มุกดา สุวรรณชาติ : นิยายเรื่อง…ชกข้ามรุ่น ตอน…เหตุผลของหมาป่า

มุกดา สุวรรณชาติ

การเรียกร้องของคณะราษฎร ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ที่บางคนบอกว่าเป็นความคิดของคนต่าง Generation

แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่า เป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์การเมือง รวมทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการชิงอำนาจการปกครอง

คนหนุ่ม-สาวมีเหตุผลที่ออกมาเรียกร้อง…เพราะต้องการให้การเมืองเป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย

แม้ว่าพวกเขายังไม่สามารถเข้าสู่อำนาจด้วยตนเองก็ตาม แต่ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้เลือกตัวแทนที่เข้าสู่อำนาจและจัดการบริหารด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างยุติธรรม พวกเขาจึงมีข้อเรียกร้อง

ด้วยความหวังว่าแต่ละข้อจะนำไปสู่ช่องทางที่จะทำให้ความหวังเป็นจริง

แต่กลุ่มผู้ปกครองที่มีอำนาจก็มีเหตุผลเช่นกัน

 

ตอนนี้มีฉากเดียว ณ ห้องนัดพบ

ชายสูงวัย 3 คน ใส่สูท 1 คน อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 30 คนหนึ่ง อีก 2 คนเป็นเด็กหนุ่ม-สาวอายุประมาณ 20 ทั้ง 3 ใส่เสื้อสีทึบ ทุกคนสวมแมสก์

“พวกเธอถือว่าเป็นตัวแทนของทุกกลุ่มใช่หรือไม่” ชายใส่สูทเอ่ยทักทาย

ตอนนี้ถือว่าใช่ โดยส่วนใหญ่…หนุ่มอายุมากที่สุดตอบ

ส่วนพวกเราสามคนไม่ถือเป็นตัวแทน ไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่อยู่ในกลุ่มที่พวกเธอเรียกว่า กลุ่มอำนาจเก่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจในอนาคต ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

วันนี้ที่นัดมาคุยไม่ใช่การเจรจาต่อรอง แต่มาเพื่ออธิบายเหตุผลและความจำเป็นของกลุ่มอำนาจเก่า และก็อยากฟังเหตุผลของฝ่ายพวกเธอ เผื่อว่าจะหาจุดร่วมบางจุดได้

แต่การพบกันครั้งนี้เป็นความลับ จึงถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น

ถ้าอย่างนั้นก็ถามตรงๆ เลยว่าทำไมพวกท่านไม่ยอมเปลี่ยนประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที…เด็กหนุ่มถามขึ้นอย่างฉับพลัน

คนที่อายุน้อยสุด หันไปมองหน้าคนใส่สูทที่ท่าทางจะมีอายุมากที่สุด ชายคนนั้นนิ่งอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ตอบ

“คุยกันในที่นี้อย่างตรงไปตรงมา แต่ห้ามพวกเธอเอาไปพูดที่อื่น ระบบปกครองของประเทศเราตลอดหลายร้อยปี กลุ่มคนชั้นนำหรือผู้มีอำนาจแบบพวกเรามีส่วนในการปกครองมาตลอด มีส่วนในการกำหนดว่าจะให้ประเทศไปทางไหน แม้หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เราก็ยังกุมอำนาจการปกครองโดยส่วนใหญ่ทั้งนอกสภาและในสภา ที่เห็นชัดเจน พวกเราเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมีบางคนได้เป็น ส.ส. และเป็นรัฐบาล”

“ผ่านมาถึง 60 กว่าปี จนเมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2540 ส.ว.ก็มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อยิ่งมาถึงยุคทักษิณ กลายเป็นว่าทั้งรัฐบาล ส.ว. และ ส.ส.เกือบไม่มีที่ให้ชนชั้นนำอย่างพวกเรายืนอยู่อย่างมีเกียรติและมีปากมีเสียง ในขณะที่เราเป็นตัวแทนของกลุ่มที่มีทุนรอนขนาดใหญ่ มีอำนาจบังคับบัญชาทหารและพลเรือน มีการศึกษาดี แต่คนที่ได้รับเลือกเข้ามา ทั้งฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด พื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการศึกษา”

“ด้อยกว่าพวกเราทั้งสิ้น”

