เปิดอกคุย “คำรณวิทย์” คิดอะไรในการลงเล่นการเมือง – และเรื่องที่มีไอดอลชื่อ “ทักษิณ”

ก่อนจะคว้าชัยชนะเลือกตั้ง มาสู่ตำแหน่ง “ว่าที่ นายกฯอบจ.ปทุมธานี” มติชนสุดสัปดาห์ เคยสัมภาษณ์ เปิดใจ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนดัง ทันทีที่เจ้าตัวประกาศตัวพร้อมลงสนามการเมือง! เมื่อกลางปี 2562 ที่มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง ที่เจ้าตัวใช้ชีวิตหลังเกษียณจากตำรวจ มาสวมบทบาทเป็น “หมอแจ๊ส” คอยฝังเข็มรักษาคนไข้ มีคนไข้มารอรับการรักษาอย่างหนาแน่นทุกวัน

ที่มาที่ไป ที่ “บิ๊กแจ๊ส” สนใจมาลงสนามท้องถิ่น อบจ.ปทุมธานี ถิ่นบ้านเกิดในครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่มีน้องๆ มาขอร้องให้มาช่วย เพราะเห็นว่าที่ผ่านมา “ปทุมธานี” มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเยอะ และอยากเห็นความเจริญในพื้นที่บ้านเกิดตัวเอง ซึ่งในตอนแรกก็ยังไม่ได้ตอบรับ ได้บอกน้องๆ ไปว่าให้ไปสำรวจดูก่อนว่ามีใครคนอื่นที่พอจะลงได้อีกบ้าง เราจะขอมาเป็นคนช่วยหนุนแทน

ถามไปถามมาปรากฏว่าคนนั้นไม่เอา-คนนี้ก็ไม่เอา น้องๆเขาก็มาขอร้องอีก ให้ผมลง ผมก็เลยบอกว่าถ้างั้นไปคุยกับคุณแม่ผมแล้วกัน (ปัจจุบันมารดาอายุ 90 กว่าแล้ว) ปรากฏว่าลูกศิษย์ลูกหาก็ไปขอคุณแม่ แม่บอกว่าถ้าจะลงก็ต้องช่วยกัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าความเจริญจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน ถ้า อบจ.ไปทางหนึ่งแล้ว ส.ส.ไปอีกทางมันไม่ได้

ย้อนไปในวัยเด็ก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จำคำของหมอดูท่านหนึ่ง (เพื่อนคุณปู่) เขาบอกว่า ปทุมธานีเป็นเมืองที่ต้องคำสาป เป็นเมืองอกแตก (มีแม่น้ำผ่ากลาง) แล้วจะไม่เจริญเท่าที่อื่นๆ ก็มามองดูจากประสบการณ์ที่เราได้มีโอกาสไปปฏิบัติราชการจังหวัดอื่นๆ เช่น จ.สุพรรณบุรี เราก็เห็นว่า ท่านบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 พลิกฟื้นสุพรรณฯ ได้ภายใน 3 ปีกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้นมาทันที และพื้นที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือที่ชัดที่สุดคือในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คุณเนวิน ชิดชอบ ที่เขาทำบุรีรัมย์ให้โด่งดังจากจังหวัดที่ไม่มีใครเคยนึกถึงหรือจะไปเที่ยว แต่ตอนนี้กลายเป็นอันดับต้นๆที่ดึงดูดให้ผู้คนไปเยือน ทำให้เรากลับมาคิดว่า ปทุมธานีก็ไม่ได้มีอะไรด้อยกว่าคนอื่นเขา แถมยังมีพื้นที่ติดกรุงเทพฯ มากกว่าเขาอีก ทำไมยังไม่มีอะไร

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกว่า ให้คิดตามง่ายๆ เอาแค่คำขวัญเมืองปทุม ที่ว่า “ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว” ผมเกิดคำถามขึ้นในใจทันทีว่า เวลาคุณผ่านมาจังหวัดปทุมฯ คุณเห็นบัวหลวงที่ไหนบ้างหรือไม่?

ยิ่งสถานการณ์น้ำท่วมปี 2554 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ พี่น้องชาวปทุมฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุทกภัยในครั้งนั้น ผมคิดว่าทุ่งรังสิตจะไม่ใช่พื้นที่รับน้ำอีกต่อไป เพราะว่ามีหมู่บ้านจัดสรรนับพันหมู่บ้านหลายพันครัวเรือนได้รับผลกระทบ

ที่สำคัญ ผมได้เคยไปงานแล้วพบผู้ว่าราชการจังหวัด(ในอดีต) ท่านก็เล่าให้ฟังว่าปทุมธานีมีรายได้ประชากรเป็นอันดับ 6 ของประเทศ อยากจะทำให้ขึ้นเป็นอันดับ 5 ให้ได้ ผมเองก็สงสัยว่าประชากรเรามีรายได้ราว 2 พันล้านบาท แต่ทำไมเรายังมีถนนลูกรัง ยังมีไฟส่องสว่างไม่ครบ แม่น้ำลำคลองเต็มไปด้วยขยะและสวะ เราจะเอาอะไรไปขายเขา? นี่คือบ้านเกิดของเรา

ผมก็เลยใช้คำว่า “ชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี”

อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนดังเล่าว่า ในอดีตเคยมีคนมาเสนอว่าให้ไปเป็นรัฐมนตรี ก็ยังไม่เคยคิดจะเอา เพราะตราบใดที่บ้านเกิดยังไม่เจริญก็จะไม่ไปสู่ STEP อื่นเด็ดขาด

