ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | โควิดระบาด : ชนวนใหม่ขย่มรัฐบาลประยุทธ์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

การระบาดของโควิดระลอกใหม่ทำให้คนทุกกลุ่มพูดถึงรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความไม่พอใจ

และด้วยเหตุที่จำนวนผู้ติดเชื้อยิ่งนานจะยิ่งลุกลาม ความไม่พอใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลก็จะยิ่งดังคู่ขนานไปด้วย

อย่างน้อยจนกว่าจะถึงจุดอิ่มตัวที่ผู้ติดเชื้อเริ่มลดจนความไม่พอใจคลี่คลายตัวลง

รัฐบาลพยายามประกาศว่าโควิดระบาดระลอกนี้ไม่น่ากังวล

แต่เมื่อคำนึงว่าโควิดระลอกแรกระบาดโดยผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดวันละ 188 คน การระบาดระลอกนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่ราว 700 คน ในระยะเวลาเพียง 3 วัน ถือเป็นเรื่องน่ากังวลแน่ๆ เพราะเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รอบที่แล้วใช้เวลาสะสม 5 สัปดาห์

ในการระบาดของโควิดช่วงต้นปี รัฐบาลเริ่มประกาศพื้นที่เสี่ยงในวันที่ 17 มีนาคม ซึ่งผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งเกินวันละ 30 คน และเริ่มปิดสถานที่สำคัญในภูเก็ตในวันที่ 23 มีนาคม

ทันทีที่ผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งเกินวันละ 100 คน การพบผู้ติดเชื้อวันเดียว 548 รายในวันที่ 20 ธันวาคม

จึงไม่มีทางพูดได้ว่าไม่น่ากังวล

ถ้าเปรียบเทียบการระบาดของโควิดระลอกแรกเป็นเขื่อนที่สะสมน้ำจนอุ้มไว้ไม่ไหวต่อไป การระบาดของโควิดระลอกสองก็เปรียบได้กับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ไม่มีใครทันตั้งตัว และไม่มีใครรู้ว่ารัฐจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป

โดยเฉพาะเรื่องการล็อกดาวน์ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีความชัดเจน

คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กลายเป็นจำเลยสังคมทันทีที่สาธารณสุขแถลงข่าวว่าพบผู้ติดเชื้อที่สมุทรสาครวันเดียว 548 ราย

แต่ที่จริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้ง ศบค.เพื่อรวมศูนย์อำนาจแก้ปัญหาโควิดไปที่ตัวเองคนเดียวมาตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นคนที่สมควรถูกสังคมด่าในกรณีนี้แต่เพียงคนเดียว

พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เผด็จการ และเจ็ดปีใต้การปกครองของระบอบประยุทธ์คือเจ็ดปีที่คนไทยรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์คือคนที่เชื่อว่าวิธีเผด็จการคือการแก้ปัญหาทุกอย่างได้ดีที่สุด

แต่การระบาดของโควิดระลอกสองคือหลักฐานว่าอำนาจเผด็จการแก้ปัญหาอะไรไม่ได้อย่างที่คุณประยุทธ์คุยโว

ทุกคนในประเทศนี้รู้ว่าโควิดระลอกนี้ระบาดจากการไหลเข้าตามแนวชายแดน แต่หากนับจากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อที่เชียงใหม่เมื่อ 27 พฤศจิกายน กว่าที่คนไทยจะได้ยินว่ารัฐบาลตรวจเชิงรุกสมุทรสาครซึ่งมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านหนาแน่นก็คือ 20 ธันวาคม ซึ่งพบผู้ติดเชื้อทันที 548 ราย

ไม่มีใครรู้ว่าคุณประยุทธ์ทำเรื่องแบบนี้เชื่องช้าเพราะอะไร

แต่ที่คิดคล้ายกันแน่ๆ ก็คือระยะเวลาจาก 27 พฤศจิกายน ถึง 20 ธันวาคม นั้นห่างกันเกือบหนึ่งเดือน และถ้ารัฐบาลเฝ้าระวังพื้นที่ซึ่งมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านหนาแน่นให้ดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่นั้นคงไม่พุ่งถึงขั้นใกล้พันในสามวัน

