ฟ้า พูลวรลักษณ์ | อย่าทำตัวแข็งกร้าว เป็นทาสของเผด็จการ หรือมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการเสียเอง

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๗๘.๑)

การที่เด็กๆ ออกมาเรียกร้องจะแต่งไปรเวตไปโรงเรียน เป็นเรื่องเล็กๆ แต่มีความสำคัญ

เพราะนี้คือการเปลี่ยนสปิริต

มันไม่ได้ไปกระทบสถาบัน หรือเก้าอี้รัฐมนตรีท่านใด

ไม่ได้กระทบรัฐธรรมนูญ

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้น

แต่ทว่าสิ่งเล็กนี้เองที่เป็นการเปลี่ยนสปิริต ซึ่งจะมีผลกว้างใหญ่

ด้วยเพราะนี้เป็นการเปลี่ยนอนุภาค

ฉันสนใจปัญหาประเด็นนี้มาก

มันเหมือนมีอนุภาคเล็กๆ เล็ดลอดไหลออกมา แต่สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมด

รัฐคือผู้คอยดูแล สร้างความสมดุลระหว่างกฎระเบียบและเสรีภาพของประชาชน หากโลกนี้ไม่มีกฎระเบียบก็อยู่ไม่ได้

วิธีการคิดง่ายๆ ขอให้คิดถึงกฎจราจร หากไม่มี คงเกิดอุบัติเหตุใหญ่หลวงเป็นสิบเท่าร้อยเท่า

ดังนั้น กฎระเบียบจึงจำเป็นต้องมี แต่ทว่านับแต่อดีตกาล เผด็จการได้เรียนรู้ธรรมชาติพิเศษข้อหนึ่งของมนุษย์ นั่นคือมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รักเสรีภาพ

เผด็จการรายแล้วรายเล่าได้เรียนรู้สิ่งนี้ด้วยชีวิต

ตั้งแต่สมัยฉันเป็นเด็กนักเรียน ฉันจำได้ว่าเราเคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาเสมอ ความรู้สึกไม่พอใจในกฎระเบียบของโรงเรียน ความข้องใจว่ากฎข้อนี้จำเป็นไหม ควรแก้ไขไหม

สำหรับเครื่องแบบ โดยส่วนตัว ฉันชอบ แต่กระนั้นฉันก็ไม่ติดยึด ฉันกำลังคิดถึงเด็กรุ่นใหม่และโลกในอนาคต

ในโลกอดีต โรงเรียนยังไม่พร้อม กฎระเบียบจึงดำเนินต่อไป ไม่มีใครอาจไปท้าทายมันได้

แต่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง ตัวเร่งสำคัญคืออินเตอร์เน็ตและมือถือ มันขยับตัวทุกวัน เปลี่ยนแปลงทุกวัน ทุกขณะ ทุกวินาทีที่มีคนเข้าไปเล่นมัน ไม่ว่าจะเป็นอะไร มือที่ไปแตะมัน ไม่ว่าจะไร้สาระปานไหน เหมือนอนุภาคเล็กๆ ใหม่ๆ มากมาย ไหลรวมกัน นี้เป็นปรากฏการณ์ของสิ่งมีชีวิต ท้ายสุดสิ่งมีชีวิตจะเปลี่ยนแปลงโลก

ไม่มีใครเอาชนะสิ่งนี้ได้ หรือเพิกเฉย หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

มีผอ.บางคนประกาศกร้าวว่าจะยอมให้แค่วันเดียว หากทำผิดซ้ำจะตัดคะแนน ลงโทษความประพฤติ หรือท้ายสุดคือไล่ออก เป็นพฤติกรรมแบบเผด็จการสมบูรณ์แบบ คนพวกนี้เป็นเผด็จการมากกว่าเผด็จการเสียอีก

ที่จริงกฎระเบียบใดๆ ในโลกล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ต่อให้เครื่องแบบนี้มีมานานเป็นหมื่นปีก็เปลี่ยนได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรติดยึด

หากฉันเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งแรกเลยฉันจะไม่ประมาทกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะไม่ซีเรียสกับข้อเรียกร้องของเด็กๆ ฉันจะปรับตัวให้เข้ากับโลก ด้วยการดูก่อนว่าเจตนาของเด็กๆ คืออะไร ทำไมจึงเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น นี่ไม่ได้เกิดจากความอวดดี อวดเก่ง หรือเจตนาแอบแฝงอื่นใด นี้คือปรากฏการณ์ยืดหยุ่นของสิ่งมีชีวิต

ดังนั้น ฉันจะประกาศให้โรงเรียนมีการแต่งไปรเวตอาทิตย์ละวัน เช่น วันจันทร์ ติดต่อกันสักสามเดือน นี้คือการทดลอง ดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจเกิดปัญหามากมายที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ เหมือนเส้นขน

หรืออาจมีปัญหาน้อยกว่าที่คิด

นี้เป็นการเรียนรู้สำหรับเด็กนักเรียน และที่สำคัญ มันเป็นการเรียนรู้สำหรับคณะครูด้วย เพราะมีสิ่งมากมายที่บรรดาคุณครูก็คาดไม่ถึง เรามาเรียนรู้ด้วยกัน ระบบการศึกษา หัวใจคือการเรียนรู้ ยิ่งมีสิ่งใหม่ ยิ่งน่าเรียนรู้

การทดลองนี้ไม่เสียหาย เด็กๆ ที่เรียกร้องอยากแต่งไปรเวตที่สุดอาจพบว่าเครื่องแบบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทันทีที่พวกเขาได้ลองสักพัก

หากผลออกมาพอใช้ได้ ไม่ได้ดีเด่นมากมาย หรือไม่ได้มีผลร้ายอะไร ก็ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ มีหนึ่งวันสำหรับการแต่งไปรเวตในทุกอาทิตย์ ก็ไม่เสียหายอะไร เป็นความแปลกใหม่เล็กๆ

แต่หากผลออกมาดีอย่างคาดไม่ถึงต่อดวงจิตของเด็กๆ และคณะครู ก็ค่อยมาขยายความให้กว้างขึ้น ไม่มีอะไรต้องวิตก ในสากลโลก มีหลายประเทศก็แต่งไปรเวตไปโรงเรียน โลกไม่ได้แตกดับ หรือประเทศพังพินาศ มันแค่มีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง แต่ละเอียดอ่อน

โลกเรานี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทุกวันเวลา ในทุกภาคส่วน คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือ

หากมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ดั่งเส้นขน และทำให้เราทุกคนตระหนักได้ ก็ค่อยมาปรับเปลี่ยนกลับ มาเป็นเครื่องแบบตามเดิม

ถึงตอนนั้น ทุกคนก็ไม่คัดค้านรวมทั้งเด็กๆ เพราะพวกเขาได้ทดลองแล้ว และดีใจที่มีคนฟังพวกเขา

แน่ละ เด็กๆ อาจจะขยายความต่อไปอีก เช่น บางคนมีปัญหากับระเบียบเรื่องทรงผม เรื่อยไปจนถึงระเบียบอื่นๆ บางข้อในโรงเรียน ซึ่งก็ต้องเผชิญหน้า ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว แต่ขอให้เข้าใจด้วยว่า กฎระเบียบมีความจำเป็นต้องมี เพียงแต่มีข้อใดบ้าง นั่นคือสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ต้องเรียนรู้

บางข้ออาจเปลี่ยนได้ บางข้อก็ไม่ต้องเปลี่ยน เราควรเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ นี้คือความยืดหยุ่น ความดี-เลวใดในโลกนี้ สำคัญน้อยกว่าความยืดหยุ่น คุณสมบัติพื้นฐานที่สุดของชีวิต มันคือกฎสากลที่แข็งแกร่งยิ่งนัก

อย่าทำตัวแข็งกร้าว เป็นทาสของเผด็จการ หรือมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการเสียเอง

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเด็กๆ ก่อน ว่าพวกเขาต้องการอะไร

และทำไมถึงต้องการเช่นนั้น