อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : บ้านต้องการเธอ

ทางรอดอยู่ในครัว
: บ้านต้องการเธอ

เธอบอกว่า เธอรู้จักฉันจาก podcast ซึ่งว่าด้วยการกลับมาอยู่บ้านของฉัน ให้บังเอิญว่าบ้านของเราคือจังหวัดเชียงราย และดูเหมือนเราถูกสถานการณ์ผลักให้กลับบ้านเหมือนกัน เราไม่ได้เลือกเองเสียทั้งหมด แต่เมื่อเราอยู่ในบ้าน (แม้ไม่คุ้นเคยนัก) เราก็ต้องเลือก-ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตที่นี่

ฉันกลับมาอยู่บ้านเพราะน้องสาวและครอบครัวของเธอต้องย้ายไปจังหวัดอื่น และแม่ควรมีลูกสักคนอยู่ใกล้ๆ

เธอต้องกลับมาดูแลบ้าน เพราะบ้านของเธอไม่เหลือใคร เมื่อเธอเสียพ่อกับแม่ไป

ฉันเลือกที่จะเปิดบ้านให้คนมาพัก เพียงสามห้อง ตามกำลังของฉัน

เธอเปิดบาร์อาหารเช้าในบ้านของเธอ ขายเครื่องดื่มและอาหารง่ายๆ ไม่กี่อย่าง

แรกทีเดียว ฉันไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับอาหารของเธอ ฉันอยากมาเพื่อให้กำลังใจ ฉันรู้ว่าเราแบกบางสิ่งไว้เหมือนกัน การดูแลพื้นที่หนึ่งไร่โดยไม่มีทั้งคนและเงินเป็นภาระหนัก และการที่เราคิดจะทำอะไรสักอย่างบนที่ดินก็ยิ่งเพิ่มภาระ

ทำไมเราต้องเพิ่มภาระ

ฉันไม่รู้คำตอบของเธอ แต่สำหรับฉัน หนึ่งไร่กับสองชีวิตนั้นเงียบเหงาเกินไป เราอยากแบ่งต้นไม้เหล่านี้กับคนอื่น และฉันมีศักยภาพที่จะทำ ฉันชอบจัดห้อง ชอบทำอาหาร ไม่ง่าย และไม่สบาย แต่เป็นอีกงานที่ฉันภูมิใจ

ฉันเห็นความภูมิใจชนิดเดียวกันในดวงตาเธอ เมื่อฉันกินแซนด์วิชหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที

“อร่อย” ฉันบอกเธอ

ดวงตาวิบวับบอกว่าดีใจจัง สีหน้าเธอดูเขินๆ เธอบอก “ไข่ที่พี่กิน มาจากไก่ในบ้านนี้ค่ะ”

ไก่สามหรือสี่ตัวนะที่ฉันเห็น มันเดินบนลานดินหน้าบ้านเธอ หากินตามประสา

บ้านของเธอเป็นบ้านไม้แบบดั้งเดิม ยกพื้นสูง ดูเหมือนเธอไม่ได้ทำอะไรกับบ้านนัก เช่นเดียวกับศาลาเล็กๆ นี้ ซึ่งเธอใช้เป็นบาร์ก็น่าจะมีอยู่ก่อนหน้า

ให้ฉันเดา เธอแค่ยกโต๊ะมาตั้ง สำหรับทำเครื่องดื่มหนึ่งโต๊ะ สำหรับทำแซนด์วิชหนึ่งโต๊ะ มีเตาถ่านสองเตา สำหรับปิ้งขนมปังและทำขนมรังผึ้ง ที่เธอบอกว่าวันเสาร์-อาทิตย์ เธอมีขนมจีนน้ำโสะ หรือแกงฮังเลนั้น เธอน่าจะทำจากครัวในบ้าน เมื่อลูกค้าสั่ง เธอคงเดินเข้าบ้าน แล้วยกอาหารมาจากที่นั่น

เหมือนที่ฉันเสิร์ฟอาหารเช้าโดยทำจากครัวในบ้านของเรา มันอยู่ไกลจากบาร์ แต่ฉันเดินได้ เดินจนชิน เพราะการมีครัวอยู่ใกล้บาร์อีกหนึ่งครัว หมายถึงเราต้องมีเงินก้อนหนึ่ง กิจการของเราเล็กเกินกว่าจะหาจุดคุ้มทุน และที่แน่ๆ เราไม่มีทุน

