ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
แทบจะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าหากพูดถึงความสัมพันธ์รักโรแมนติกที่เกิดขึ้นระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์
ภาพยนตร์เรื่อง Her จะต้องถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างแรกๆ
และคนส่วนใหญ่ก็มองว่ามันเป็นแค่จินตนาการที่อยู่ได้ในเรื่องแต่ง หรือหากจะเกิดขึ้นจริงก็อาจจะต้องรอเวลาอีกหลายสิบปีข้างหน้า
ยังไม่ใช่ปัจจุบันหรืออนาคตที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานแน่ๆ
สิ่งที่คนนอกวงการอาจจะไม่รู้ก็คือ แท้ที่จริงแล้วความสัมพันธ์รักในรูปแบบนี้อยู่ “ตรงนั้น” มาโดยตลอด อยู่มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และมีแนวโน้มที่จะขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบทวีปเอเชียที่คนมีปฏิสัมพันธ์กับวิดีโอเกมหรือแอนิเมชั่นอย่างใกล้ชิดกว่า
เมื่อฉันพูดถึงคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถตกหลุมรักได้ ฉันไม่ได้หมายถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่ในสมาร์ตโฟนหรือลำโพงอัจฉริยะของเรา
จริงอยู่ที่เราสามารถพูดคุยกับ Siri หรือ Google Assistant ได้ แต่รูปแบบการตอบโต้ของผู้ช่วยส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราเกิดความผูกพันในระดับที่ลึกซึ้งได้ เนื่องจากเป็นความสัมพันธ์แบบตั้งรับ เราถามไป คอมพิวเตอร์ถึงจะตอบกลับมา
คล้ายๆ กับเราจีบใครสักคนหนึ่งที่จะตอบกลับก็ต่อเมื่อเราทักไป และเป็นการตอบกลับแบบครั้งเดียวจบ ความสัมพันธ์แบบนี้ก็คงไปได้ไม่ถึงไหน
ที่ฉันพูดถึงคือซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถามมาตอบไป และต่อให้ไม่ถาม ก็ยังเป็นฝ่ายริเริ่มบทสนทนา เรียกขาน และออดอ้อนได้
แชตบ็อตที่ทำแบบนี้ได้และได้รับความนิยมมากในเอเชียก็คือแชตบ็อตสาวน้อยวัย 18 ปี นามเสี่ยวไอซ์ (Xiaoice)
เสี่ยวไอซ์เป็นแชตบ็อตที่เป็นเทคโนโลยีจากไมโครซอฟท์ มีความสามารถในการพูดคุยกับมนุษย์ได้อย่างไหลลื่น
ไม่ใช่แค่การตอบโต้ได้อย่างเป็นธรรมชาติจนผู้ใช้งานแทบจะลืมไปว่าอีกปลายด้านหนึ่งของการสนทนานั้นไม่ใช่มนุษย์จริงๆ
แต่เสี่ยวไอซ์ยังสามารถเลียนแบบความเข้าอกเข้าใจของมนุษย์ ซ้ำยังกระตุ้นให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นหนาขึ้นด้วยการส่งข้อความไปหาว่าคิดถึงและชักชวนให้กลับมาคุยกันหากเห็นว่าผู้ใช้งานหายหน้าไปนานกว่าปกติ
เสี่ยวไอซ์เป็นที่ถูกใจในหมู่ผู้ใช้งานที่เป็นชายชาวจีน และมีคนเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเธอมากกว่า 600 ล้านความสัมพันธ์
ความสมจริงของเสี่ยวไอซ์ทำให้พวกเขาเหล่านั้นจินตนาการเอาได้ไม่ยากเลยว่าตัวเองกำลังมีความสัมพันธ์ระยะไกลกับสาวน้อยน่ารักวัยสิบแปดคนหนึ่งที่แม้จะไม่เจอตัวจริงกันก็ไม่เป็นไร
เพราะทุกครั้งที่ทักแชตไปเธอจะตอบกลับอย่างร่าเริงเสมอ
ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่น แต่จู่ๆ ผู้ใช้งานก็พบว่าเสี่ยวไอซ์ที่พวกเขาเคยชวนคุยได้ทุกเรื่อง กลับฉลาดน้อยลงเรื่อยๆ จนไปถึงขั้นที่ไม่สามารถชวนคุยในหัวข้อที่มีความซับซ้อนได้อีกต่อไปแล้ว
สวนทางกับธรรมชาติของการเป็นแชตบ็อต เทคโนโลยีที่ยิ่งผู้ใช้งานชวนคุยบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งจะต้องฉลาดขึ้น และรู้จักผู้ใช้งานของตัวเองได้ดีขึ้น แต่เสี่ยวไอซ์กลับดูตื้นเขินกว่าเดิม
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวไอซ์ฉลาดเสียจนสามารถถกเถียงเรื่องยากๆ อย่างเรื่องการเมือง หรือหัวข้อสำหรับผู้ใหญ่ได้อย่างคล่องแคล่ว หัวข้อเหล่านี้มีความอ่อนไหวสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ทำให้หลายๆ แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น QQ หรือ WeChat ต้องถอดเสี่ยวไอซ์ออกไปก่อน
