เศรษฐกิจ / ‘บิ๊กตู่’ ยิ้มรับ ‘คนละครึ่ง’ ดีเกินคาด ผุดเฟส 2 หวังผล 2 เด้ง…รอ ศก.ฟื้นปี ’64 ได้คะแนนคนฐานรากฝ่าการเมืองร้อน

เศรษฐกิจ

 

‘บิ๊กตู่’ ยิ้มรับ ‘คนละครึ่ง’ ดีเกินคาด

ผุดเฟส 2 หวังผล 2 เด้ง…รอ ศก.ฟื้นปี ’64

ได้คะแนนคนฐานรากฝ่าการเมืองร้อน

 

หลังพายุลูกใหญ่อย่างโควิด-19 กำลังจะพัดผ่านไทยไปแล้ว แต่ระหว่างทางเศษซากความเสียหายของเศรษฐกิจยังมีให้เห็น ธุรกิจน้อยใหญ่ต่างได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ผู้คนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ เพื่อตอบรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งชั่วโมงทำงานลดลง เงินลดลง แถมคนตกงานก็อีกจำนวนมาก แต่ยังต้องกินต้องใช้ ซึ่งดูเหมือนจะมากกว่าช่วงปกติด้วยซ้ำ เพราะยังจำเป็นต้องมีหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค

จนเริ่มได้ยินเสียงบ่นของคนในประเทศว่าเงินไม่พอบ้าง กดดันบรรยากาศร้านค้าซบเซามากกว่าเดิมจากที่คนมาที่ร้านน้อยลงอยู่แล้วเพราะต้องการหลีกเลี่ยงเชื้อโรคนอกบ้าน ดังนั้น ยอดขายไม่ต้องพูดถึง น้อยถึงน้อยที่สุดแน่นอน

ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันเจอหญิงไทยที่ทำงานฝั่งพม่าลักลอบเข้ามาไทยโดยไม่ยอมกักตัว พาเชื้อโควิดมาไทยสร้างความหวาดหวั่นให้คนไทยในประเทศไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยว กระทบต่อการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นส่งท้ายปี การเปิดประเทศทำท่าจะริบหรี่ จากเดิมเริ่มเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เพราะสัญญาณของโควิด-19 รอบ 2 ทำท่าจะพัดมาแผ่วๆ รวมทั้งประเทศรอบข้างต่างก็เผชิญกับการระบาดโควิด-19 รวมถึงประเทศใหญ่หลายประเทศที่เป้าหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยว นักลงทุนหลักๆ ที่มักจะเดินทางมาไทย ต่างก็หายหน้าหายตาไป

เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการใช้จ่ายจากต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมถึงภาคส่งออกต่างก็ต้องสะดุดเพราะโควิด-19 สิ่งที่รัฐบาลจะทำได้คงมีเพียงกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในประเทศ

โจทย์สุดหินที่รัฐต้องรับมือในปีหน้าคือการพลิกฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้กลับมาลืมตาอ้าปากได้

 

รัฐบาลจึงวางแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคนทุกระดับทุกกลุ่มให้ออกมาใช้จ่าย เพื่อให้เม็ดเงินได้ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ ถ้าหากคนไทยมัวแต่เก็บเงินไว้ไม่ใช้จ่าย เศรษฐกิจไทยก็จะฝืด โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากคงโอดครวญว่าจะตายเพราะโควิด-19 หรือไม่มีกินกันแน่

ซึ่งมาตรการที่รัฐได้งัดออกมาใช้สู้ศึกครั้งนี้คือ การต่ออายุเติมเงินพิเศษ 500 บาท ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อคนรายได้น้อยที่ถือบัตรอีก 3 เดือน โครงการคนละครึ่ง ที่รัฐขยายโครงการเป็นเฟส 2 เพิ่มจำนวนผู้มีสิทธิจาก 10 ล้านคน เพิ่มอีก 5 ล้านคน เป็น 15 ล้านคน และขยายวงเงินสนับสนุนจากคนละ 3,000 บาท เป็น 3,500 บาท และโครงการช้อปดีมีคืน ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

คำถามยอดฮิตช่วงที่ออกมาตรการครั้งแรกคือ เมื่อรัฐให้สิทธิเลือกระหว่าง คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน เราจะเข้าร่วมโครงการไหนดีถึงได้ประโยชน์และความคุ้มค่าที่สุด คนจึงลังเลจะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในทันทีที่เปิดลงทะเบียนเฟสแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับร้านค้าก็ให้ความสนใจน้อย เริ่มต้นด้วยจำนวนแสนกว่าร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่มาจากฐานข้อมูลเก่าของโครงการชิมช้อปใช้

