กรองกระแส / บทบาท รัฐบาล ประเมิน เยาวชนปลดแอก ต่ำกว่า ความจริง

กรองกระแส

 

บทบาท รัฐบาล

ประเมิน เยาวชนปลดแอก

ต่ำกว่า ความจริง

 

ท่ามกลางบทสรุปของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ว่าการชุมนุมของ “เยาวชนปลดแอก” ที่เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มที่จะฝ่อและแผ่วลงเป็นลำดับ

ความเป็นจริงที่เห็นกับตรงกันข้าม

ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ย่านรัชโยธิน

ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ ห้าแยกลาดพร้าว

ไม่เพียงแต่จะได้รับการสกัดขัดขวางจากรัฐบาลถึงขนาดเอาตู้คอนเทนเนอร์ ประสานเข้ากับลวดหนามหีบเพลงและรถฉีดน้ำ หากแต่ยังพร้อมออกหมายเรียก หมายจับเป็นรายวัน

กระนั้น จำนวนผู้เข้าร่วมแทนที่จะลดกลับมีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น

ลำพังการชุมนุมของ “เยาวชนปลดแอก” อันพัฒนาเป็น “คณะราษฎร 2563” ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว แต่นี่เริ่มมีการจุดประกายจากเครือข่าย “นักเรียนเลว” พุ่งเป้าเข้าไปยัง “เครื่องแบบ” และอำนาจนิยมในโรงเรียนอีก

จากเดือนกรกฎาคมมายังเดือนธันวาคมจึงยังไม่มีการสิ้นสุด

 

บทบาท การประเมิน

ต่ำกว่า ความเป็นจริง

แรกที่ “เยาวชนปลดแอก” ปรากฏขึ้น ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม น้ำเสียงเยาะหยันประชดประชันก็ดังมาจากฟากของรัฐบาล

ตั้งสมญาว่า “มุ้งมิ้ง” ตั้งสมญาว่า “ฟันน้ำนม” ตั้งสมญาว่า “วูบวาบ”

น้ำเสียงทั้งหมดนี้ 1 สะท้อนให้เห็นว่าเป็นม็อบของเด็กๆ ไร้เดียงสาในทางการเมือง ไม่สามารถมีพลังหรือขยายบทบาทอันก่อให้เกิด “กัมมันตะ” ในทางการเมืองได้ ในอีกด้านหนึ่งจึงเพิ่มมาตรการ “คุกคาม”

เป้าหมายก็เพื่อสกัดขัดขวาง สร้างความลำบาก

แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์ ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ไม่เพียงแต่จำนวนผู้เข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นเป็น “เรือนหมื่น”

หากเนื้อหาและข้อเรียกร้องก็เริ่มแตะ “เพดาน” ในทางความคิด

การชุมนุมอีกครั้งของ “เยาวชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 16 สิงหาคม จึงไม่เพียงแต่ทำให้เนื้อหามีลักษณะรวมศูนย์ หากที่สำคัญยังแพร่กระจายออกไปสู่นักเรียน

ทั้งหมดนี้มีรากฐานมาจากการประเมินบทบาทของ “เยาวชนปลดแอก” ผิดพลาด

 

ผิดพลาด ซ้ำซาก

ผิดพลาด การเมือง

รูปธรรมความผิดพลาดในทางการเมืองของรัฐบาลที่ประเมินบทบาทและความหมายของ “เยาวชนปลดแอก” ต่ำไปกว่าความเป็นจริงปรากฏให้เห็นหลายประการ

1 คือ การไม่ให้ความสนใจ ไม่ยอมรับฟังข้อเสนอ

เห็นได้จากการไม่หยุดคุกคามประชาชนเลยแม้แต่น้อย ระยะหลังยิ่งพุ่งเป้าเข้าสู่กลุ่มบุคคลที่ประเมินว่าเป็น “แกนนำ”

มีการออกหมายเรียก ออกหมายจับและจับกุม

แม้ว่าทาง 1 จะทำเหมือนกับเป็นการรับฟังและนำไปปฏิบัติอย่างกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ดำเนินไปตามเป้าหมายของตน ไม่ยอมรับฟังความเห็นจากด้านอื่น

รูปธรรมคือการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า “ฉบับประชาชน”

ทั้งๆ ที่รากฐานของการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก” และมีประชาชนลงชื่อให้การสนับสนุนมากกว่า 1 แสนรายชื่อ

แต่รัฐบาลก็ประกาศคว่ำกลางสภาอย่างไม่สนใจไยดี

 

รากฐาน ความผิดพลาด

ยึดติดปริมาณ รูปแบบ

เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวโดยประชาชนหลายหมื่นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมกระทั่งถึงเดือนธันวาคม รัฐบาลก็มองว่าเป็นเสียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ 70 กว่าล้านคนทั่วประเทศ

ทั้งๆ ที่เป็นการชุมนุมของ “มวลชน” เพื่อสำแดงความเป็น “พลเมือง” ผู้มีจิตสำนึก

เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อประชาชนที่ต้องการให้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใต้นาม “ฉบับประชาชน” เพื่อมาแทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นเผด็จการ

รัฐบาลก็มองว่าจำนวน 100,000 กว่าคนยังเป็นเสียงส่วนน้อย

ทั้งๆ ที่การล่ารายชื่อตามรัฐธรรมนูญมีกระบวนการแสดงตัวอันซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง กระนั้น ก็ยังมีคนกว่า 100,000 คนออกมาสำแดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยม

แนวการประเมินเช่นนี้ยังนำมาใช้ในกรณีของ “นักเรียนเลว” ในเรื่องของ “เครื่องแบบ”

ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมซึ่งริเริ่มโดย “เยาวชนปลดแอก” ทั้งๆ ที่ไม่ว่าการล่ารายชื่อเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ “ฉบับประชาชน” ทั้งๆ ที่ไม่ว่าการออกมาประท้วงของ “นักเรียนเลว”

คือการส่งสัญญาณในทาง “ความคิด” ในทาง “การเมือง” อย่างมีนัยสำคัญ

 

เมื่อประเมิน ผิดพลาด

การตัดสินใจ ก็ผิดพลาด

ความผิดพลาดของรัฐบาลในการประเมินบทบาทและความหมายของ “เยาวชนปลดแอก” ผิดพลาดและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในเดือนกรกฎาคมนั้นเอง

คือเหตุหนึ่งอันทำให้การชุมนุมยังต่อเนื่องมาถึงเดือนธันวาคม

ความผิดพลาดในกระบวนการบริหารจัดการต่อปัญหาการชุมนุมนั้นเองได้ทำให้เกิดการยกระดับของการชุมนุมจาก “เยาวชนปลดแอก” เป็น “คณะราษฎร 2563”

และยกระดับจากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก

ไปยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูป “สถาบัน” นำไปสู่การเคลื่อนขบวนไปยังสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ

  ตราบกระทั่งเดือนธันวาคมก็ยังไม่มีคำตอบว่าจะยังมีการชุมนุมอีกหรือไม่