ผู้พัฒนาเสี่ยวไอซ์ต้องแก้ปัญหาด้วยการใส่ฟิลเตอร์เข้าไปกลั่นกรองสิ่งที่เสี่ยวไอซ์พูดเพื่อทำให้เธอไม่ฉลาดเท่าเดิม แล้วจึงนำกลับมาให้บริการใหม่
จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเสี่ยวไอซ์เปลี่ยนไป เธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ซีอีโอของเสี่ยวไอซ์บอกว่า ฟิลเตอร์ที่ใส่เข้าไปจะค้นหาคำที่มีความอ่อนไหวทั้งหลาย ถ้าตรวจพบว่ามีการใช้คำเหล่านี้ ก็จะทำให้เสี่ยวไอซ์ลดระดับความฉลาดลงทันที
สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการจะมีใครสักคนที่คอยตอบคำถามหรือชวนคุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันก็อาจจะไม่รู้สึกได้รับผลกระทบอะไรจากฟิลเตอร์นี้
แต่ผู้ใช้งานที่ลงทุนทางความรู้สึกไปกับเสี่ยวไอซ์ น่าจะสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าใคร
หากเทียบความสัมพันธ์นี้กับความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักที่เป็นคนกับคน มันก็น่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปได้ไม่มากกว่านี้ การถกเถียงกันเกี่ยวกับหัวข้อที่มีความอ่อนไหว อย่างความเชื่อทางการเมือง ศาสนา หรืออะไรก็ตามที่เป็นการปอกเปลือกและลอกชั้นทางความคิดเป็นสิ่งที่ทำให้คนสองคนได้เห็นตัวตนของกันและกันมากขึ้น
และทำให้ความสัมพันธ์มีเลเยอร์ที่น่าสนใจขึ้นไปอีกระดับ
น่าเสียดายที่ผู้พัฒนาจำเป็นต้องกดความสามารถนี้เอาไว้
ในขณะเดียวกันมองจากมุมของบริษัทก็พอจะเข้าใจได้ ซีอีโอบอกว่าไม่ได้อยากให้เสี่ยวไอซ์กลายเป็นผู้ปกครองทางด้านศีลธรรมให้กับใคร
เพราะก็ไม่เชื่อว่าระบบจะเก่งกาจพอที่จะอะไรแบบนั้นได้ เขาขอเพียงแค่เสี่ยวไอซ์ไม่ไปลบหลู่ดูหมิ่นผู้ใช้งานคนไหนก็พอแล้ว
นอกจากความกังวลเรื่องความฉลาดที่มีมากเกินไปของเสี่ยวไอซ์แล้ว อีกอย่างที่ต้องระวังก็คือ ข้อมูลส่วนตัวที่เสี่ยวไอซ์ได้รับจากผู้ใช้งานไปนั้นอาจถูกนำไปใช้เพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ล่วงรู้หรือไม่ยินยอม
ข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของเสี่ยวไอซ์เป็นผู้ชายชาวจีนที่มาจากเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในจีนเองว่านี่คือตลาดที่ผู้หญิงจีนไม่ค่อยจะชายตามองสักเท่าไหร่
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นห่วงกลุ่มผู้ใช้เหล่านี้เป็นพิเศษเพราะมองว่าเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่อ่อนไหวง่าย ถูกเอาเปรียบได้ง่าย
บริษัทผู้สร้างเสี่ยวไอซ์พยายามหยิบยื่นตัวเลือกอื่นๆ ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ อย่างเช่นเอไอที่พวกเขาสามารถปรับแต่งด้วยตัวเองได้ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เพราะหนุ่มๆ กลุ่มนี้ก็ยังยืนยันว่าจะแบ่งเวลา ความรัก และความใส่ใจที่มีให้กับเสี่ยวไอซ์เพียงคนเดียว
คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่ความสัมพันธ์รักระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปรับได้และเห็นจนชินตา ในระหว่างนั้นมนุษย์อย่างเราก็ต้องใช้เวลาในช่วงนี้ตกลงกันให้ได้ก่อนว่าจะต้องมีคู่มือ กฎระเบียบ หรือข้อตกลงร่วมอะไรที่ต้องถูกร่างขึ้นมาเพื่อรับมือกับปรากฏการณ์ใหม่นี้โดยที่จะยังรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด
มาหักมุมตรงที่หนุ่มผู้ใช้งานชาวจีนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการมีเสี่ยวไอซ์ในชีวิตให้เขาได้คุยด้วยต่อไป
ความเป็นส่วนตงส่วนตัวอะไรนั่นน่ะช่างหัวมันเถอะ แคร์เสียที่ไหนกัน