอะไรมาบ้างไหม

ไม่มี อันนั้นผู้หญิงเขาทำกัน ผู้ชายไม่ต้องทำ เพียงแค่เราออกกำลังทุกชนิด ถามว่ามีบำรุงอะไรไหม ก็ไม่มี แค่ออกกำลังกาย ผมว่าการออกกำลังทำให้หน้าอ่อน แน่นอนที่สุด

: สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง

คอยดูแลตัวเองเสมอ เรื่องอาหารการกินก็ไม่มีอะไร สบายๆ ผมกินง่าย สำคัญคือกินให้ครบ 5 หมู่ ตอนนี้ต้องระวังเรื่องฝุ่น แต่ที่ผ่านมาเกือบตายช่วงปี 2557 รักษาตัวอยู่ห้องไอซียู 8 วัน รอดตายมาได้ ตอนนั้นหมดเงินไปเยอะ เหตุเกิดจากไปนวดกดจุด

ผมเป็นคนชอบนวดมาก โดยเฉพาะนวดแผนโบราณ นักแสดงชอบนวดทุกคนเพราะนวดแล้วมันสบาย มีวันหนึ่งต้องเดินทางไปทำงาน ระหว่างรอขึ้นเครื่องบินมันนาน เลยไปนวดกดจุด แล้วไม้ที่กดจุดมาโดนผิวเป็นแผลถลอกที่ตาตุ่ม แล้วไม่ได้ทำแผลเลยติดเชื้อในกระแสเลือด วันแรกไม่เท่าไหร่ พอวันที่สองไม่รู้เรื่องเลย ต้องหามเข้าโรงพยาบาล มีหมอดูแล 15 คน หลังจากนั้นเลิกนวดกดจุดเลย

: ยังรับงานในวงการบันเทิงอยู่หรือเปล่า

งานแสดงคงไม่มี กลัวจำบทไม่ได้ แต่ถ้าเป็นงานโชว์ตัวหรือร้องเพลงยังพอไหว ร้องเพลงยังพอได้ เป็นอาชีพได้ เพลงที่ร้องส่วนใหญ่เป็นแนวไทยเดิม ไทยสากล ฝรั่งก็ได้ (พร้อมร้องโชว์ เสียงดีมาก)

ยุคที่มีชื่อเสียงก็มีงานเยอะ เรียกว่ามีงานทุกวัน ตอนนี้อายุมากแล้ว ก็มีรับงานบ้าง ส่วนใหญ่เป็นโชว์ตัวนิดๆ หน่อยๆ แต่ก่อนมันมีจังหวะที่ดี ได้งานดี เงินดี แต่พอถึงช่วงหนึ่งก็หมด เราก็ไปทำอาชีพอื่น ผมทำหลายอย่าง คือสามารถใช้ชื่อเสียงเราได้ อย่างไปเป็นที่ปรึกษา บางที่ทำเป็นเดือน บางที่เป็นปี เราก็โอเคไม่ค่อยเดือดร้อน ตอนนี้เพื่อนๆ เสียชีวิตไปกันเยอะแล้ว

“เวลานี้ไม่ได้วางแผนอะไรในชีวิต อายุป่านนี้แล้ว ชีวิตก็มีความสุขดี พยายามอย่าให้เจ็บป่วย”

“สมบัติ” มีลูกชาย 4 คน ผู้หญิง 1 คน มีหลาน 2 คน ลูกๆ ทั้ง 5 ต่างมีหน้าที่การงานที่ดี ลูกบางคนเคยอยู่ในวงการบันเทิงบางช่วง และก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจฟิตเนสแต่เลิกกิจการไปแล้ว

ถามถึงหลักการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน

สมบัติบอกว่า “เขาก็ทำอย่างพ่อ ผมก็ทำตามอย่างพ่อเหมือนกัน คือพ่อผมท่านเป็นข้าราชการรถไฟ ท่านออกกำลังกายเราก็ทำตาม และท่านก็มีบางอย่างที่ทำให้เรายั้งคิดบางอย่างได้”

ในช่วงอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 20 กว่า เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า อดีตพระเอกผู้นี้ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องชู้สาว และได้ชื่อว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียว รักครอบครัว

“ผมระวังตัวเรื่องนี้มาก เพราะมันล่อแหลมพอสมควร ถ้าพลาดท่าก็หมด คือเราก็มีภรรยาแล้ว แต่สมัยก่อนมันเปิดเผยไม่ได้ ถ้าเราไปยุ่งกับหลายๆ คน เราเสีย ถ้าไปยุ่งเราก็หนีไม่พ้น อย่างที่รู้ว่าหูตานักข่าวนี่… (หัวเราะ) เราต้องระวังตัวเรื่องนี้ ผมซื่อสัตย์มั่นคงกับภรรยา มันช่วยให้ครอบครัวเรามีสุข และทำให้เราไม่เหลวไหล”

