จับตาศึก อบจ.- ย้อนอดีตเลือกตั้งสกปรก บัตรใบเดียวก็โกงได้ ? | วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

การเลือกตั้งท้องถิ่นที่ห่างหายไปนับตั้งแต่ คสช.ก่อรัฐประหารเมื่อปี 2557 นั้น น่าจะช่วยปลุกเร้าให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศยกเว้น กทม. พากันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง “นายก อบจ.” และ “สมาชิกสภา อบจ.” กันอย่างคึกคัก ในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคมนี้

ขณะเดียวกันยังกล่าวขวัญกันว่า บทเรียนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ เมื่อ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งผู้จัดการเลือกตั้งคือ กกต. ได้ทำให้ผลการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นที่กังขามากมายหลายประเด็น เต็มไปด้วยเรื่องพิสดาร ปาฏิหาริย์ บัตรเขย่ง สูตรคำนวณปัดเศษให้พรรคเล็ก

ทำไปทำมา แกนนำคณะรัฐประหารก็เลยได้มาเป็นนายกฯ มาจัดตั้งรัฐบาลอีก แต่ก็มาโดยมีปัญหาขาดการยอมรับขาดความชอบธรรม

“จนเป็นเหตุให้นักเรียน-นักศึกษาออกมาประท้วงขับไล่พร้อมกับเรียกร้องให้รื้อรัฐธรรมนูญฉบับที่สร้างการเอารัดเอาเปรียบทางการเมือง และรื้อโครงสร้างการเมืองไทยครั้งใหญ่ โดยในช่วงปลายปีนี้เป็นช่วงพักม็อบเพราะติดสอบ แต่จะกลับมาใหม่อย่างแน่นอนหลังปีใหม่”

ผลพวงจากการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ดังกล่าว ทำให้มีการจับตามองกันมากว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่เริ่มต้นด้วยการเลือกระดับนายก อบจ.และ ส.อบจ.ดังกล่าวนี้

“จะเกิดเรื่องวิปริตพิสดารขึ้นมาอีกหรือไม่!?”

ศึกเลือกตั้ง อบจ. จึงต้องจับตากันเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นการเลือกตั้งที่มีคณะก้าวหน้า หรืออดีตอนาคตใหม่ ลงสนามสู้ศึกอย่างเต็มที่ โดยประกาศสร้างการเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่น เพื่อเป็นพื้นฐานยกระดับการเมืองระดับชาติ

ระดมคนหนุ่ม-สาวหรือคนที่มีแนวคิดทันสมัยในการพัฒนาท้องถิ่นลงสนาม เพื่อปิดฉากการเมืองท้องถิ่นระบบบ้านใหญ่

ทั้งท้าทายอิทธิพลท้องถิ่นที่สืบทอดอำนาจใน อบจ. อบต. เทศบาล มายาวนาน

ทั้งสร้างความหวาดผวาให้กับกลุ่มอำนาจการเมืองขุนศึกขุนนาง ที่หวั่นเกรงการลงเจาะสนามเล็กของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล ช่อ-พรรณิการ์ วานิช

“ถึงกับเกิดม็อบชูอุดมการณ์สถาบันออกมาต่อต้านการลงพื้นที่ของแกนนำคณะก้าวไกลเหล่านี้ ด้วยข้อหาล้มเจ้า ข้อหาชักใยม็อบเยาวชนคนรุ่นใหม่”

ทั้งที่เป็นข้อกล่าวหาซึ่งไม่เคยมีร่องรอยอะไรบ่งบอกชัดเจนเลย แต่ก็ต่อต้านกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

จึงเกิดข้อสงสัยว่า น่าจะหวังผลสกัดกั้นคณะก้าวไกลในสนามท้องถิ่นเป็นเป้าหมายสำคัญ ข้อหาล้มเจ้าก็แค่เครื่องมือนำมาปลุกเร้าเป็นกระแส

แถมยังไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนพรรคเพื่อไทย ศัตรูเก่าแก่ของกลุ่มอำนาจขุนศึกขุนนางก็ลงสนามท้องถิ่นในหลายพื้นที่ โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร ออกโรงส่งจดหมายส่งสารมาร่วมสนับสนุนผู้สมัครอย่างจริงจัง

ทั้งคณะก้าวไกล ธนาธร-ปิยบุตร ทั้งเพื่อไทย ทักษิณ มากันครบ

ศึกนายก อบจ.และ ส.อบจ.หนนี้ จึงเชื่อว่ากลุ่มอำนาจปัจจุบันจะต้องเปิดศึกสกัดกั้นอย่างเต็มกำลังแน่นอน ทั้งบนดินและใต้ดิน!!

มีการย้อนทบทวนถึงเหตุการณ์การเลือกตั้งสกปรกเมื่อปี 2500 ซึ่งได้รับการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะมีการใช้กลโกงสารพัด กระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง จนถือว่าเหมาะที่จะเรียกว่าเป็นการเลือกตั้งสกปรกที่สุด

บรรดาผู้รอบรู้การเมืองในสมัยนั้นได้รวบรวมการโกงเลือกตั้งครั้งดังกล่าวเอาไว้อย่างน่าสนใจศึกษา

“จนเป็นศัพท์ฮิตติดปาก เช่น ไพ่ไฟ พลร่ม เวียนเทียน”

กล่าวกันว่า ไพ่ไฟ คือวิธีการนำบัตรเลือกตั้งที่อาจนำมาจากหน่วยราชการผู้จัดเลือกตั้งเอง หรือเป็นบัตรปลอม บัตรผี เป็นบัตรที่มีการกากบาทเบอร์ผู้สมัครของฝ่ายผู้มีอำนาจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนำบัตรผีเหล่านี้ใส่ลงไปในหีบบัตรเลือกตั้ง โดยใส่ลงไปเป็นจำนวนมากพอสมควร อาจจะอาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำไพ่ไฟหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด ก่อนที่ประชาชนจะมาใช้สิทธิ์ หรือจัดการตอนใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนน

ส่วนที่เรียกว่าพลร่ม ผู้รู้ระบุว่า เป็นวิธีการย้ายคนจากนอกเขตเลือกตั้ง เข้ามาใช้สิทธิ์ในบางหน่วยเลือกตั้ง ทั้งที่ไม่มีชื่อไม่มีสิทธิ์ แต่อาศัยอำนาจรัฐเข้ามาจัดการ จึงสามารถทำได้

อีกวิธีการโกงที่เรียกว่าเวียนเทียน ผู้รู้กล่าวว่า เป็นการเวียนใช้บัตรประชาชนใบเดียวใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ้ำหลายรอบ โดยต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง

“ความเลวร้ายของการเลือกตั้งสกปรกหนนั้น ยังมีวิธีอื่นๆ อีก เช่น เกิดไฟดับขณะกำลังนับคะแนนในบางหน่วย ซึ่งน่าเชื่อว่าช่วงที่มืดและชุลมุนนั้น คะแนนก็จะต้องแปรเปลี่ยนไปจากความจริง”

ดูเหมือนว่าวิธีการโกงเลือกตั้งเหล่านี้ ก็ยังมีการนำมาใช้ในการเลือกตั้งหนต่อๆ มา เพียงแต่อาจไม่โจ่งแจ้งมากเท่าปี 2500

ที่สำคัญ มีผู้ตรวจสอบข้อมูลพบกลวิธีการโกงผลเลือกตั้งในยุคหลังๆ ซึ่งพัฒนาไปอีกขั้น แนบเนียนกว่าเดิมมาก

นั่นคือ การโกงผลเลือกตั้งด้วยการใช้บัตรลงคะแนนแค่ใบเดียว ไม่จำเป็นต้องแอบกาแล้วยัดลงในหีบเป็นจำนวนมากเหมือนยุคไพ่ไฟ

