กรองกระแส / จุดเด่นเยาวชน ลักษณะยืดหยุ่น พลิกแพลง ในการเคลื่อนไหว

กรองกระแส

 

จุดเด่นเยาวชน

ลักษณะยืดหยุ่น พลิกแพลง

ในการเคลื่อนไหว

 

การประกาศเปลี่ยนจุดนัดพบของ “ราษฎร” จากที่เคยกำหนดว่าหน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ มาเป็นบริเวณหน้าสำนักงานธนาคารไทยพาณิชย์

สร้างความแปลกใจเป็นอย่างสูง

เหตุผลของ “ราษฎร” เด่นชัดอย่างที่สุดก็คือ หลีกเลี่ยงการปะทะในลักษณะ “ม็อบชนม็อบ” เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน บริเวณหน้ารัฐสภา

ถือได้ว่าเป็นเหตุผลที่ชอบธรรมและถูกต้อง

ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นด้วยว่าภายในกระบวนการเคลื่อนไหวของ “ราษฎร” มีความยืดหยุ่น พลิกแพลง พร้อมจะปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละสภาพการณ์

ความหยืดหยุ่น พลิกแพลงต้องดำรงอยู่อย่างเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการชุมนุมของ “ราษฎร” ในห้วงเดือนตุลาคมแสดงออกอย่างเด่นชัดว่า แม้จะนัดหมายล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน มวลชนก็พร้อมจะหลั่งไหลเข้าร่วมเป็นจำนวนมากมายมหาศาล

สภาพการณ์ทางความคิด ทางการเมืองเช่นนี้ชวนให้คิดถึง “ซุนวู”

 

ยุทธศาสตร์การเมือง

วิชาเล่ห์เหลี่ยม แต้มคู

ในบรรพที่ 1 การวางแผนการในเบื้องต้นของตำราพิชัยสงครามซุนวู สำนวนแปลเก่าแก่ของเสถียร วีรกุล ยอมรับว่า ยุทธศาสตร์ คือ วิชาเล่ห์เหลี่ยม แต้มคู

เพราะฉะนั้น เมื่อมีความสามารถจริงพึงแสดงให้เห็นว่าไม่มีความสามารถ

ครั้นตกลงจะเข้าโรมรันด้วย แต่แสดงประหนึ่งว่าไม่มีความประสงค์เช่นนั้น สิ่งใดใกล้ก็แสดงให้เห็นว่าไกล สิ่งใดไกลก็แสดงให้เห็นว่าใกล้ คอยล่อใจศัตรูด้วยนานาอามิสผลประโยชน์

เมื่อเห็นศัตรูแตกแยก ระส่ำระสาย ก็พึงเข้าหักเอา

จงเตรียมพร้อมเมื่อข้าศึกมีกำลังสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงเมื่อข้าศึกเข้มแข็งแกร่งกล้า เย้าเมื่อศัตรูตกอยู่ในโทสจริต พึงถ่อมตัวพินอบพิเทาเสริมให้ศัตรูโอหังได้ใจ

ต้องรังควานให้เหน็ดเหนื่อยระอาในเมื่อศัตรูพักผ่อนเพื่อออมกำลัง

ยุรำตำรั่วให้ปรปักษ์แตกแยกความสามัคคีกัน พึงหักเอาในขณะที่เขาไม่ได้เตรียมพร้อม เข้าจู่โจมยามเขามิได้คาดฝัน

ทั้งหมดนี้ของซุนวูล้วนสะท้อนให้เห็นลักษณะของ “ยุทธศาสตร์”

 

รบร้อยครั้งทางยุทธ์

แท้จริงแล้วอยู่ตรงไหน

ขณะเดียวกัน เมื่อเข้าสู่บรรพที่ 3 ยุทโธบาย ปราชญ์ซุนวูกล่าวตามสำนวนแปลเสถียร วีรกุล ว่า หลักการยุทธ์ (ซึ่งสามารถทำให้ประเทศศัตรูหมอบราบคาบแก้ว) โดยมิพักต้องทำลายเมืองนับว่าเป็นวิธีประเสริฐยิ่ง

