“บึ้มจริง” หน้าโรงละครแห่งชาติ สัญญาณชัดภัยคุกคามลามกรุง : โล่เงิน

เหตุระเบิดบริเวณด้านหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ท้องที่ สน.ชนะสงคราม ที่มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่คล้ายว่าถูกอำพรางจากระเบิดเป็นท่อแตกธรรมดา ในตอนแรก

เมื่อ “บิ๊กแป๊ะเล็ก” พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พยายามชี้ชัดในชั่วโมงแรกๆ หลังเกิดเหตุ ว่าไม่ใช่ประทัดยักษ์ หรือไปป์บอมบ์ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ปรากฏรายงานออกมาในห้วงแรก แต่เป็นเหตุท่อพีวีซีโครงป้ายประชาสัมพันธ์ แตกตัวระเบิดดังปังจากลมแรงเท่านั้นเอง!?

“ท่อแตก” ดังปังสนั่น สะเก็ดถูกผู้คนได้รับบาดเจ็บ ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อในละคร ที่ยากจะอธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

อีกทั้งไม่สอดคล้องกับคำให้การของพยานบุคคลที่ยืนยันว่าก่อนเสียงดัง “ปัง” ไม่มีลมพัดแรงแต่อย่างใด?!

รุ่งขึ้นสื่อมวลชนทุกสำนักเปิดเผยรายงานข่าวจากชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เผยถึงวัตถุพยานที่พบในจุดเกิดเหตุ อาทิ ไอซีไทเมอร์ สำหรับตั้งเวลา บ่งชี้ว่ามิใช่มีเพียง “ท่อแป๊ปแตก” ประสานกับเสียงตอบรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยความมั่นคงที่ออกมายอมรับกลายๆ ว่านี่ไม่ใช่เรื่อง “ท่อแตก”

กระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคม ผบช.น. ออกมายอมรับ กลับลำว่าเป็น “เหตุลอบวางระเบิด”

“หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเบื้องต้นแล้ว ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน บช.น. ร่วมกับชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ตรวจสอบจุดเกิดเหตุซ้ำอีกครั้งอย่างละเอียด กระทั่งพบชิ้นส่วนซึ่งเป็นอุปกรณ์ประกอบระเบิดตกอยู่บริเวณฝั่งตรงข้าม ห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ดำเนินการตรวจพิสูจน์ และอยู่ระหว่างรอผลอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกันกับท่อพีวีซีที่เกิดระเบิดขึ้น ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีคราบเขม่าดินปืน หรือส่วนประกอบระเบิดอื่นติดอยู่หรือไม่” ผบช.น. ระบุ หลังจากพยานหลักฐานต่อจิ๊กซอว์ไปจนไม่สามารถปฏิเสธ

หากเป็นยุคที่รัฐบาลประชาธิปไตย เหตุเช่นนี้สะเทือนเก้าอี้แม่ทัพนครบาลแน่นอน นั่นเพราะวัตถุพยาน ซิกเนเจอร์ของการประกอบ จุดเกิดเหตุ การข่าว เป็นจิ๊กซอว์ต่อภาพมองเห็น ไปถึงเหตุระเบิดถังขยะหน้ากองสลากฯ แห่งเก่า เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา

ระยะเวลาห่างกันเพียง 1 เดือนกับ 10 วัน จุดเกิดเหตุที่ห่างกันไม่ถึง 400 เมตร พยานหลักฐานที่เมื่อประกอบกับข้อมูลการข่าว ที่ส่งสัญญาณเตือนระวังตลอดเวลา ค่อนข้างชี้ชัดว่ามีความเชื่อมโยงกัน เหมือนดังที่ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ออกมาระบุในคืนวันที่ 15 พฤษภาคม ว่า เหตุระเบิดทั้ง 2 จุด มีความเชื่อมโยงกัน!!

