หลังเลนส์ในดงลึก : ‘แตกต่าง’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
เสือดาว - อยู่ในบ้านของสัตว์ป่า เราใช้เส้นทางเดียวกัน ย่อมมีโอกาสได้พบเจอ แม้ไม่พบตัว แต่รอยตีนของพวกมันก็บอกให้รู้ถึงการมีอยู่

‘แตกต่าง’

ขณะทำงานอยู่ในป่าลึก พูดให้ชัดเจนคือ อยู่ในบ้านของสัตว์ป่า และรู้ว่าที่นี่มีประชากรสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด

แต่ใช่ว่าจะพบเจอสัตว์ป่าได้ง่ายๆ แม้จะเฝ้ารออยู่ในแหล่งอาหาร ที่พวกมันต้องแวะเวียนเข้ามากินก็เถอะ

สัตว์ป่ามีประสาทสัมผัสในการระวังภัยดี มีจมูกซึ่งรับกลิ่น และสัมผัสได้ว่าเราอยู่ในบริเวณนั้น สัตว์ป่าจะหลบไป หรือซ่อนตัว เราไม่เห็นสัตว์ป่าหรอก

หากพวกมันไม่อนุญาตให้พบเห็น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สัตว์ซ่อนไม่ได้ นั่นคือร่องรอย โดยเฉพาะรอยตีน

รอยซึ่งบ่งบอกการมีอยู่ของพวกมัน

ฤดูฝน ในป่าทำงานไม่ง่าย ไม่เพียงแต่การเดินทาง ทุกวันจะถูกห่มด้วยสายหมอกหนาในช่วงเช้า
ตอนสายแดดจัดจ้า

หลังเที่ยงเมฆดำเข้าครอบคลุม จากนั้นสายฝนจะโปรยปรายไปกระทั่งพลบค่ำ และบางคืนตลอดทั้งคืน
ในช่วงฤดูแล้งความเงียบสงัด ที่มีเพียงแมลงกรีดเสียงหายไป

ฤดูฝน กลางคืนคือช่วงเวลาคล้ายอยู่ในโรงแสดงดนตรี เซ็งแซ่ด้วยเสียงสูง-ต่ำจากกบ, เขียด, อึ่งอ่าง

ไร้ดาวส่องประกายระยิบ อีกทั้งดวงจันทร์ในคืนข้างขึ้นก็ถูกบดบัง อยู่บนเปลใต้ผ้ายาง ละอองฝนปลิวจนเย็นชื้น

รายล้อมด้วยความมืด ทำได้เพียงเชื่อว่า หลังเมฆดำนั่นมีดวงจันทร์ทอแสงนวล

สายฝนมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องพบอย่างเลี่ยงไม่พ้นคือแมลงและยุงจำนวนมหาศาล

ตอนพักเหนื่อยจากการเดิน ไม่ว่าจะบนสันเขา ในหุบ หรือบริเวณใดๆ ก็ตาม จะหลีกเลี่ยงฝูงยุงไม่พ้น

ในช่วงนี้ สัตว์อย่างหมู, กวาง และควายป่า ที่พบมักมีโคลนพอกตามลำตัว

มันใช้โคลนซึ่งนอนคลุกมาจากในปลักช่วยป้องกันเหล่าแมลง

สำหรับสัตว์ป่า พวกมันปรับตัวไปตามฤดูกาล

เดินไปตามด่านของสัตว์ป่า สิ่งที่สัตว์ซ่อนไว้ไม่ได้มีให้พบเสมอนั่นคือรอยตีน

รอยตีนมีสองประเภท คือรอยตีนแบบกีบ อันเป็นของพวกสัตว์กินพืช และรอยตีนแบบอุ้ง อันเป็นของสัตว์กินเนื้อ เป็นนักล่า

หากคุ้นเคยจะแยกและรู้ว่าเจ้าของรอยเป็นสัตว์ชนิดใดได้ไม่ยากนัก

ลักษณะทั่วๆ ไปของสัตว์สี่ขา จะมีตีนหน้าใหญ่กว่าตีนหลัง เพราะตามธรรมชาติแล้ว ขาหน้าต้องรองรับน้ำหนักส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าส่วนสะโพก

