กรองกระแส / ปักธงความคิด อนาคตใหม่ ก้าวหน้า ในการต่อสู้จริง

กรองกระแส

 

ปักธงความคิด

อนาคตใหม่ ก้าวหน้า

ในการต่อสู้จริง

 

ไม่ว่าการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่ว่าการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563

ล้วนเป็นเรื่องสำคัญและทรงความหมายในทางการเมือง

เพราะนี่คือการแปรนามธรรมในทางความคิดให้เข้าสู่รูปธรรมผ่านกระบวนการการต่อสู้ในทางการเมืองอย่างเป็นจริง

กล่าวเฉพาะพรรคอนาคตใหม่อาจถือว่าประสบความสำเร็จในเดือนมีนาคม 2562

ตัววัดผลของความสำเร็จโดยพื้นฐานจากการได้คะแนนรวมในขอบเขตทั่วประเทศ 6.3 ล้านคะแนน ส่งผลให้ได้ ส.ส.รวมทั้งสิ้น 80 คน

คำถามก็คือ แล้วการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2563 เป็นอย่างไร

มองผ่านคะแนนจาก 42 จังหวัดที่ส่งผู้สมัครก็ได้เพิ่มขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ คือได้สมาชิกสภา อบจ.มา 55 คน จะทำให้เป็นจุดอ่อนบ้างก็ตรงที่ไม่ได้นายก อบจ.แม้แต่คนเดียว

การได้ ส.อบจ.มาจำนวน 55 คนจึงเท่ากับเป็นการเริ่มต้น

 

เลือกตั้ง ส.ส.

เลือกตั้ง อบจ.

การเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 กับการเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2563 มีความแตกต่างกัน

แตกต่างทั้งพื้นที่ แตกต่างทั้งกระบวนการ

แตกต่างเพราะว่าการเลือกตั้ง ส.ส.มีทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่การเลือกตั้งนายก อบจ. เป็นการเลือกตั้งโดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง

อย่างหลังจึงกว้างขวาง มหึมาเป็นอย่างมาก

ในห้วงแห่งการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคอนาคตใหม่อาจสร้างกระแสทางการเมืองจากส่วนกลางและส่งผลในลักษณะทั่วประเทศได้

แต่ในการเลือกตั้งนายก อบจ.มีความจำกัด

กระบวนการเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นกระบวนการในวันนั้นเพียงวันเดียว ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า และภาระหน้าที่ของนายก อบจ.ก็ผูกติดอยู่กับพื้นที่อย่างแนบแน่น

เหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนที่คณะก้าวหน้าต้องประสบอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น

 

อาจเป็นความพ่ายแพ้

แต่ก็มีชัยชนะเหมือนกัน

หากมองอย่างเปรียบเทียบโดยเอาผลการเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นตัววัด คณะก้าวหน้าประสบความล้มเหลวอย่างแน่นอน

เพราะชัยชนะยังเป็นของ “บ้านใหญ่” ยังเป็นของ “คนหน้าเดิม”

กระนั้น หากมองจากสภาพความเป็นจริงอย่างน้อยก็ 2 ประการก็คือ 1 ความเป็นจริงที่อย่างน้อยคณะก้าวหน้าก็ยังได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภา อบจ.จำนวน 55 เขตเลือกตั้ง

นี่ย่อมเป็น “หน่ออ่อน” ที่ฝังอยู่ภายในโครงสร้างของ อบจ.

ขณะเดียวกัน 1 กระบวนการเคลื่อนไหวในช่วง 1 เดือนของการรณรงค์หาเสียงคณะก้าวหน้ายังสามารถฝัง “หน่ออ่อน” ในทางความคิดอย่างคึกคัก

เป็นการพุ่งไปยังความเป็นจริงแห่ง “รัฐราชการรวมศูนย์”

แม้ว่านายก อบจ.จะยังคงเป็นของ “บ้านใหญ่” ยังเป็นของ “คนหน้าเดิม” ที่คนเหล่านั้นจะต้องเผชิญประสบกับหน่ออ่อนแห่งความใหม่นี้อย่างเลี่ยงไม่พ้น

การต่อสู้กับ “รัฐราชการรวมศูนย์” จึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นจริง

 

การปักธง หน่ออ่อน

หน่ออ่อน ความคิด

การมองบทบาทของพรรคอนาคตใหม่ บทบาทของพรรคก้าวไกล บทบาทของคณะก้าวหน้า จึงต้องให้ความสนใจไปยังสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่เคยป่าวประกาศ

นั่นก็คือ การปักธงในทาง “ความคิด”

กระบวนการในท่ามกลางการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 กระบวนการในท่ามกลางการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.ในเดือนธันวาคม 2563

จึงเป็นความพยายามสะท้อน “ความคิด” ไปสู่การต่อสู้ทาง “การเมือง”

ในเดือนมีนาคม 2562 อาจได้ ส.ส.เข้ามาเป็นจำนวน 80 ในเดือนธันวาคม 2563 อาจไม่ได้นายก อบจ.เลยแม้แต่คนเดียวใน 42 จังหวัดซึ่งเป็นเป้าหมาย

กระนั้น ก็ยังได้ 55 สมาชิกสภา อบจ.มาเป็นกองหน้าและสะพานเชื่อม

เป็นกองหน้าในการยืนหยัดในการต่อสู้กับ “รัฐราชการรวมศูนย์” เป็นสะพานเชื่อมระหว่างการต่อสู้ระดับชาติ กับการต่อสู้ระดับพื้นที่

ในการทำหน้าที่ปักธงในทาง “ความคิด” ต่อไป

 

เรียนรู้การเมืองไทย

ผ่านการต่อสู้เป็นจริง

การเรียนรู้ความเป็นจริงทางการเมืองสามารถเรียนรู้ได้ 2 แนวทางสำคัญ 1 เรียนรู้โดยอ้อมผ่านตำรา ผ่านที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ 1 เรียนรู้โดยตรง

อย่างแรกเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ของคนอื่น

อย่างหลังเป็นการเรียนรู้จากปฏิบัติการที่เป็นจริงทั้งในทางความคิดและในทางการเมืองอันเป็นของตนเองโดยตรง

ไม่ว่าในเดือนมีนาคม 2562 ไม่ว่าในเดือนธันวาคม 2563 ล้วนสำคัญ

สำคัญเหมือนกับที่พรรคอนาคตใหม่ถูกบดขยี้และทำลายกระทั่งการยุบพรรคในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สำคัญเหมือนกับที่มีกระแสต้านคณะก้าวหน้าพร้อมกับการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน

ความเป็นจริงเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ก็เมื่อมีการสรุปและเก็บรับมาเป็นบทเรียน