วิเคราะห์ : ตรวจสุขภาพอสังหาฯเป็นอย่างไร

งบฯ ไตรมาส 3 และงบฯ 9 เดือนแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการเผยแพร่ออกมากันแล้ว

ตัวเลขจากงบการเงินเหล่านี้สามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดสุขภาพของธุรกิจอสังหาฯ ได้ระดับหนึ่ง

โดยใช้งบฯ ของ บมจ.รายใหญ่ 10 อันดับแรกได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ศุภาลัย เฟรเซอร์ฯ พฤกษา คิวเฮ้าส์ เอพี ไทยแลนด์ ออริจิ้น เอสซี สิงห์ และแสนสิริ เป็นตัวสะท้อนสภาพตลาด พอจะเห็นได้ดังนี้

ยอดขายรวม 9 เดือนเพิ่มขึ้น 1% โดยมียอดจากโปรโมชั่นลดราคาลดสต๊อกช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด มีส่วนสำคัญช่วยให้ลดเทียบปีต่อปีแล้วยังเป็นบวก หากวัดเฉพาะยอดขายจากโครงการใหม่ล้วนๆ ยอดคงจะเป็นลบ

กำไรสุทธิลดลง -13% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรลดลง ได้แก่ การโปรโมชั่นลดราคาเป็นหลัก ส่วนรองลงมาก็เป็นเรื่องการแข่งขันกันในภาวะตลาดกำลังซื้อหดตัว

หนี้สินรวมของ top10 เพิ่มเพียง 1% ดีกว่าที่คาดกันแต่แรกว่า ภาวะวิกฤตจะทำให้ภาระหนี้สินของบริษัทอสังหาฯ เพิ่มขึ้นมา เพราะต้องกู้สถาบันการเงินมาเสริมสภาพคล่อง แต่จากงบฯ ผู้นำตลาดหนี้เพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเรโชชี้วัดสำคัญตัวหนึ่งคืออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) รวม

การเปลี่ยนแปลงเท่ากับ 0

มูลค่าของธุรกิจหรือ Maeket cap. ของบริษัทอสังหาฯ Top10 (หรือราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นของบริษัท) เทียบ 9 เดือนปีนี้กับ 9 เดือนแรกของปีที่แล้ว พบว่า มีมูลค่าลดลง -25% ทีเดียว

 

ข้อมูลของผู้นำตลาดทั้ง 10 ราย แสดงให้เห็นว่า แม้ธุรกิจอสังหาฯ จะประสบปัญหาภาวะวิกฤตครั้งร้ายแรงครั้งใหญ่ ตัวเลขผลประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าบริษัท อัตรากำไร ก็สะท้อนไปในทิศทางนี้

ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ก็ยังแข็งแกร่ง ดูได้จากจำนวนหนี้สินของบริษัท และอัตราหนี้สินต่อทุน ซึ่งแทบจะคงที่

นอกจากนี้งบฯ 9 เดือนแรก ยังมีความน่าสนใจลำดับของยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ 10 อันดับแรก มีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง

หากใช้ตัวเลข market cap. หรือขนาดของบริษัทเป็นหลักแล้ว พบว่า อันดับหนึ่งยังเป็นเจ้าเดิม แลนด์แอนด์เฮ้าส์ อันดับ 2 ศุภาลัย

ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมายืนที่ 3 กลายเป็นโกลเด้นท์แลนด์ ที่บัดนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็นเฟรเซอร์ฯ แล้ว และออริจิ้น ยักษ์ใหญ่น้องใหม่ก็ยังยืนลำดับที่ 7 ได้อย่างสง่า

สิ้นปี 2563 คงจะเห็นลำดับยักษ์ใหญ่ได้ชัดขึ้น ขณะเดียวกันคงจะได้เห็นการปรับตัวปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของยักษ์ใหญ่ต่างๆ ในปีนี้และปีหน้าอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลผู้นำตลาด 10 รายแรก ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ มีแหล่งการเงินและต้นทุนทางการเงินต่ำอยู่แล้ว คงไม่สามารถเป็นตัวแทนให้กับบริษัทอสังหาฯ ขนาดเล็ก ขนาดกลางจำนวนมากได้ทั้งหมด

ข้อพึงระวังที่สำคัญยิ่งก็คือ ณ เวลานี้ ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่า ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดหรือยัง กำลังซื้อที่หดตัวลงไปเรื่อยๆ การว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงจุดสิ้นสุดหรือยัง

เพราะเหล่านี้ คือตัวบ่งชี้กำลังซื้อบ้าน คอนโดฯ