อีกนั่นแหละ สัตว์กินเนื้อมีรอยตีนแบบอุ้งก็จริง แต่มีข้อแตกต่างระหว่างกลุ่มเสือ และกลุ่มหมา

เสือเดินได้เงียบกริบ มันสามารถหดเล็บเข้าซองได้ ทำให้เวลาเดินไร้รอยเล็บ
ส่วนรอยตีนของหมาไนและหมาจิ้งจอก จะมีรอยเล็บด้วย

เพียงแค่เห็นรอยตีน ความแตกต่างระหว่างหมากับเสือ ก็ปรากฏให้เห็น

มองจากแคมป์ที่อยู่บนตลิ่งทางฝั่งขวาของลำห้วย เห็นลำห้วยได้ยาวไกล ผืนทรายริมน้ำมีรอยตีนสัตว์ป่าย่ำไว้เป็นเทือก ดูเหมือนพวกมันใช้บริเวณนั้นเป็นที่ข้ามน้ำ

รอยตีนควายป่ากดลึกบนทราย แสดงถึงน้ำหนักตัวมหาศาล

รอยตีนเสือโคร่ง เดินมุ่งหน้าทิศเหนือ เป็นรอยแม่กับลูก

เมื่อพบรอยตีนแม่-ลูกที่เดินไปด้วยกัน ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

ลูกเสือมีเวลาสองปีก่อนแยกไปใช้ชีวิตตามวิถี

ส่วนใหญ่จะพบรอยตีนเสือเดินอยู่ตัวเดียว

วิถีของเสือคือเดินเพียงลำพัง รอยตีนกดบนพื้นอย่างมั่นคง ขนาดที่เห็น บอกได้เพียงว่า มันเป็นเสือซึ่ง เติบโตเต็มวัยแล้ว รอยตีนไม่ได้บอกให้รู้ว่าในผืนป่ากว้างเพียงใด

ไม่ได้บอกว่ามันอ้างว้าง หรืออย่างไร

สิ่งนี้ในรอยตีนของเสือ เรามองไม่เห็น

ที่ไหนๆ ก็มีรอยตีน ในป่าทึบ บนดอยสูง รอยตีนแม่ คือสิ่งที่ลูกเดินตาม บนหน้าผาสูง แม่กวางผาฝึกฝนลูกที่เริ่มเดินได้แข็ง ให้ไต่ไปตามหน้าผา คนบนดอยเรียกกวางผาว่า เป็นพาหนะของพระเจ้า พวกมันมีทักษะอย่างสูงในการเคลื่อนที่ไปมาบนหน้าผาชัน

ขณะลูกเดินเก้ๆ กังๆ ไปตามหน้าผา ตัวแม่ยืนด้านล่างราวกับคอยระวังหากลูกพลาดพลั้งลื่นลงมา ตัวแม่จะกันไว้ไม่ให้ลูกร่วงหล่นลงไป

เมื่อหมาไนไล่กวางแม่-ลูก กระทั่งจนมุม นั่นยังไม่ใช่จุดจบ หรืองานของนักล่าเสร็จ แม่กวางจะหันกลับมาสู้อย่างเอาตัวเข้าแลก หลายครั้งที่นักล่ายอมถอย

เช่นเดียวกับช้างที่มีลูกเล็ก เมื่อพบเจอผู้ล่า แม่ช้างจะพาลูกหลบไป จะมีช้างพี่เลี้ยงแอบซุ่มรอ พร้อมโจมตี

สัตว์ป่าที่ยังไม่เติบโตเต็มวัย จะมีเวลาฝึกฝนบทเรียนการดำเนินชีวิต

พวกมันเดินตามรอยตีนแม่ ก่อนต้องแยกออกไปใช้ชีวิตตามวิถี เรามองเห็นความแตกต่างจากรอยตีนว่าเป็นสัตว์ชนิดใด รู้ว่ารอยชนิดใดคือสัตว์กินพืช รอยใดเป็นสัตว์ผู้ล่า

แม้แต่ในสัตว์ผู้ล่า ความ “แตกต่าง” ระหว่างเสือกับหมาป่า เราก็มองเห็น…