สูตรสำเร็จในพุทธศาสนา ว่าด้วยการประพฤติพรหมจรรย์ ที่ไม่ใช่แค่เรื่อง กามารมณ์

สูตรสำเร็จในชีวิต (42)

การประพฤติพรหมจรรย์

คราวนี้มาว่าด้วยสูตรสำเร็จข้อที่ 32 คือ การประพฤติพรหมจรรย์

ตามศัพท์แปลว่า การประพฤติอันประเสริฐ หรือวิถีดำเนินชีวิตอย่างประเสริฐ

เรามักจะเข้าใจว่า การถือพรหมจรรย์ คือ การไม่ยุ่งเกี่ยวทางกามารมณ์ หรืองดเว้นจากการเสพกามเพียงอย่างเดียว นั่นก็ถูก ไม่ใช่ไม่ถูก แต่การถือพรหมจรรย์มีความหมายกว้างกว่านั้น

ในคัมภีร์อรรถกถาท่านบอกว่า พรหมจรรย์หมายถึงอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง เช่น

การให้ทาน, การขวนขวายช่วยเหลือกิจการต่างๆ ของส่วนรวม, ศีล 5, การเจริญเมตตาอย่างไม่มีขอบเขต, การงดเว้นจากเมถุน, การยินดีเฉพาะในภรรยาของตน, ความพากเพียร, การถืออุโบสถศีล อริยมรรคมีองค์แปด, หลักคำสอนทางศาสนาทั้งหมด, การแสดงธรรม, อัธยาศัยอันดีงาม, สมณธรรม

แต่ละอย่างข้างต้นล้วนเรียกว่า พรหมจรรย์ ทั้งนั้น

ปัญหาอยู่ที่ว่าในสูตรสำเร็จข้อนี้ท่านหมายเอาอย่างไหน?

พระอรรถกถาจารย์อีกนั่นแหละท่านตอบให้เราเสร็จว่า หมายเอาเมถุนวิรัติ (การงดเว้นจากการเสพกาม)

ผู้รู้ท่านสอนกันว่า กามนี้ร้ายกาจนัก เปรียบเหมือนสิ่งต่างๆ ดังนี้คือ

เปรียบเหมือนกระดูกที่หมาแทะ หมามันรู้สึกว่าอร่อยนักหนา ที่แท้ก็กินน้ำลายตัวเอง

เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่แร้งการุมแย่งกันกิน

เปรียบเหมือนคบเพลิงที่คนถือทวนลม ดีไม่ดีอาจไหม้มือผู้ถือ

เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงที่ลุกโชน ใครพลัดตกลงไปจะถูกไฟไหม้ไม่เหลือซาก

เปรียบเหมือนความฝัน พอสะดุ้งตื่นความฝันก็พลันหาย

เปรียบเหมือนผลไม้เจือยาพิษ ให้โทษถึงชีวิตแก่คนกิน

เปรียบเหมือนหอกที่ปักลึกลงไปในทรวงอกสุดจะถอนออกได้

แล้วท่านก็สรุปว่า อปฺปสฺสาทา ทุกฺขากามา กามทั้งหลายให้ความสุขจริงๆ น้อย แต่มีทุกข์มากมาย

ผู้ต้องการความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในชีวิตจึงควรละเว้นกามเสีย ใครมัวหมกหมุ่นในเรื่องเหล่านี้โอกาสจะเจริญก้าวหน้านั้นหายาก

อย่างสูงก็งดยุ่งเกี่ยวทางกามารมณ์ เป็น “อนาคิริก” หรือไม่ก็ออกบวชถือเพศบรรพชิตเลยถ้าท่านได้

อย่างต่ำก็เอาค่าควบคุมการแสดงออกทางกามารมณ์ รู้ว่าลูกเขาเมียใคร ไม่หน้ามืดตามัวบำเพ็ญตนเป็นเฒ่าหัวงู เท่านี้ก็นับว่าดีถมไปแล้วในยุคที่ศีลธรรมเรียวลงอย่างปัจจุบัน

คนประเภทที่ถือคติว่า “คลำดูไม่มีหางใช้ได้” นั่น นอกจากจะไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว อาจถูก “สำเร็จโทษ” ง่ายๆ อีกด้วย