“ผมไม่เคยมุ่งหวังว่าจังหวัดนี้เจริญด้วยข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นใคร ระดับไหนก็ตาม บางคนเขาย้ายมาอยู่ได้แป๊บเดียวก็ไปแล้วเดี๋ยวก็เกษียณ แต่คนที่จะเป็นแม่งานและทำให้จังหวัดได้ดีที่สุดคือ อบจ. คุณต้องเอางบประมาณ อบจ.มาใช้ แบบไม่มีเงินทอน ถ้ายังมีระบบเงินทอนอยู่ยังไงก็ไม่มีวันเจริญ!” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รู้สึกรับไม่ได้คือ “ยาบ้ายาเสพติด” ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ไม่ไปปราบปรามอย่างจริงจังก็คิดว่าลูกหลานปทุมธานีจะติดยากันหมด ก็เลยคิดว่าครั้งนี้จะลองดู หรือปัญหาเรื่องถนนหนทาง เรายังมีถนนลูกรังอยู่เต็มไปหมด มันต้องพลิกโฉมเปลี่ยนไปได้แล้วอยากจะพลิกฟื้นปทุมธานีให้แม่น้ำลำคลองต้องปราศจากขยะ-สวะ มีไฟส่องสว่าง คนต้องมาท่องเที่ยว เข้ามาที่ปทุมฯ ต้องเห็นว่าสวยงาม ดึงความเป็นถิ่นบัวหลวงกลับมา ฟื้นฟูวัฒนธรรม-จุดขายประเพณีชาวมอญ

ผมอยากจะตอบแทนแผ่นดินเกิด อยากจะทำให้เจริญกว่าที่อื่น

วันนี้วิสัยทัศน์ผู้นำต้องมองไกลไปอีกว่า อนาคตสวนสัตว์จะมาเปิดจะรองรับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างไร โดยเฉพาะการจราจร ลำพังทุกวันนี้เส้นคลองก็แน่นอยู่แล้ว ถ้าไม่ตั้งหลักตั้งแต่วันนี้ คุณภาพชีวิตของประชาชนกระทบไปมากกว่าเดิม

ส่วนลึกๆ ในใจของ “บิ๊กแจ๊ส” เข้าใจและยอมรับว่าการเข้ามาสู่สนามการเมืองตรงนี้ก็ย่อมมีการใส่ร้ายป้ายสีและมีอำนาจรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องการเมือง แต่เราก็ต้องยืนหยัดสิ่งที่พูด นโยบายที่สื่อสารไปเราต้องทำ ถ้าไม่ทำ ประชาชนจะเป็นคนประณามผมเอง

ก่อนหน้านี้เคยมีพรรคอื่นมาขอผมให้ไปช่วยลงเหมือนกัน แต่ผมไม่มีวันไปจากฝ่ายประชาธิปไตย ผมไม่มีวันทรยศ โดยโจทย์-เป้าหมายสูงสุดที่อยากเข้ามาทำคือ การทำให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงรุก ประเพณีที่ปทุมธานีมีมากมายแต่ไม่เคยใช้ประโยชน์ ไม่เคยทำเรื่องการท่องเที่ยวเลย เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินในจังหวัดหมุนเวียนภายใน

ที่สำคัญต้องเลิกระบบการพาหัวคะแนนไปเที่ยวได้แล้ว คนที่ได้ไปเที่ยวเป็นเพียงส่วนน้อย คนปทุมฯ ที่ไม่ได้เที่ยวเป็นส่วนมากกว่า จุดนี้เป็นจุดชี้ว่าประชาชนเขารู้สึกและสะท้อนมาว่าจะเอาเงินภาษีของเขาไปทำอะไรในเมื่อจังหวัดตัวเองยังไม่ได้รับการพัฒนา

เมื่อถามว่า มี “ไอดอลทางการเมืองหรือไม่” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ตอบทันทีว่า ก็มีอยู่คนเดียว อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร พูดได้เลย เขาเป็นคนที่ฉลาด มีความคิดไอเดียตลอดเวลา ทำอะไรทำจริงเขาถึงประสบความสำเร็จในชีวิต และเขาไม่ใช่คนที่หยุดอยู่กับที่ เขาศึกษาความเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอด เขาอ่านหนังสือเยอะ

อย่างสมัยตอนติดยศ ท่านเคยพูดว่าเอ็งเป็นตำรวจ พี่เป็นนักการเมือง ต้องทำให้ประชาชนรักเพราะพี่เป็นนักการเมือง แต่เอ็งเป็นตำรวจ เอ็งต้องทำมากกว่าพี่ ทั้งให้ประชาชนรักและก็ให้ตำรวจด้วยกันรัก

ทำให้เรามาคิดว่า ถ้าเราไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีเราก็ทำงานไม่ได้ เวลาผมไปนอกไปไหนมาซื้อของให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตลอด ผมไม่เคยให้เจ้านาย

อีกท่านหนึ่งคือ คุณบรรหาร สิ่งที่เราเรียนรู้จากท่านคือเรื่องสัจจะ-กตัญญู ท่านเป็นคนรักษาสัจจะ กตัญญูต่อบรรพบุรุษ ผมเองก็เพิ่มเรื่องของการรู้คุณแผ่นดิน-ตอบแทนคุณแผ่นดินไปด้วยเป็นเรื่องสำคัญ