 

“นั่นเองถึงมีการรัฐประหารปี 2549”

“แต่เรื่องครั้งนั้น พวกเรา 3 คนไม่ได้เป็นต้นคิดและตัดสินใจ ในยุคนั้นเรา 3 คนยังไม่มีอำนาจ แม้แต่คนที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารตอนนั้น ก็ไม่มีบารมีที่จะทำรัฐประหารทักษิณได้”

“หลังการรัฐประหารครั้งนั้นถือว่าฝ่ายเราประนีประนอมแล้ว เราร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังยอมให้มี ส.ว.จากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่เราก็ไม่คิดว่าประชาชนจะยังเลือกพรรคทักษิณอยู่เหมือนเดิม อำนาจการปกครองและการบริหาร จึงหลุดไปอีก จะให้ทำรัฐประหารซ้ำในระยะใกล้แบบนั้นก็น่าเกลียดมาก การใช้ม็อบและตุลาการภิวัฒน์ในปี 2551 จึงกลายเป็นเรื่องที่จำเป็น การตั้งรัฐบาลพลเรือนก็เป็นเรื่องจำเป็น เราเห็นว่าประชาธิปัตย์น่าจะทำได้ดีที่สุด”

ทำไมไม่คิดว่าจะมีคนต่อต้าน ในเมื่อไปยุบพรรคที่เขาเลือกมาและยังล้มรัฐบาลเขาอีก

“ก็คิดอยู่…แต่ผู้มีอำนาจเขาไม่กลัว เพราะคิดว่ากำลังหนุนหลังแข็งแรง…คนผมเกรียนตอบ”

แต่ก็เกิดกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้น…เด็กหนุ่มโต้

 

“ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราคิดไม่ถึง และเราดูเบากำลังการจัดตั้งของพรรคการเมือง”

แล้วทำไมต้องปราบกันถึงล้มตายขนาดนั้น…เด็กหนุ่มยังโต้กลับ

“ใครจะอยากทำขนาดนั้น แต่มีจุดประสงค์ที่ต้องการปราบให้สงบ เพราะไม่อยากให้มีม็อบใหญ่อีก พอมาปฏิบัติจริง มันลุกลามขยายไป และควบคุมการปฏิบัติจริงไม่ได้ บางเรื่องก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนก่อเหตุขึ้น ดูแล้วก็ไม่คิดว่าเป็นคนเสื้อแดงทำขึ้นมา ฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารก็รู้ว่า การมีคนเสียชีวิตจะเป็นปัญหาในอนาคต แต่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” คนผมเกรียนตอบเสียงเบา

“แสดงว่าฝืนทำไปจนมีเรื่อง พวกเราตอนนั้นยังเป็นเด็กๆ ยังไม่รู้ แต่พอโตขึ้น ก็รู้ว่านายกฯ ยุคนั้นไม่มีน้ำยาที่จะสั่งได้ เพราะตอนจะเป็นนายกฯ ยังต้องให้เขาช่วยประคองขึ้นนั่งเก้าอี้ พวกลุงรู้หรือไม่ เหตุการณ์ปี 2553 ทำให้เกิดรอยร้าวลึก และกระจายไปทั่วประเทศ จนถึงวันนี้ พวกหนูไปดูคลิป ไปอ่านเหตุการณ์บันทึกต่างๆ อ่านแล้วยังโกรธ ดูแล้วก็ยิ่งโกรธ การที่คนรุ่นหนูใช้คำว่าโจร ก็ถือว่าสุภาพมากแล้ว เพราะการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา คือทั้งปล้นเจ้าทรัพย์ เมื่อเขาไม่ยอมก็ยังฆ่าทิ้งอีก การเลือกตั้งปี 2554 ความโกรธแค้นของคน ทำให้พวกลุงต้องแพ้อีก แพ้มากด้วย” เด็กสาวพูดเหมือนอบรม

“มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงตามมาและก็ต้องแก้ไข”

คนที่อายุน้อยสุดพยักหน้ายอมรับ

 

ทําไมตอนนั้นไม่แก้ไข ด้วยวิธียอมรับระบอบประชาธิปไตย ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินต่อไป