สอดคล้องกับข้อมูล “ข่าว” ของหน่วยความมั่นคง ที่ชี้ว่า วัตถุพยาน ตัวละคร พฤติการณ์ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อการในพื้นที่ภาคใต้

โดยเฉพาะลายเซ็นการประกอบระเบิดที่เชื่อมกัน

แหล่งข่าวในหน่วยความมั่นคง เปิดเผยว่า นับแต่เหตุระเบิดหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงในปี 2556 เหตุระเบิดประปรายที่เกิดขึ้นใน กทม. คาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กระทั่งเหตุระเบิดต่อเนื่องมากกว่า 10 จุด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี โยงไปยังกลุ่มคนร้ายผู้ก่อความไม่สงบตัวเอ้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ชัดว่าภัยคุกคามด้านความมั่นคง ขยับและขยายอย่างไม่ธรรมดา และแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เหตุระเบิดเมื่อเดือนสิงหาคมในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต หัวหิน จนถึงระเบิดที่ข้างสนามหลวง เป็นการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลไทย ว่าผู้ก่อการมีศักยภาพเพียงพอ” แหล่งข่าวระบุ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว รับตัวกลุ่มผู้ต้องหา 6 ใน 9 ราย ตามหมายจับข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง และร่วมกันกระทำการอันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร หลังจากหน่วยความมั่นคงพบว่า ร่วมกับพวกเตรียมการก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ กทม.

ทั้ง 6 รายนี้ เป็นการขยายผลภายหลังจับกุม นายตาลมีซี โต๊ะตาหยง อายุ 31 ปี, นายอับดุลาซิร สือกะจิ อายุ 19 ปี และ นายมูบารีห์ กะนะ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2326-2328/2559 ในข้อหาเดียวกัน ซึ่งถูกทหารควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

หลังรับตัว 6 ผู้ต้องหา ตำรวจนำชี้จุดและตรวจค้นที่ห้องพักหลังมัสยิดยามีอุลอิสลาม ซอยรามคำแหง 53/1 เขตบางกะปิ กทม. และที่ห้องพักที่ 207 ภายในอาคารเลขที่ 4/226 ต.บางเสาธง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยการสอบสวนทราบว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม 14 ราย

โดยครั้งนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ เผยว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ และควบคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุ 2 แห่ง คือ ที่อพาร์ตเมนต์ ซ.รามคำแหง 53 และห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี หัวหมาก

ล่าสุดวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รับมอบตัวผู้ต้องหาขบวนการนี้เพิ่มเติมอีก 4 ราย คือ นายอัมรีย์ หะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นายนุรมัน อาบู อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/2 หมู่ 1 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นายมูฟตาดิน สาและ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 หมู่ 3 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และ นายต่วนฮาฟิต ดือมุงกาป๊ะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 5 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ตามหมายจับเลขที่ 2410/59 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2559

โดย รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ปรากฏเป็นข่าวในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2559 ว่ามีกลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุร้ายโดยลอบวางระเบิดในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง โดยกลุ่มคนร้ายมีการวางแผนอย่างเป็นกระบวนการ

จากข้อมูลด้านการข่าวดังกล่าว ได้วางมาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้าย และสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

จากการสืบสวนหาข่าวของฝ่ายความมั่นคง พบว่ากลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันวางแผนจะก่อเหตุที่บริเวณห้องพักหลังมัสยิดยามีอุลอิสลาม ซ.รามคำแหง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ, อาคารเลขที่ 4/226 ห้องพักเลขที่ 207 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ระหว่างเดือนกันยายน 2559 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2559 เวลากลางวัน ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

จากที่ไล่เรียงมาแต่ต้นคงพอโยงใยให้เห็นถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ไทยกำลังเผชิญ แม้ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยความมั่นคงคนใดออกมาระบุชัดเจนว่า ภัยก่อความไม่สงบจากภาคใต้ คุกคามและครอบคลุมถึงเมืองหลวง กทม. แล้ว

นี่ยังไม่รวมภัยคุกคามด้านก่อการร้าย แนวร่วมขบวนการระดับโลกที่ปรากฏข่าวเคลื่อนไหวรอบๆ เลียบๆ ประเทศไทยอยู่เนืองๆ

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่รัฐบาลต้องปรับกระบวนทัศน์ ปรับทัศนคติ แสดงความจริงในการลงทุนอย่างฉลาด เพื่อรุกและรับกับภัยก่อการร้ายของจริงที่จ่ออยู่ปลายจมูก!?