วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร : ชี้แนะ ผ่านช่องทาง อวี้หวัง

เสถียร จันทิมาธร

ชี้แนะ ผ่านช่องทาง อวี้หวัง (75)

ไม่ว่าเส้นสนกลในเรื่องพิธีบวงสรวง ไม่ว่าเส้นสนกลในเรื่องซิงกั๋วกง ไม่ว่าเส้นสนกลในในเรื่องโหลวจื้อเจิง ไม่ว่าเส้นสนกลในในเรื่องการหลอกลวงหนีหวงจวิ้นจู่

จำเป็นต้องยอมรับว่าล้วนเป็นเรื่องของ “การเมือง” สัมพันธ์กับการแย่งชิงอำนาจ

“ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากถาม” ถึงกาละอันเหมาะสมเหมยฉางซูย่อมตั้งประเด็นขึ้น “จวนมู่หวังนอกจากมู่เสี่ยวหวังเยที่โมโหจนเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว คนอื่นๆ มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง”

“ก็ต้องเดือดแค้นแน่นอน” เป็นคำตอบจากเหมิงจื้อในฐานะที่ใกล้ชิดกับวังหลวง

“ฝ่าบาทเพียงส่งขันทีคนหนึ่งมาอธิบาย 2-3 คำ ให้จวิ้นจู่อย่าได้คิดมาก ความหมายคล้ายกับว่าหากจวิ้นจู่ไม่พอใจก็ไม่ต่างจากขุนนางคลางแคลงกษัตริย์”

ปรากฏสีหน้างุนงงขึ้นบนสีหน้าของเหมิงจื้อ

เป็นความงุนงงอย่างเข้าใจต่อความนัย “ฝ่าบาททรงฟังคำใส่ไคล้จากใครมาถึงปฏิบัติต่อขุนนางสำคัญด้วยท่าทีห่างเหินเช่นนี้” พร้อมกับอธิบายต่อไปถึงท่าทีของจวิ้นจู่

“กลับดูสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด”

ได้ยินดังนั้นเหมยฉางซูถอนใจเบาๆ ออกมา “หนีหวงเป็นแม่ทัพมานานคงคิดได้แล้ว คนที่กุมอำนาจทหารในมือ ยามไม่มีผลงานก็ถูกหาว่าไม่มีค่า ยามมีผลงานก็กลัวว่าบารมีคับฟ้าเกินเจ้านาย

ความภักดีของนักรบไม่ว่ามากมายแค่ไหนก็ไม่เกินกว่าความระแวงที่ผุดขึ้นมาของนายเหนือหัว
เวลานี้ ชายแดนใต้นับว่าสงบสุข ฝ่าบาทไม่อาศัยโอกาสนี้แสดงเดชานุภาพ จะรอถึงเวลาไหนเล่า” เป็นการสรุปพร้อมกับเป็นการตั้งประเด็น

“แต่มู่เสียวหวังเย่เหมือนจะสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ เห็นว่าจะยื่นฎีกาขอกลับอวิ๋นหนาน”

“ฝ่าบาทไม่ทรงอนุญาตแน่นอน” เหมยฉางซูสั่นศีรษะ “หนำซ้ำปีใหม่ใกล้มาถึง ร้อนใจจากไปในเวลานี้กลับคล้ายโกรธแค้นฝ่าบาทกระนั้น รังแต่จะทำให้เกิดความเคลือบแคลงเปล่าๆ

ท่านไปเกลี้ยกล่อมมู่ซิง หากอยากทูลลากลับอวิ๋นหนาน อย่างน้อยต้องให้ผ่านเทศกาลชิงหมิง

ในปีหน้าฝ่าบาทเสด็จไปบวงสรวงสุสานบรรพกษัตริย์ ถึงตอนนั้นค่อยๆ กลับไป” เป็นการเสนอแนะอย่างรู้ระบบ รู้จังหวะก้าว รู้ธรรมนิยมแห่งแผ่นดิน

เป็นความห่วงใยต่อหนีหวงจวิ้นจู่ เป็นความห่วงใยต่อคนในตระกูลมู่

ก่อนเขียนจดหมายถึงหนีหวงจวิ้นจู่ เหมยฉางซูจึงกล่าว “จะให้ชีวิตเป็นเช่นแรกเริ่มนั้นเป็นไปไม่ได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ใครก็ไม่อาจคาดเดา ยิ่งไม่มีทางควบคุม สิ่งที่ข้าทำได้ก็คือ

พยายามให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด แม้ว่าในผลลัพธ์นั้นจะไม่มีข้าดำรงอยู่ก็ตาม

พี่เหมิง ท่านต้องคำนึงถึงหนีหวงด้วย ข้าถ่วงรั้งชีวิตนางมาหลายปี จะให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว หากพูดว่าข้าเคยพยายามที่จะกลับไปอยู่ข้างกายนาง เช่นนั้นตั้งแต่ 2 ปีก่อน

“ความคิดนี้ก็เหือดหายไปแล้ว” เหมยฉางซูกุมมือเหมิงจื้อไว้แน่น

มุมปากปรากฏรอยยิ้มเจือจางแฝงความจริงใจถึงที่สุด “การดำรงอยู่ของข้า เมื่อก่อนไม่เคยนำพาความสุขมาให้นาง แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นต้นเหตุให้นางไร้ซึ่งความสุขในภายภาคหน้า

สามารถทำได้ถึงจุดนี้ข้าก็พอใจแล้ว

ในโลกมีเรื่องใดยุติธรรมอย่างแท้จริงเล่า หากพูดว่าไม่ยุติธรรม นั่นก็เป็นโชคชะตาไม่ยุติธรรม เป็นบุญวาสนาที่พลั้งพลาด ไม่ใช่สิ่งที่หนีหวงต้องมารับผิดชอบ”

เหมิงจื้อมองเหมยฉางซูแน่วนิ่งเป็นครู่ใหญ่ กระทืบเท้าคราหนึ่งแล้วถอนใจยาว

ทางหนึ่ง เหมยฉางซูพยายามคลี่คลายปัญหาเก่า ปัญหาอันเป็นความผูกพันที่เคยมีกับหนีหวงจวิ้นจู่แต่กาลอดีต ทางหนึ่ง เหมยฉางซูก็อาศัยช่องทางคลี่คลายกรณีโดยผ่านกระบวนการของอวี้หวัง

“ข้าแค่ชี้แนะช่องโหว่ของเฉินหยวนเฉิง อวี้หวังจะได้มีที่ระบายโทสะ

หวงโฮ่วไม่มีโอรส สูญเสียความโปรดปราน เยว่ผินที่เดิมฐานันดรสูงศักดิ์หลายๆ ทั้ง 2 แทบจะเทียบเท่าเสมอเหมือน ดังนี้ จึงไม่รู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างเมียเอกกับเมียรอง

ความจริงธรรมเนียมปฏิบัติของพิธีบวงสรวงมีความยุ่งยากซับซ้อน

ในจุดนี้อวี้หวังสามารถเชิญนักปราชญ์มาร่วมอภิปรายกฎระเบียบของราชประเพณี คำพูดของคนเหล่านี้มีน้ำหนักเป็นที่เชื่อถือ เมื่อวิเคราะห์ลำดับชั้นฐานันดร ความผิดก็จะตกอยู่กับกรมพิธีการ

“เฉินหยวนเฉิงไม่มีทางเลือก ได้แต่ลาออก เช่นนี้เซี่ยอวี้ก็จะขาดผู้ช่วยไปคนหนึ่ง”