ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศอินโดจีน |
เผยแพร่ |
“บุ๋น จ่า” เป็นอาหารกลางวันหลักอย่างหนึ่งของเวียดนาม ใครเคยไปเยือนมามักสังเกตเห็นใกล้มื้อเที่ยงเมื่อใด เป็นต้องมีการย่างหมูหมัก หมูปั้น หมูสามชั้นกันควันโขมง เตรียมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของบุ๋น จ่า
ส่วนที่เหลือเป็นน้ำแกงใสใส่ผักนิดหน่อย เมื่อนำหมูย่างมาใส่ รับประทานกับเส้นขนมจีน ผักสด โรยถั่วลิสง ชวนรับประทาน
ว่ากันว่า เมื่อครั้งบารัค โอบามา เดินทางเยือนเวียดนาม บุ๋น จ่า คือหนึ่งในจานโปรดของประธานาธิบดีอเมริกันในเวลานั้น
แอนโทนี่ บัวร์เดน เชฟและนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันผู้ล่วงลับก็ชื่นชอบบุ๋น จ่า เป็นพิเศษเช่นกัน
แต่จั่น ฮวงลัน พนักงานบัญชีวัย 32 ปี ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 2 วัน 2 คืน เพราะบุ๋น จ่า ที่กินเข้าไปแผลงฤทธิ์เอาใน 2 ชั่วโมงให้หลัง
แพทย์ที่รักษาบอกว่า เป็นเพราะอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากอาหารเป็นพิษ!
จั่น ฮวงลัน ขยาดกลัวจนเลิกราการกินอาหารนอกบ้านไปนานหลายเดือนหลังจากนั้น
เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา มีคนเวียดนาม 14 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะอาการหนักหลังจากรับประทานปาเต มังสวิรัติ เข้าไป
หลายคนในจำนวนนั้นแสดงอาการรุนแรง หนังตาตก และกล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจเกิดอัมพาตชั่วคราว ที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้
กรณีดังกล่าวสะท้อนถึงความหวั่นกลัวที่แพร่ออกไปปกคลุมเวียดนามอยู่ในเวลานี้ ตั้งแต่ปัญหามาตรฐานสุขอนามัยของอาหาร เรื่อยไปจนถึงเรื่องการใช้สารเคมีเพื่อฆ่าแมลงในการปลูกผัก หรือสมุนไพร และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ใช้ประจำในครัวเรือนมากจนเกินไป
ชนิดที่เตรื่อง ควอคตุง ผู้อำนวยการสมาคมคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งเวียดนาม ออกปากว่า ปัญหานี้ใกล้ถึงจุดวิกฤตอยู่รอมร่อ
เมื่อบริติช เคาน์ซิล เวียดนามสำรวจสิ่งที่คนเวียดนามอายุระหว่าง 16-30 ปีกลัวและเป็นกังวลมากที่สุดในเวลานี้ ปรากฏว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบบอกว่า กลัวพิษในอาหาร ซึ่งสูงมากพอๆ กับความกลัวต่อความไม่มั่นคงในหน้าที่การงานเลยทีเดียว
เตรื่อง ควอคตุง บอกว่า ที่มาของความกลัวดังกล่าวคือการลักลอบใช้ยาฆ่าแมลงต้องห้าม เมื่อบวกกับสภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษมากขึ้น ก็เป็นเหตุให้ถึงกับมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเวียดนามที่ส่งออกไปยังต่างประเทศถูกตีกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเลขของธนาคารโลกระบุไว้ชัดเจนว่า ปัญหาความปลอดภัยในอาหาร ส่งผลเสียต่อผลิตภาพของเวียดนามแต่ละปีมากไม่ใช่น้อย คิดเป็นมูลค่าถึง 740 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ตามข้อมูลของธนาคารโลก โลหะหนักที่ตกค้างอยู่ในดินหรือน้ำที่ใช้ในการปลูกผักอาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้มะเร็งบางชนิดเพิ่มขึ้นอย่าง “มีนัยสำคัญ” ในขณะที่การใช้สารเคมีในการเพาะปลูกมากเกินไป จะเป็นปัจจัยอันตรายในระยะยาว เพราะสามารถสะสมอยู่ในร่างกายได้
กระแสผักปลอดสารพิษและอาหารปลอดภัย จึงกำลังมาแรงในเวียดนาม
ริโคลโต องค์กรเอกชนที่รณรงค์เพื่อส่งเสริมอาหารปลอดภัยในเวียดนาม หันมาให้การสนับสนุนการปลูกพืชปลอดสาร จำพวกกะหล่ำ ผักกาดหอม ต้นหอมและพืชสมุนไพรในครัวเรือน เพื่อให้อาหารจานโปรดของทุกคนปลอดภัยให้มากที่สุด
โง ซวนเกียต วัย 26 ปี จบเกษตรกรรมระดับมหาวิทยาลัย เคยทำงานอยู่ในบริษัทขายสารเคมีเพื่อการเพาะปลูก รู้ดีว่าการใช้มากเกินไปจะส่งผลอย่างไรต่อผู้บริโภค
ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของกิจการฟาร์มปลอดสารที่ตั้งเป้าผลิตผักปลอดภัยเพื่อสังคมเวียดนามโดยรวม ที่ต้องการอาหารคุณภาพอย่างมากในยามนี้
แม้ว่า ราคาผักปลอดสารจะแพงกว่าราคาผักทั่วไประหว่าง 10-20 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม