“ฟลอยด์” กับ สถิติ และความคิดที่ทำให้เขารวยขึ้นจากการชกแต่ละครั้ง

พิศณุ นิลกลัด

ฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Mayweather Jr.) วัย 43 ปี จะขึ้นสังเวียนชกอีกครั้งกับโลแกน พอล (Logan Paul) ยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวอเมริกันวัย 25 ปี ที่มีผู้ติดตามกว่า 22 ล้านคน ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ปี2021 ตามเวลาประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ น้องชายโลแกนวัย 23 ปี ชื่อเจก พอล (Jake Paul) เพิ่งขึ้นชกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นมวยคู่ประกอบรายการมวยนัดพิเศษ Exhibition boxing match ระหว่างสองยอดนักมวยเอกของโลก ไมก์ ไทสัน (Mike Tyson) วัย 54 ปี กับรอย โจนส์ จูเนียร์ (Roy Jones Jr.) วัย 51 ปี

วันนั้น เจก พอล ชนะน็อกเนต โรบินสัน (Nate Robinson) อดีตนักบาสเกตบอล NBA ที่สูงเพียง 175 เซนติเมตร และขึ้นชกเป็นครั้งแรกในชีวิต

ยก 2 เจก พอล ต่อยฮุกสั้นเข้าที่หน้าเนต โรบินสัน เร็วและแรงมากถึงขนาดทำให้เนตหลับกลางอากาศ สลบหน้าคว่ำบนเวที

นี่เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตของเจก พอล ที่ขึ้นเวทีชกมวย และชนะน็อกทั้งสองครั้ง

การต่อยมวยนัดพิเศษของไมก์ ไทสัน และของเจก พอล มีคนซื้อกว่า 1.6 ล้าน Pay-Per-View ทำให้เกิดการจัดมวยนัดพิเศษของฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ กับโลแกน พอล ที่ไม่มีการชิงแชมป์ แต่ได้เงินค่าตัวเยอะ

ข่าววงในรายงานว่า การชกเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ฟลอยด์จะการันตีได้แน่ๆ 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 150 ล้านบาท และส่วนแบ่งจาก Pay-Per-View อีก 50%

ส่วนโลแกน พอล ได้เงินการันตี 200,000 ดอลลาร์ หรือ 6 ล้านบาท และส่วนแบ่งจาก Pay-Per-View อีก 5%

นับว่าไม่เลวเลยสำหรับโลแกนที่เคยขึ้นชกแค่ครั้งเดียวในปี 2019 กับยูทูบเบอร์ชื่อ KSI ซึ่งครั้งนั้นโลแกนเป็นฝ่ายแพ้

ฟลอยด์ขึ้นชกครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ปี 2017 กับคอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ (Conor McGregor) ยอดนักสู้ MMA ชาวไอร์แลนด์ การชกครั้งนั้นฟลอยด์เป็นฝ่ายชนะ TKO ยกที่ 10

ประมาณตัวเลขว่า การชกครั้งนั้นฟลอยด์ได้เงินค่าตัวและเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งต่างๆ รวมแล้วเป็นเงินถึง 280 ล้านดอลลาร์ หรือ 8,700 ล้านบาท

แม้ฟลอยด์จะไม่ได้ขึ้นชกมากว่า 3 ปี แต่เขาก็โพสต์คลิปการซ้อมมวยโชว์ความฟิตและโชว์ความรวยอยู่เป็นประจำทาง Instagram ที่มี follower เกือบ 24 ล้าน follower

สามปีผ่านไป แม้จะไม่ได้ขึ้นชก แต่ฟลอยด์ยังหุ่นเป๊ะ ไม่ปล่อยตัวเหมือนนักมวยหลายคนที่แขวนนวมแล้ว

ก่อนหน้านี้ ฟลอยด์ออกมาให้ข่าวประชาสัมพันธ์ตัวเองอยู่เป็นระยะว่าพร้อมขึ้นสังเวียนชกอีกครั้ง หากเงินถึง

ฟลอยด์เพิ่งให้สัมภาษณ์และตอบคำถามในรายการของแชนน่อน ชาร์ป (Shannon Sharpe) อดีตนักอเมริกันฟุตบอล NFL ว่า จะชกกับแม็กเกรเกอร์อีกมั้ย ฟลอยด์ก็ตอบได้น่าหมั่นไส้…

ว่า “If I could pick an easy $300 million, absolutely. Same weight. Same result.”

“หากผมได้เงิน 300 ล้านดอลลาร์อย่างง่ายๆ (9,000 ล้านบาท) ก็แน่นอนอยู่แล้ว”

“ชกพิกัดน้ำหนักเดิม ผลการชกแบบเดิม”

ถามต่อว่าจะสู้กับคาบี๊บ เนอร์มาโกเมดอฟ (Khabib Nurmagomedov) ยอดนักสู้ MMA ชาวรัสเซีย วัย 32 ปีมั้ย

ฟลอยด์ตอบว่า “Absolutely, those are $300 fights” หรือ “แน่นอนอยู่แล้ว เป็นไฟต์ระดับ 300 ล้านดอลลาร์”

ถามฟลอยด์ว่าทำไมต้องเรียกค่าตัวถึง 300 ล้านดอลลาร์ในการขึ้นชกกับคอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ และกับคาบี๊บ เนอร์มาโกเมดอฟ

ฟลอยด์บอกว่า การตัดสินใจคืนสังเวียนชกของเขานั้น ค่าเหนื่อยต้อง Make sense หรือสมเหตุสมผล เพราะตัวเขามีลูก มีธุรกิจต้องดูแล หากเงินไม่ถึง ก็ไม่คุ้มกับความเสี่ยงต่อสุขภาพของเขา

ฟลอยด์วัย 43 ปี ร่างกายยังฟิตจัด กล้ามเป็นมัด ฟุตเวิร์กยังว่องไว สายตายังเยี่ยม ไม่ปล่อยตัวให้น้ำหนักขึ้นเหมือนนักชกหลายคนที่แขวนนวมไปแล้ว โดยจะควบคุมไม่ให้น้ำหนักตัวขึ้นเกินพิกัด 2 กิโลกรัม ออกกำลังกายสม่ำเสมอโดยการกระโดดเชือก เล่นบาสเกตบอล และยกน้ำหนัก

ฟลอยด์บอกว่า ตัวเขาเปรียบเหมือนไวน์ชั้นเยี่ยม มีอายุความอร่อยที่ยืนยาว

สำหรับรายละเอียดการต่อยมวยนัดพิเศษวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ยังไม่สรุปออกมาแน่นอนว่าจะชกที่น้ำหนักเท่าไหร่ การชกมวยครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของโลแกน เขาหนัก 99 กิโลกรัม หนักกว่าพิกัดของฟลอยด์ถึง 23 กิโลกรัม

ฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ จะขึ้นชกกับโลแกน พอล หนุ่มร่างสูงใหญ่ 188 เซนติเมตร ที่อายุน้อยกว่าเขา 18 ปี และสูงกว่าเขา 15 เซนติเมตร

แต่เกจิก็มั่นใจว่าฟลอยด์จะชนะโลแกนด้วยความเก่ง ความฟิตของร่างกาย และความฉลาดในการเลือกคู่ต่อสู้ให้ตัวเองดูดีเวลาขึ้นชก

ฟลอยด์คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าสถิติชนะรวด 100% (ชก 50 ชนะ 50 แพ้ 0) ของเขาจะไม่ถูกทำลาย เขามีแต่จะได้รวยขึ้นจากการชกแต่ละครั้ง