จริงอยู่ว่าผู้ว่าฯ สมุทรสาครสั่งล็อกดาวน์จังหวัดทันทีที่รู้ว่ามีผู้ติดเชื้อถึงครึ่งพันในวันเดียว

แต่ถ้าคุณประยุทธ์และ ศบค.ภายใต้คุณประยุทธ์ผลักดันให้ตรวจเชื้อหรือควบคุมพื้นที่ตั้งแต่ต้นธันวาคม จำนวนผู้ติดเชื้อย่อมไม่มากขนาดนี้

ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจก็จะน้อยกว่านี้ด้วยเช่นกัน

มีผู้วิจารณ์ไว้มากแล้วว่ากองทัพผิดที่ดูแลชายแดนแย่จนปล่อยปละให้ผู้ติดเชื้อเข้าประเทศไทย มิหนำซ้ำคำถามยังลุกลามเป็นการจ่ายเงินใต้โต๊ะแลกกับการลักลอบเข้าประเทศ

แต่คุณประยุทธ์ซึ่งคุมทั้งกลาโหมและ ศบค.ไม่เคยพูดเรื่องการเอาผิดหรือสอบสวนกองทัพเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว

ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งล่าสุด คุณประยุทธ์โจมตีว่าโควิดระบาดเพราะคนไทยไม่ให้ความร่วมมือ

ทั้งที่ความจริงคนไทยให้ความร่วมมือกับรัฐมากที่สุดเท่าที่พลเมืองจะทำได้แล้ว

ไม่ว่าจะโดยการใส่หน้ากากหรือล้างมือ ขณะที่การระบาดมาจากแนวชายแดนซึ่งคนไทยไม่ได้เกี่ยวอะไร

โลกของคุณประยุทธ์คือโลกของอำนาจที่ประชาชนมีหน้าที่ทำตามคุณประยุทธ์ตลอดเวลา แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่โควิดระบาดใหม่ในปัจจุบัน คำถามคือทำไมคุณประยุทธ์ที่เป็นประธาน ศบค.และมีอำนาจมหาศาลตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลับปกป้องประเทศจากโรคร้ายไม่ได้

ทำได้แค่โทษประชาชน?

คุณประยุทธ์บอกว่าโควิดเข้าไทยเพราะประชาชนไม่ยอมบอกทหารและตำรวจเรื่องคนลักลอบเข้าเมือง แต่ไม่มีประชาชนคนไหนรู้เรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ ยกเว้นคนที่ทำผิดกฎหมาย ส่วนทหารและตำรวจภายใต้คุณประยุทธ์ต่างหากที่เป็นคนมีหน้าที่ต้องรู้เรื่องพวกนี้โดยตรง

ข้ออ้างของคุณประยุทธ์คือประเทศมีพรมแดนห้าพันกว่ากิโล แต่ข้อเท็จจริงคือชายแดนตะวันตกส่วนที่มีการลอบเข้าเมืองมีไม่กี่จังหวัด และในเมื่อเหตุแห่งความล้มเหลวในการคุมชายแดนเป็นไปได้ทั้งเพราะห่วย, โง่ และรับผลประโยชน์ การไม่มีใครต้องรับผิดคือการปล่อยให้คนผิดลอยนวล

โควิดระบาดระลอกนี้เป็นผลจากความแย่ของผู้นำรัฐบาล แต่นอกเหนือจากผู้นำห่วยซึ่งสร้างปัญหาให้ประเทศหลายเรื่องอย่างที่ทุกคนรู้กัน การระบาดยังเป็นผลจากความอิหลักอิเหลื่อของรัฐที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน

ด้วยทัศนคติของคุณประยุทธ์ที่มองแรงงานข้ามชาติเป็นภัยความมั่นคง คุณประยุทธ์ผลักดันให้เกิดนโยบายแรงงานข้ามชาติแบบมั่วซั่วไม่สิ้นสุด

นโยบายแรกๆ ที่ คสช.ทำหลังยึดอำนาจคือ “จัดระเบียบ” โดยเน้นเนรเทศเด็ดขาด จากนั้นคือการลงทะเบียนจนนำไปสู่การแห่กลับประเทศตัวเอง