อาจเพราะช่วงลงทะเบียนที่ยังไม่เปิดโครงการให้ใช้จริง ยังไม่มีการใช้จึงยังไม่รู้ว่าคุ้มค่าและสร้างประโยชน์เรื่องค่าครองชีพได้จริงหรือไม่

แต่เมื่อถึงวันที่เริ่มโครงการ รัฐเติมเงิน 150 บาทเข้าแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง และเริ่มใช้จ่าย ช่วยสร้างความรู้สึกต่อผู้ใช้ว่าได้ซื้อของถูกลงครึ่งหนึ่ง เงินใช้จ่ายประจำวันของตัวเอง 150 บาทและรัฐสมทบให้อีก 150 บาท รวม 300 บาท สามารถซื้อของได้ในปริมาณที่มากขึ้นอย่างรู้สึกได้ ทำให้เกิดกระแส “ปากต่อปาก” จนมีคนเริ่มลงทะเบียน คนละครึ่งตาม

กระทั่งสิทธิที่ได้ 10 ล้านคนหมดลง ก็เกิดกระแสเรียกร้องอยากได้สิทธิบ้าง จนต้องจัดโครงการรอบเก็บตกจากคนที่ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ไม่ได้ใช้สิทธิตามเงื่อนไข คือต้องใช้จ่ายผ่านแอพพ์เป๋าตังภายใน 14 วัน หลังได้รับสิทธิ มาเปิดให้คนที่ลงทะเบียนไม่ทันได้ใช้สิทธิด้วย กระทั่งนำมาซึ่งโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 เพราะยังมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนที่อยากได้สิทธินี้เช่นกัน

ขณะที่ร้านค้าก็สนใจลงทะเบียนเข้าโครงการด้วยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เพราะกลายเป็นว่าประชาชนนิยมซื้อของในร้านค้าที่มีป้าย คนละครึ่ง ส่วนร้านค้าที่ไม่เข้าโครงการที่อยู่ใกล้กันแทบขายไม่ได้เลย

ความนิยมในโครงการคนละครึ่ง ได้รับเสียงชื่นชมจากภาคเอกชนต่างเห็นด้วยว่าควรใช้คนละครึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป เนื่องจากสัญญาณการเปิดประเทศได้ น่าจะเป็นกลางปี 2564

ดังนั้น ในช่วงต้นปีหน้าถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว อาจสะดุดลงได้

 

ความนิยมโครงการคนละครึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเพียงโครงการเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ได้รับดอกไม้จากพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด เอ่ยปากชมว่า เป็นโครงการที่ “เข้าท่า” จนบิ๊กตู่ยามนี้แม้จะเจอม็อบเด็กออกมาขับไล่รายวัน ก็ยังอารมณ์ดี ยิ้มได้!

รัฐบาลโดยคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) จึงเดินหน้า เห็นชอบโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 (เฟส 2) หวังกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564

ขยายเป็น 15 ล้านสิทธิซึ่งรวมผู้ลงทะเบียนเฟสแรกแล้ว วงเงิน 3,500 บาทต่อราย เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิเฟสแรกต้องยืนยันรับสิทธิ เพื่อรับเงินเพิ่ม 500 บาทในเฟส 2 กำหนดให้เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2564

ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เพื่อเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่จากรัฐบาล

โครงการคนละครึ่งถือเป็นอีกความหวังของภาครัฐที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4-4.5% ในปี 2564 ด้านเอกชน โดยหอการค้าไทยก็มองว่า ประชาชนมีแนวโน้มจะใช้จ่ายจนครบวงเงินแน่นอน

โดยเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบจากโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ดูมีชีวิตชีวาขึ้น และดันให้เติบโตได้เพิ่ม 1-1.5%

 

จากข้อมูลความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 การใช้จ่ายในโครงการมีมูลค่าสะสมมากกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท โดยส่วนของประชาชนจ่ายเองคิดเป็น 51% มากกว่ารัฐบาลสมทบ 49% ส่วนร้านค้ามีมากกว่า 9 แสนร้านค้า ซึ่งใกล้เป้าหมายที่ 1 ล้านร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการแล้ว

เป็นข้อมูลยืนยันว่าประชาชนและร้านค้ามีความสนใจในการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี และน่าจะเป็นโครงการแรกของรัฐบาลที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากหลายๆ โครงการที่ทำมา และยังเป็นโครงการที่ถูกมองว่าเป็นยารักษาเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าฟื้นตัวได้

     สุดท้ายคงต้องจับตาดูว่าโครงการคนละครึ่ง จะเป็นยาวิเศษ เพิ่มพลังให้เศรษฐกิจยืนไหว ระหว่างรอวัคซีนต้านโควิดมีใช้แพร่หลาย สยบเชื้อร้ายได้ เพื่อให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกลับมาเดินเครื่องคึกคัก คนทั่วโลกสามารถเดินทางไป-มาหาสู่กันได้ตามปกติ