ยุคหลังแค่บัตรที่กากบาทเอาไว้ใบเดียวก็โกงผลคะแนนได้อย่างสบายๆ

กลวิธีการโกงด้วยบัตรแค่ใบเดียวนั้น มีผู้ตรวจสอบพบข้อมูลว่า กลุ่มทุจริตเลือกตั้งซึ่งเป็นฝ่ายผู้กุมอำนาจรัฐสามารถนำบัตรเลือกตั้งของแท้มาไว้ในมือได้ แต่เอามาแค่ใบเดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

ในวันที่เปิดคูหาให้ประชาชนเข้ากาบัตร จะมีการซื้อเสียงชาวบ้านเอาไว้จำนวนหนึ่ง โดยจ่ายล่วงหน้าครึ่งหนึ่ง

จากนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ได้รับเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่งแล้ว จะมารับบัตรเลือกตั้งที่มีคนเตรียมรอเอาไว้ใกล้คูหาเลือกตั้ง

“โดยบัตรเลือกตั้งใบนั้นได้กากบาทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เลือกผู้สมัครของพรรคผู้มีอำนาจดังกล่าว”

เมื่อรับบัตรลงคะแนนที่กาไว้พร้อมแล้ว ผู้ใช้สิทธิ์จะซุกซ่อนในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง แล้วเดินเข้าไปรับบัตรเลือกตั้งตามสิทธิ์ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งตามปกติ

พอเดินเข้าไปในบริเวณที่จัดไว้ให้กาบัตร จะต้องไม่กากบาทลงในบัตรเลือกตั้งที่รับจากเจ้าหน้าที่ แต่จะนำบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาซึ่งกากบาทเอาไว้แล้ว หย่อนลงในหีบรับบัตรคะแนน

เมื่อเดินออกจากคูหาเลือกตั้ง ก็จะต้องนำบัตรเลือกตั้งใบที่ตนเองรับจากเจ้าหน้าที่ตามปกติแต่ไม่ได้ใส่เครื่องหมายกากบาทมาส่งให้กับคนของทีมงานโกงเลือกตั้ง

เมื่อเปิดดูแล้วพบว่าเป็นบัตรลงคะแนนเลือกตั้งเปล่า ไม่ได้กาอะไรไว้ ก็จะจ่ายเงินที่เหลืออีกครึ่งให้

“การนำบัตรเลือกตั้งซึ่งยังไม่กากบาทมาแสดง จะเป็นการยืนยันว่า ผู้ใช้สิทธิ์ที่รับเงินว่าจ้าง ได้นำบัตรเลือกตั้งใบที่มีกากบาทเอาไว้ให้แล้วไปหย่อนลงในหีบจริง!”

จากนั้นทีมงานโกงเลือกตั้งก็จะเอาบัตรเลือกตั้งใบนั้นมากากบาทเลือกผู้สมัครฝ่ายตนเอง แล้วส่งมอบให้กับผู้ใช้สิทธิ์รายที่สอง ซึ่งจะต้องดำเนินการเหมือนเดิม

วนเวียนไปเช่นนี้ ตามจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่ว่าจ้างเอาไว้ โดยคำนวณเอาไว้แล้วว่า ใช้กี่เสียงจึงเพียงพอจะพลิกผลเลือกตั้งได้

“นี่คือกลวิธีโกงเลือกตั้งในยุคหลังๆ ที่ผู้รอบรู้ยืนยันว่ายังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน”

ใช้เพียงแค่บัตรเลือกตั้งใบเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องยัดเข้าไปในหีบมากมายแบบสมัยกลวิธีไพ่ไฟ

จึงเป็นกลโกงที่ควรจับตาในการเลือกตั้ง อบจ.หนนี้

ถ้าไม่อยากให้เกิดข้อสงสัยดังผลเลือกตั้งสมัย 24 มีนาคม 2562 ว่าทำไมพรรคใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตยคะแนนหดหายไปไม่น้อย!?!