“ตอนนั้นทำไม่ได้เพราะหลังจากเหตุการณ์ปี 2553 คนที่เกี่ยวข้องรู้สึกว่าตัวเองอยู่บนหลังเสือ ถ้าลงมาถูกกัดแน่ และยังมีแรงกดดันจากอำนาจที่เหนือกว่า ไม่ยอมให้ถอย ทีแรกก็คิดว่าน้ำท่วมแล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่ไม่ได้ แต่พอผ่านไปอีกปี สถานการณ์เปลี่ยน เกิดกระแสความนิยมแบบนักการเมือง+ดารา จึงมีคนตัดสินใจเร่งปิดเกม”

“ตอนม็อบแช่แข็งใช่ไหมล่ะ แต่ทำแล้วไม่สำเร็จ ตอนนั้นผมยังหนุ่มแต่จำได้” หนุ่มวัย 30 แทรกขึ้นมา

มีการกำหนดเป้าอยู่แล้วว่าจะต้องล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ได้โดยเร็ว ถ้าปล่อยไปอาจมีคะแนนนิยมมากกว่ารัฐบาลทักษิณ แต่การใช้ตุลาการภิวัฒน์เพื่อเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเหมือนเมื่อปี 2551 ทำไม่ได้ง่าย เพราะพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวก็เกินครึ่งสภาแล้ว

“พวกลุงก็เลยใช้ม็อบ กปปส. มีสุภาษิตบอกว่าเพื่อปกปิดความผิดหนึ่ง มีคนยอมกระทำความผิดอีกหลายอย่าง โดยหวังว่าจะรอดตัว เมื่อพันธมิตรเสื้อเหลืองไม่ยอม ร่วมด้วย ผมเดาว่าคงมีคนไปหลอก ปชป.ว่าล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้วจะให้ขึ้นมาแทน จึงยอมแปลงกายเป็น กปปส. ที่จริงเมื่อเขายอมยุบสภา หนทางประชาธิปไตยก็ยังเปิดอยู่ ทำไมไม่ยอมลงเลือกตั้ง”

“พวกเราไม่ไร้เดียงสาขนาดนั้น วันที่ยิ่งลักษณ์ยังไม่มีใครรู้จัก พรรคเพื่อไทยได้ถึง 265 เสียง ถ้ายุบสภาแล้วปล่อยยิ่งลักษณ์ออกไปหาเสียง เพื่อไทยได้ ส.ส.เกิน 300 แน่ แล้วม็อบ กปปส.ที่อุตส่าห์ขนกันมา ใช้ผู้หลักผู้ใหญ่ออกหน้า ไปขอร้องสภามหาวิทยาลัยทุกแห่ง สายงานข้าราชการทุกสาย ถ้าทำแค่นั้น แล้วแพ้เลือกตั้งมากกว่าเดิม คงถูกกระทืบซ้ำ จึงต้องทำยังไงก็ได้ ที่ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ”

แต่ถ้าเขาก็จะเลือกใหม่อีก พวกลุงก็ต้องแพ้

“มันก็เลยต้องจบที่การรัฐประหารยังไงล่ะ เราก็รู้ว่าให้เลือกตั้งอีกเร็วๆ แบบปี 2551 ยังไงก็แพ้อีก…ประชาชนก็เหลือเกิน ทำยังไงก็จะเลือกแต่พรรคเดิมๆ”

พวกลุงก็เลยต้องลากยาว ขอเวลาอยู่นานๆ แล้วก็พยายามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หาทางทำให้ชนะให้ได้ก็เลยกลายเป็นฉบับ 2560 ที่พิสดารจะหารัฐธรรมนูญที่ไหนในโลกนี้มาเทียมได้

 

เราไม่อยากทำรัฐประหารอีกครั้ง การร่างรัฐธรรมนูญ และใช้กฎหมาย เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ระยะเวลาเกือบ 5 ปี คิดว่าได้สลายกำลังเสื้อแดง และผู้มีอุดมการณ์ได้เป็นส่วนใหญ่ พวกเธอก็เห็นว่ามีคนย้ายข้างมาอยู่กับเราเยอะ อย่าว่าแต่เสื้อแดง ต่อให้เป็นคนเข้าป่ามาก่อนเป็นนักการเมือง หรือเป็นกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ละทิ้งอุดมการณ์มาอยู่กับเราได้ ในเมื่อเราเสนอสิ่งที่พวกเขายังขาดแคลน มีน้อยคนนักที่อำนาจกับเงินซื้อไม่ได้ เราจึงมีคนรับใช้ทำงานทุกองค์กร และเราก็ได้รัฐธรรมนูญแบบที่เราต้องการ”