ถ้าเราเกิดกิเลส เราเสียคน มันอาจมีความสุขเพียงชั่วครู่ แต่ก็สุขไม่นานหรอก เรารักษาตัว สามารถบังคับจิตใจไม่ให้วอกแวก แต่ก็มีหลายคนที่เป็นนักแสดงผู้ชายที่ไปมีตามธรรมชาติของผู้ชาย ฉะนั้น เราต้องรู้สึกตัวและบังคับตัวเองให้ได้ในเรื่องพวกนี้

ต้องมีความสำรวม ในสิ่งที่ควร ไม่ควร สตรีคือศัตรูของการเรียน อันนี้เป็นเรื่องจริงนะ ถ้าเราปฏิบัติตัวดี อย่างไรก็ไม่พลาด แม้เรื่องเจ้าชู้เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย แต่ถ้าเรารู้จักสำรวมและอดกลั้นจะมีชัย ที่สำคัญเรามีคนที่รักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น อย่าทำลายสิ่งนั้น ถ้าเราไม่สามารถทำได้อาจพลาดได้ เพราะการทำงานไม่ใช่การเรียน มันเลยมีคนพลาดอยู่บ่อยๆ (หัวเราะอย่างอารมณ์ดี)

“เราต้องระวังตัว อย่าให้พลาด เพราะเรามีแก้ว (ภรรยา) อยู่ในมือแล้ว เราก็อย่าไปทำลายแก้ว และเวลามีปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ต้องมีสติ เพราะบางครั้งอารมณ์เราพลุ่งพล่านจะทำให้เสียประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ดังนั้น คนเราต้องกำจัดอารมณ์ตัวเองให้ได้”

การที่คนเราดำรงชีวิตอยู่ได้ ถ้ามีการอดกลั้นและมุมานะ และรู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี นี่คือสิ่งสำคัญ

ในวงการบันเทิง 60 ปีที่ผ่านมา พระเอกตลอดกาลผู้นี้ มีผลงานการแสดงกว่า 600 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์และละคร โดยได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นนักแสดงที่แสดงภาพยนตร์มากที่สุดในโลกคือ 617 เรื่อง

“ผมเป็นนักแสดงที่มีผลงานมากที่สุดในโลก เพราะพระเอกอินเดียที่บันทึกไว้ยังมีแค่ 500 กว่าเรื่อง นางเอกที่เล่นด้วยมีหลายคน ตอนนี้ก็ยังมีติดต่อกับนางเอกเก่าๆ บ้างเพราะบางคนยังมีชีวิตอยู่ อย่างอมรา (อมรา อัศวนนท์) เปี๊ยก อรัญญา (อรัญญา นามวงศ์), มี๊ พิศมัย (พิศมัย วิไลศักดิ์) แล้วก็มีอี๊ด เพชรา (เพชรา เชาวราษฎร์)”

เขาพูดถึงเทคนิคในการแสดงว่า “ส่วนมากจำตอนที่พ่อพาไปดูหนัง โดยเฉพาะหนังฝรั่งยุคเก่าๆ พระเอกเท่มาก เราจะดูว่าเขาฟันดาบอย่างไร เขาเข้าพระเข้านางอย่างไร เราก็ได้เรียนรู้จากฉากหนังฝรั่งเยอะ เรียกว่าเขาเป็นครูเราก็ได้”

“สมบัติ” มองวงการบันเทิงยุคนี้ว่า “เด็กรุ่นใหม่เขาก็โอเค เท่าที่ผมได้ดู เขาแสดงเก่ง มีความสามารถดี ผมว่าเขาเอาตัวรอดสบาย ถ้าเทียบกับวงการบันเทิงยุคก่อน ยุคนี้มีอิสระในการดำรงชีพมากกว่า และเปิดเผยเรื่องคู่ครองได้มากกว่า ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องปิดบัง เพื่อให้ตัวเราไม่เสื่อมความนิยม อย่างไรก็ตาม การที่เรามีคู่ชีวิตที่ดีอยู่แล้วก็ประคองชีวิตของเราให้ราบรื่นจะดีกว่า ผมเชื่อว่าการซื่อสัตย์สุจริตต่อกันดีที่สุด”

ก่อนกลับ ตุ๊ “กาญจนา เมทะนี” นำภาพวาดสีน้ำฝีมือ “สมบัติ” มาให้ดู ซึ่งที่ผ่านมาเคยวาดรูปเพื่อหารายได้ให้กับทางโรงพยาบาลศิริราช พร้อมหนังสือภาพเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่เจ้าตัวเขียนเสร็จแล้วหลายเล่ม ชี้ให้เห็นว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายจริงๆ และยังให้จับกล้ามเนื้อแขนเป็นมัดๆ ที่ยังแข็งแรง

ห้วงเวลาที่สนทนากับอดีตพระเอกคนนี้ ทำให้ได้สัมผัสว่า “สมบัติ เมทะนี” เป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอจริงๆ สมกับฉายา “พระเอกตลอดกาล”