ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
คอลัมน์ “สุจิตต์ วงษ์เทศ” ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้
ว่าด้วย
“ต้นข้าวในทุ่งนา
ถูกฆ่าด้วยเคียวเกี่ยวข้าว”
อ่านดูแล้ว เหมือนจะเหี้ยมโหด
เคียวฆ่าข้าว!!
กระนั้น หากลงไปในเนื้อหา
ที่สุจิตต์ วงษ์เทศ สรุปเรียบเรียงเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความเรื่อง “แม่โพสพ” ของเสฐียรโกเศศ พิมพ์ในศิลปากร นิตยสารของกรมศิลปากร ปีที่ 4 เล่มที่ 1 (มิถุนายน 2492)
มาให้อ่านใหม่
กลับมากด้วยความไพเราะ
รู้สึกถึงการ “ฆ่า” อันงดงาม
“…เมื่อชาวนาเกี่ยวข้าวออกจากรวงแรก
ตอนนั้นขวัญของข้าวหนีไปสิงอยู่ในรวงที่สองซึ่งยังไม่ถูกเกี่ยว
แต่เมื่อรวงข้าวที่สองถูกเกี่ยวอีก
เมื่อนั้นขวัญข้าวหนีไปสิงรวงที่สาม
เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไป ฯลฯ
ในที่สุดหนีไปจนมุมอยู่รวงสุดท้าย
แต่แล้วรวงสุดท้ายก็ถูกชาวนาเกี่ยวไปจนหมด
ทำให้ขวัญข้าวหนีไปสิงอยู่รวงข้าวตก ที่รอดจากถูกเกี่ยวขาด
ชาวนาเลยพร้อมใจกันยกย่องรวงข้าวตกเป็นแม่ข้าว”
สุจิตต์ วงษ์เทศ เสริมไว้ในบทความที่หน้า 83 ว่า
การเกี่ยวข้าวของชาวนา
เท่ากับชาวนาฆ่าแม่ข้าว
หรือทำให้แม่ข้าวตาย
เพื่อเอาเลือดกับเนื้อแม่ข้าวคลุกเป็นเนื้อดินท้องนาเป็นอาหารต้นข้าว
เมื่อเพาะปลูกปีต่อไปต้นข้าวจะได้จำเริญงอกงามอุดมสมบูรณ์ เพราะได้รับการหล่อเลี้ยงเอี้ยงดูจากเลือดและเนื้อของแม่ข้าว
ขณะเดียวกันขวัญของแม่ข้าวจะสิงสู่อยู่ในต้นข้าวที่ปลูกใหม่ ครั้นถึงฤดูเก็บเกี่ยวแม่ข้าวจะถูกทำให้ตายเหมือนปีก่อนๆ
จึงต้องมีพิธี (ทำขวัญข้าว) ทุกปี
“ขวัญข้าวหนีเคียวเกี่ยวข้าว” ซึ่งต่อมาถูกเรียกสั้นๆ ว่า “ข้าวหนีเคียว” ยังมีความทรงจำสืบเนื่องความเชื่ออยู่ในถ้อยคำทำขวัญข้าว (จากหนังสือ ประชุมเชิญขวัญ รวบรวมโดย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา พิมพ์ในงานปลงศพฯ พ.ศ.2474 หน้า 63)
ความมีตอนหนึ่งว่า
“ขวัญเอ่ยอย่าเลยหนีไปห่างไกล
ขวัญแม่อย่าตกใจให้ฉุนเฉียว
เมื่อเวลาเขาตรงลงเคียวเกี่ยวกระหวัด แล้วมัดควบรวบรัดผูกเป็นกำ”
เคียวฆ่าข้าว จึงเป็นการฆ่าที่งดงาม และอ่านไพเราะ ด้วยประการฉะนี้
ซึ่งก็ต้องหมายเหตุไว้ชัด-ชัด ว่า
การฆ่าอันดีงาม ก็คงเป็นเฉพาะกรณีข้างต้นนี้เท่านั้น
ส่วนการ “ฆ่า” อื่นๆ
ล้วนมิใช่สิ่งที่พึงประสงค์
โดยเฉพาะการฆ่าทางการเมือง อันสืบเนื่องมาจากการบิดเบือน ปลุกปั่น ปลุกระดม ให้กระทำต่อผู้เห็นต่าง
ยิ่งหากเป็นการฆ่า ทำร้ายเยาวชน ที่ลุกขึ้นมาเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ดีต่ออนาคตของตัวเองด้วยแล้ว เพื่อเป็นข้ออ้าง “รัฐประหาร”
ย่อมเป็นเรื่องอันเหี้ยมโหด
ไม่มีทางยอมรับได้ และต้องช่วยกันสกัดไม่ให้เกิด
อนึ่ง เมื่อกล่าวถึงข้าวและทุ่งนาแล้ว
ย่อมไม่อาจเลี่ยงการพูดถึง “ควาย” ได้
“ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า
ภูมิใจนำเสนอ
“เจ้าบุญเลิศ 2”–ควายไร้เขาแห่งท้องทุ่งเมืองมีนบุรี
และเจ้า “บอย”–หมาแห่งวัดห้วยขวาง
…
เจ้าบอย : “กดชัตเตอร์ไม่ลงจริงๆ ลูกเพ่ มองมุมไหนก็ไม่หล่อ นั่งก็ไม่หล่อ ยืนก็ไม่หล่อ ถามจริงๆ เถอะ พระเดชพระคุณ ไปเจออะไรมา (เขา) ถึงได้เป็นแบบนี้”
บุญเลิศ 2 : “ไปขวิดกับบักโควิด-19 มาน่ะ จนบนกระหม่อมเหลือเท่านี้ที่เห็นนี้แหละ เสร็จจากศึกโควิด-19 แล้ว เขาจะให้ไปสู้กับเศรษฐกิจ 2021 อีก สงสัยจะไม่ไหว เขากุดหมดแล้ว จะเอาอีหยังไปขวิดสู้เขาล่ะพระเดชพระคุณ”
ตากล้อง : อีตาปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า
ขอบคุณ “ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน) ที่มาเติมอารมณ์ขันในเคียวฆ่าข้าว