ก่อนเลือกตั้ง พวกลุงรู้ว่า ถ้าปล่อยให้ยิ่งลักษณ์มาเดินหาเสียงได้ ก็คงจะต้องแพ้อีก ก็เลยเล่นงานให้ออกนอกประเทศ เมื่อดึงและดูด ส.ส.เก่าได้ คงคิดว่าชนะแน่ แต่ที่พวกลุงคิดไม่ถึงก็คือ…พวกอนาคตใหม่ล่ะสิ

“ใช่ ใครจะไปคิดถึงสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในวงการ เมื่อก่อนชื่อแกนนำพรรคอนาคตใหม่ยังได้ยินไม่กี่ครั้ง เรายอมรับว่าเป็นคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วและแรงมาก เราจึงจำเป็นต้องกำจัด เราได้บทเรียนจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถ้าให้โอกาสเพียงนิดเดียวพรรคเหล่านี้ก็จะเติบโตเป็นอันตรายต่อเรา”

ทำไมไม่คิดว่ากลุ่มเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้างล่ะ

“เรื่องนั้นทำไมจะไม่รู้ แต่ว่านี่คือการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง พวกเราปกป้องสถานะของพวกเราที่อยู่เหนือกว่า มีอภิสิทธิ์มากกว่า มีอำนาจมากกว่า พวกเธอต้องการให้เราคลายอำนาจและยกเว้นอภิสิทธิ์ต่างๆ แบ่งผลประโยชน์ต่างๆ ออกมา ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไหนยอมให้สิ่งเหล่านี้ง่ายๆ พวกเธอชอบเปรียบกลุ่มเราว่าเป็นหมาป่า แล้วมีหมาป่าที่ไหนกินหญ้าเป็นอาหาร”

พวกลุงก็เลยต้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่เคยรู้สึกบ้างหรือว่าฉายหนังซ้ำหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ยุบพรรคไทยรักไทย พอเปลี่ยนเป็นพรรคพลังประชาชน ก็ยุบอีก พอมีดาวรุ่งดวงใหม่คือพรรคอนาคตใหม่ ก็ยุบอีก นี่แหละคือสาเหตุกระตุ้นให้คนโกรธแค้น ตอนยุบพรรคเขาได้ ซื้อ ส.ส.ได้คงคิดว่ารัฐบาลมั่นคงมากล่ะสิ

 

“ตอนปลายปี 2560 ไม่มีโรคระบาด covid มีแค่ Flash Mob บน sky walk เล็กน้อย มามีม็อบนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็เดือนกุมภาพันธ์ Covid ก็ระบาดพอดี ใครๆ ก็คิดว่าเป็นม็อบมุ้งมิ้ง อยู่ไม่นานเดี๋ยวคงเลิกไป ไม่มีใครคิดว่าจะมีการขยายตัวทางกว้างและยกระดับเรียกร้องสิ่งที่เป็นจุดอ่อน และหัวใจ แต่พวกเธอลองคิดดู รัฐธรรมนูญฉบับนี้กว่าจะร่างได้มาอย่างนี้ใช้ทั้งม็อบ ตุลาการภิวัฒน์ รัฐประหารองค์กรอิสระ ทำกันตั้งหลายรอบเพื่อหวังจะชนะการเลือกตั้ง และถ้าทำได้ ถือว่ากุมอำนาจได้ทุกส่วน ผ่านมาทุกด่าน เธอไม่สังเกตหรือใครขัดขวางถูกกำจัดหมดเมื่อลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้ว ใครจะยอมปล่อยให้เปลี่ยนกลับไปง่ายๆ พวกที่ได้ผลประโยชน์ตามหลังมา เช่น พวกรัฐมนตรี ส.ว.และกรรมการต่างๆ ล้วนแล้วแต่ติดใจในอำนาจ และทรัพย์สินเงินเดือน ผลตอบแทน ตอนนี้ไม่มีใครอยากถอยออกไปหรอก มีแต่คนรอใช้งบประมาณ”