รองลงมา คือ หักเอาโดยไม่ต้องทำลายกองพล

รองลงมาอีกก็คือ เอาชนะโดยไม่ต้องทำลายกองพัน เลวกว่านั้นก็อย่าให้ถึงต้องทำลายกองร้อยหรือทำลายกระทั่งหมวดหมู่ เพราะฉะนั้น การชนะร้อยทั้งร้อยมิใช่วิธีอันประเสริฐแท้

แต่ชนะโดยไม่ต้องรบเลยจึงถือว่าเป็นวิธีอันวิเศษยิ่ง

นี่ย่อมสอดรับกับสำนวนแปลบุญศักดิ์ แสงระวี ที่ว่า รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งยังหาใช่ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยมไม่ มิต้องรบแต่สยบทัพข้าศึกได้จึงจะเป็นความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม

อย่าได้แปลกใจหากท่านซุนวูอีกเหมือนกันจะยืนยัน

การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย รองลงมาคือชนะด้วยการทูต รองลงมาคือชนะด้วยการรบ เลวสุดคือการตีเมือง ตีเมืองเป็นเรื่องสุดวิสัย

ผู้สันทัดการบัญชาทัพจักต้องสยบข้าศึกได้โดยมิต้องรบ

 

ยืดหยุ่น พลิกแพลง

มองจาก “เยาวชน”

ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก” นับแต่เดือนกรกฎาคม ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ “คณะราษฎร 2563” นับแต่เดือนตุลาคม จะเคยศึกษาตำราขบวนศึกของท่านซุนวูหรือไม่

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า “กระบวนท่า” ของพวกเขาใกล้เคียง

เหมือนกับพวกเขาเป็น “ม็อบมุ้งมิ้ง” เหมือนกับพวกเขาเป็น “ม็อบฟันน้ำนม” เหมือนกับพวกเขาเป็น “ม็อบวูบวาบ” จากการมองและนิยามของ “ผู้ใหญ่”

แต่ก็ต้องยอมรับว่า “ผู้ใหญ่” ก็ต้องถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย

ท่ามกลางการสบประมาททั้งหมดนี้ ในอีกด้านหนึ่งข้อเสนอของเด็กๆ ก็ได้กลายเป็น “วาระแห่งชาติ” เป็นประเด็นการถกเถียงอันแหลมคมยิ่งของสังคม

นำไปสู่การต้องปรับยุทธวิธีเพิ่มความหลอกลวงมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะแสดงออกผ่านความพยายามในการจัดตั้งคณะกรรมการ “สมานฉันท์” ปรองดอง ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติม “รัฐธรรมนูญ”

แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวพ้นไปจากการรุกไล่ของ “เยาวชน”

 

ลักษณะจรยุทธ์

ลักษณะการเมือง

ต้องยอมรับว่า การปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” เป็นสภาพการณ์อันสะท้อนมิติใหม่แห่งการเคลื่อนไหวในทางการเมือง มีความแตกต่างไปจากอดีตเป็นอย่างมาก

เกจิการเมืองแบบเก่ามีโอกาสสูงที่จะมองผิดพลาด คลาดเคลื่อน

เป็นความคลาดเคลื่อนอันสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างและความแตกต่างในชุดทางความคิดที่ยิ่งไม่ยอมรับก็จะยิ่งไม่เข้าใจและนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ผิดทิศทาง

เพราะการเคลื่อนไหวที่เห็นเป็นการเคลื่อนไหวในแบบ “จรยุทธ์”

หากยิ่งนำเอาแบบแผนและกระบวนการตามความเคยชินแบบเดิมมาใช้ก็จะยิ่งทำให้ปัญหากลายเป็นวิกฤตและไม่สามารถหาหนทางออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สภาพการณ์ทางการเมืองก็จะยิ่งยืดเยื้อและทอดเวลายาวนานออกไป