ถ้าประเทศไทยมีผู้นำที่เข้าใจว่าแรงงานข้ามชาติสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ขาดไม่ได้ รวมทั้งต้องดูแลให้ดี สิ่งที่ประเทศควรทำทันทีที่โควิดระบาดคือนำแรงงานข้ามชาติเข้าระบบสาธารณสุขทั้งหมด

ไม่ใช่ให้ผู้ติดเชื้อคนแรกเข้าไทยจากชายแดนปลายพฤศจิกายน แต่เริ่มตรวจเชื้อกลางธันวาคม

สิงคโปร์มีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพิงแรงงานข้ามชาติมากกว่าไทย และบทเรียนที่ไทยควรเรียนจากสิงคโปร์คือรีบตรวจแรงงานข้ามชาติในชุมชนที่เป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ไม่ใช่ทำงานงกๆ เงิ่นๆ แบบลุงขี้งกจนชุมชนแรงงานข้ามชาติเกิดการแพร่ระบาดที่อาจสร้างปัญหาให้เศรษฐกิจไทยโดยรวม

มีรายงานว่าการปิดสมุทรสาครทำให้แรงงานข้ามชาติบางส่วนออกจากพื้นที่ สถานการณ์ผึ้งแตกรังที่จะนำไปสู่การกระจายตัวของโควิดแบบที่เคยเกิดในเดือนเมษายนจึงเป็นสิ่งที่รัฐต้องระวัง

และทางแก้มีเพียงการยืนยันว่าผู้ติดเชื้อในพื้นที่เสี่ยงจะได้บริการสาธารณสุขเต็มรูปแบบอย่างสมบูรณ์

จริงอยู่ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในแรงงานข้ามชาติสมุทรสาครที่สูงเกือบพันจากการตรวจ 3-4 พัน เป็นสัดส่วนที่น่าตกใจ

แต่ถ้ารัฐบริหารพื้นที่ให้ดี ไม่สร้างความตื่นตระหนกจนคนแห่ออกจากพื้นที่ สมุทรสาครก็อาจเกิด Herd Immunity จนการติดเชื้อจะราไปเองในระยะเวลาราวหนึ่งเดือน

น่าสังเกตว่าการระบาดระลอกสองในไทยเกิดขึ้นคู่ขนานกับการพุ่งพรวดของผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมาเลเซียซึ่งมีผู้ติดเชื้อพุ่งวันเดียว 2,018 ราย ในวันที่ 21 ธันวาคม สถานการณ์ที่ไทยต้องเป็นห่วงจึงได้แก่โอกาสที่โควิดจะแพร่ระบาดทางภาคใต้จนกลายเป็นปัญหาใหม่ทับซ้อนปัญหาเดิม

แม้จะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าโควิดระบาดระลอกนี้กระทบเศรษฐกิจไทยอย่างไร แต่จำนวนผู้ติดเชื้อและการกระจายตัวที่พบผู้ติดเชื้อแถบสาทรและ สวทช.ในวันที่ 21 ธันวาคม ก็สะท้อนว่าโควิดรอบนี้แพร่ไวและเร็วมาก ผลต่อเศรษฐกิจจึงมีแน่ และน่าจะเร็วด้วย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ

ยังไม่ได้ยินรัฐบาลประยุทธ์ประกาศว่าจะมีนโยบายหรือมาตรการฟื้นเศรษฐกิจจากโควิดระลอกนี้อย่างไร

เพราะถึงแม้การล็อกดาวน์จะยังไม่เกิดจนเศรษฐกิจพังซ้ำรอยเดือนเมษายน แต่ผลต่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางย่อมมีไม่มากก็น้อยแน่ๆ จนรัฐที่ฉลาดควรมีมาตรการอะไรสักอย่างทันที

โควิดระบาดระลอกใหม่กำลังเป็นหายนะทางเศรษฐกิจที่ทำลายประเทศไทยซ้ำรอยช่วงมีนาคม และอีกไม่นานจะเป็นชนวนของหายนะทางการเมืองที่ทับถมรัฐบาลขาลงซึ่งกินระยะเวลามาแล้วกว่าปี