ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ
https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
จะเริ่มใช้เงิน Libra
ต้นปี 2021
ในยุคปัจจุบันจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดและผู้คนหันมาทำธุรกรรมการเงินและชำระค่าบริการทางออนไลน์กันมากขึ้น
การปฏิวัติพัฒนาระบบการเงินดิจิตอลของ Facebook อาจเริ่มถูกนำมาใช้ช่วงต้นเดือนมกราคม 2021
หลังจากการเปิดตัวเงินดิจิตอลใหม่ที่เรียกว่า “ลิบรา” ที่ Facebook ได้พัฒนาขึ้น โดยต้องการใช้เป็นสกุลเงินดิจิตอลสากลที่นำเทคโนโลยี “บล็อกเชน” มาใช้ในการทำธุรกรรม เพื่อช่วยขจัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการโอนเงินข้ามประเทศ ที่ปัจจุบันต้องโอนผ่านคนกลางซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
เงินดิจิตอล “ลิบรา” (Libra) ได้เปิดตัวเมื่อปี 2019 หลังจากที่เฟซบุ๊กได้ประกาศว่าจะออกเงินดิจิตอลลิบรา (Libra) ออกมาใช้ ทำให้เป็นข่าวใหญ่โต ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็หยิบยกขึ้นมาพิจารณา
ทั้งนี้ Facebook ได้ร่วมกับ 27 พันธมิตรพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลใหม่ มีเป้าหมายเพื่อสร้าง Stablecoin (สเตเบิลคอยน์) หลายสกุล สำหรับนำมาใช้เช่นเดียวกับ Fiat Currency หรือเงินตราที่ใช้กันในปัจจุบันที่มีค่าเงินเสถียรและไม่ผันผวนตามค่าเงินตราอื่นๆ รวมทั้งสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น ทอง หรือน้ำมัน เป็นต้น
โดยเงิน Libra จำนวน 1 เหรียญ จะมีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์เสมอ
นอกจากนั้น เงินดิจิตอล Libra เฟซบุ๊กจะดำเนินงานอยู่บนระบบ Blockchain ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานด้วยเงินทุนสำรอง เปรียบเสมือนธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ที่ออกใช้เงินแต่ละสกุล เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, เยน, ปอนด์, ฟรังก์สวิส, หยวน ฯลฯ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ Libra มีมูลค่าในตัวเอง และมีเสถียรภาพ
เป็นคลื่นลูกใหม่ที่มาท้าทายระบบการเงินปัจจุบัน
Facebook ซึ่งมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและบริษัทชั้นนำ 27 แห่ง ทั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร บริษัทการเงิน บริษัทอีคอมเมิร์ซและเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ เช่น Paypal, Visa, Mastercard, Booking.com, Uber, Ebay และอื่นๆ
จึงทำให้เงิน Libra นอกจากจะสามารถใช้จ่ายผ่าน Facebook Messenger และ WhatsApp ได้แล้ว ยังสามารถใช้ชำระค่าบริการในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ จ่ายค่าบริการ Uber หรือ Spotify ได้อีกด้วย
การที่ลิบรามีสกุลเงินหลักของโลกถึง 6 สกุลเงินมาเป็นสินทรัพย์สำรอง เป็นหลักการันตีว่าลิบราจะมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความผันผวนของสกุลเงินนั้นๆ ด้วย
นอกจากนี้ ลิบรายังมีแผนขยายสินทรัพย์สำรองให้ครอบคลุมสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่มีสภาพคล่อง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีความเข้มแข็งอีกด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานว่า Facebook อาจจะเปิดตัวแอพพ์ Novi ซึ่งเป็นวอลเล็ตสำหรับใช้ในการรับและส่งเหรียญ Libra รวมถึงอาจใช้แอพพ์ Messenger และ WhatsApp สำหรับจัดการยอดเหรียญ Libra ได้อีกด้วย
โดยอาจเริ่มใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและอีกไม่กี่ประเทศในแถบละตินอเมริกาที่มีความพร้อมในการใช้สกุลเงินดิจิตอลก่อนเป็นลำดับแรกๆ
จากการเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล “ลิบรา” (Libra) ของเฟซบุ๊ก เมื่อปี 2019 ครั้งนั้น สร้างความกังวลให้กับธนาคารทั่วโลกรวมทั้ง “ธนาคารประชาชนจีน” (PBOC) ที่ออกมาระบุว่า สกุลเงินดิจิตอลควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลาง เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่ออัตราแลกเปลี่ยนและรักษาอำนาจของเจ้าหน้าที่ในการออกนโยบายทางการเงิน
จากความกังวลต่อเสถียรภาพการเงินของจีนจึงทำให้ “ธนาคารประชาชนจีน” (PBOC) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล หรือ “คริปโตเคอร์เรนซี่” ของตนเองที่พัฒนาระบบบล็อกเชนมาใช้กับสกุลเงินหยวนแทนที่ฐานเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในระบบปัจจุบัน สกุลเงินดิจิตอลยังจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนของเงินหยวนในระดับสากล
การเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของ PBOC ได้ริเริ่มการศึกษาวิจัยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี นับจากที่ “เฟซบุ๊ก” ประกาศร่วมกับ 27 พันธมิตรพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลใหม่ที่เรียกว่า “ลิบรา” (Libra) ไม่นานนักจีนได้ทดลองใช้เงินหยวนดิจิตอลมาอย่างต่อเนื่อง
และพร้อมที่จะเปิดตัวหยวนดิจิตอล หรือชื่อเต็มๆ ว่า Digital Currency Electronic Payment (DCEP) อย่างเต็มตัวในรูปแบบของสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางจีน (CBDC) ที่จะมาแทนที่การใช้เงินในรูปแบบเงินสดหรือรูปแบบธนบัตร
นับว่าเป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลกที่ประกาศใช้สกุลเงินของตัวเองผ่านธนาคารพาณิชย์ DCEP เงินหยวนดิจิตอล อาจเป็นสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางเหรียญแรกของโลกเลยก็ว่าได้
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐบาลจีนในเซินเจิ้นจัดหนักจับรางวัลหรือออกล็อตเตอรี่แจกเงินหยวนดิจิตอลมูลค่า 10 ล้านหยวน (46 ล้านบาท) เพื่อต้องการทดสอบการใช้สกุลเงินดิจิตอลของจีนครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้น ข้อมูลการซื้อ-ขายในระบบทั้งหมดจะสามารถนำไปใช้ต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสินเชื่อ การลงทุน การซื้อประกัน โดยอาจจะคล้ายกับโมเดลการต่อยอดธุรกิจ payment หาก Libra กลายเป็น “เงินสกุลโลก” จริง และ Libra Association ก็จะเป็นเสมือน “ธนาคารกลางโลก”
ทางด้านความปลอดภัย Facebook ยืนยันว่าจะไม่มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินให้กับผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ทางการตลาดอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่จะได้รับการยินยอมจากลูกค้าเสียก่อน
ซึ่ง Facebook คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้สกุลเงิน Libra ได้ภายในต้นเดือนมกราคม ปี 2021
ที่มา : https://www.engadget.com/facebook-libra-cryptocurrency-launch-january-200033579.html?guccounter=1