เรายินดีจะเดินไกลเพื่อได้เสิร์ฟอาหาร

เธอมีเมนูหลักสองเมนู คือแซนด์วิชศรีนวล และขนมรังผึ้งเสิร์ฟกับมะม่วงสุก มีโต๊ะให้ลูกค้านั่งไม่กี่ชุด เมื่อเทียบกับร้านอาหารหรือคาเฟ่อื่นในเชียงราย ร้านนี้ก็คล้ายเด็กเล่นขายของ

ฉันเข้าใจเธอ ที่เธอทำอยู่คือพอดีมือ พอดีแรง และพอดีทุน

ร้านเล็ก มีเมนูไม่มาก แต่อาหารของเธอไม่ธรรมดา ทั้งหน้าตา รสชาติ และวิธีคิด

ฉันติดใจแซนด์วิชศรีนวลเอามาก มันเป็นแซนด์วิชเปิดหน้า ปิ้งขนมปังด้วยเตาถ่านให้สุกกรอบทั้งสองด้าน ทามายองเนสลงไป ตามด้วยซอส ไข่ต้มสุกหั่นขวาง มีใบผักชีแต่งหน้า โรยงาขาว งาดำ

ขาวมายองเนส ซอสสีส้ม ขาวเหลืองของไข่ ดูน่ากิน น่าถ่ายรูป เมื่อมีเขียวผักชี

มันลงตัวและมีความพิเศษ เธอเลือกขนมปังอย่างดี ปิ้งจนกรอบ เธอใช้มายองเนสที่ไม่หวาน เธอมีไข่จากไก่ที่หากินตามธรรมชาติ

และเธอมีซอสสีส้ม ที่มาของชื่อศรีนวล

ดูเผินๆ มันคล้ายซอสพาสต้า มีแค่มะเขือเทศกับหอมหัวใหญ่ แต่พอเอาเข้าปาก ฉันรู้สึกถึงกลิ่นอายของน้ำพริกอ่อง

มันเกือบจะเป็นการกินข้าวเหนียวกับไข่ต้มและน้ำพริกอ่อง แต่ในเวอร์ชั่นที่แสนนุ่มนวล

ซอสใช้มะเขือเทศลูกใหญ่ กับหอมหัวใหญ่ ต่างจากน้ำพริกอ่องที่จะใช้หอมแดงและมะเขือเทศลูกเล็ก

ไม่ได้ถามเธอ แต่ฉันเดาว่าเธอน่าจะใส่ถั่วเน่าด้วย ฉันได้กลิ่นที่ปลายจมูก ปรุงด้วยเกลือ เคี่ยวไฟอ่อน ก็ได้ซอสเปรี้ยวนิดหวานหน่อยที่มีกลิ่นน้ำพริกอ่องเป็นฉากหลัง

เป็นอาหารของคนกลับมาอยู่บ้าน คนซึ่งนำประสบการณ์ชีวิตจากที่อื่นมาใช้ในบ้าน

ฉันน่าจะทำแซนด์วิชได้ แม้ไม่เหมือนเธอเป๊ะๆ แต่ฉันอยากกินฝีมือเธอมากกว่า คิดแล้วฉันก็แปลกใจ
ยากที่ฉันจะผละจากครัวของตัวเองออกมาหาอาหารนอกบ้าน

แต่ฉันอยากมาที่นี่

เป็นร้านที่ฉันจะมาได้บ่อย เมื่อนึกอยากกินแซนด์วิช อยากเห็นร้านอาหารที่ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งการจัดวาง อาหาร ตัวเธอและคนรักของเธอ ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกับสถานที่

ฉันชอบหมาสีดำด้วยละ มันชื่อกะทิ

“วันเสาร์พี่จะมากินขนมจีนนะคะ” ฉันบอกเธอตอนจ่ายเงิน

มองป้ายร้าน แล้วสะกิดใจ ป้ายดูเก่า และชื่อรวมมิตร เป็นสิ่งเดียวที่ดูไม่เข้ากับเธอนัก

“ชื่อร้านเก่าของย่าหนูค่ะ เป็นร้านขายข้าวแกงเก่าแก่ในเชียงราย เลิกขายไปนานแล้ว พี่คงไม่ทันได้กิน”

“ร้านข้าวแกงที่ขายอาหารเหนือนะครับพี่ ผมก็เพิ่งเคยได้ยิน” คนรักของเธอว่า

คราวหน้าฉันจะกลับมาคุยกับเธอเกี่ยวกับร้านข้าวแกง ฉันคิด และหันไปมองบ้านไม้สีแดงหลังนั้นอีกครั้ง

บ้านหลังนี้ต้องการเธอจริงๆ นั่นละ