ถ้างั้นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็คงไม่เป็นจริงสิ

“ทั้งจริงทั้งหลอก ถ้าตั้ง ส.ส.ร.แบบรัฐบาล ตั้งได้แต่จะอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ และที่สำคัญ ส.ส.ร.แบบนั้น จะ Design รัฐธรรมนูญเพื่อใคร ทุกฝ่ายต้องต่อสู้เพื่อชิง ส.ส.ร.กันอีก กว่าจะร่างเสร็จ”

แบบนี้พวกเราก็ต้องต่อสู้กับพวกลุงไปเรื่อยๆ

“ถ้าพวกเธอคิดว่า ม็อบของพวกเธอไม่อ่อนแรงลงเสียก่อน ก็อาจจะมีผล แต่พวกเธอจะดึงกระแสสูงแบบนี้ไปได้กี่เดือน”

เราคิดว่าเศรษฐกิจที่แย่ลง จะทำให้คนมาร่วมม็อบมากขึ้น และเราจะมีข้อมูลที่สามารถเจาะลึกลงไปในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตระดับใหญ่หรือเล็ก การใช้งบประมาณที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม

“เทคนิคการหาแนวร่วมของพวกเธอก็ยังอ่อน หลายเดือนแล้ว คนที่มาร่วม 90% เป็นคนกลุ่มเดิม ยังมีปัญหาความสามัคคีของแกนนำ ถ้าม็อบของพวกเธออ่อนกำลังลง อาจถูกปราบได้”

พวกเราไม่มีปืนผาหน้าไม้มาต่อสู้ แต่ที่พวกเราเก่งก็เป็นเรื่องเคมี ชีวะ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสาร ภาษา คนที่เก่งๆ อยู่กับพวกเราแล้ว ถ้าจำเป็นต้องสู้ก็จะลอง พวกเราไม่มีอะไรสูญเสียมากมายนัก แต่คนที่เล่นงานเราต้องสูญเสียมากกว่า

 

“ช่วงเวลานี้คิดว่าคงไม่มีใครกล้ามาปราบอย่างรุนแรงหรอก เขาจะใช้กฎหมายเล่นงานไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามีคนปราบรุนแรง ก็อาจมีผู้หวังดีมาช่วย”

พวกเรายังมองไม่เห็นว่าใครจะมาช่วย นอกจากประชาชน

“สถานการณ์ยังไม่ถึงเวลา ผู้หวังดีอาจยังไม่ปรากฏ แต่ถ้าเขาช่วยได้แล้ว อยากให้ประนีประนอมกัน เพื่อให้ประเทศชาติไปได้จะยอมไหมล่ะ?”

2 หนุ่มหันไปสบตากัน แบบว่ารู้แล้วว่าหัวใจของการพูดคุยอยู่ตรงนี้ แล้วหนุ่มวัย 30 ก็ตอบว่า

“หลักการประนีประนอมทั้งหมด ถ้าเป็นไปเพื่อประชาชน และอยู่ในแนวทางประชาธิปไตย เชื่อว่าทุกคนก็อยากหาทางออกเพื่อก้าวไปข้างหน้า เพราะตอนนี้คนไทยจำนวนมากรู้แล้วว่าถ้าไม่แก้ปัญหาเหล่านี้…เราจะพากันตายหมด…แต่ต้องร่วมกันซ่อมโครงสร้าง”

 

บรรยากาศการพูดคุยยุติลง

…3 ผู้อาวุโสยังนั่งนิ่งอยู่ เสียงผู้อาวุโสที่สุดพึมพำขึ้น “ไม่จบง่าย ยังอีกหลายยก เกมจะจบหรือไม่ ไม่ได้ชี้ขาดที่เด็ก พวกเราเตรียมตัวให้ดี”

ส่วน 3 หนุ่ม-สาวก็ออกจากห้องนั้นไปแล้ว พร้อมคำถามในใจ ถอยคนละก้าว ประนีประนอม แต่จะมีคนซ่อนมีดไว้ข้างหลังอำพรางด้วยรอยยิ้ม

ยังมีผู้หวังดีที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์อำนาจ หรือต้องการเปลี่ยนอะไรสักอย่าง…

หมาป่าไม่กินหญ้า…แล้วมันจะปรับตัวกินอาหารเม็ดได้หรือไม่?