การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์/เจ้าชายแวลเยนต์ เล่ม 2 ปี 1939-1940

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์

เจ้าชายแวลเยนต์ เล่ม 2 ปี 1939-1940

 

ข้อเขียนต่อไปนี้ถอดความจากหนังสือการ์ตูนปกแข็งเล่มยักษ์ Prince Valiant ของฮัล ฟอสเตอร์ เล่ม 2 ปี 1939-1940 ซึ่งเขาเขียนขึ้นเพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวันสัปดาห์ละ 1 หน้าเป็นเวลาหลายสิบปีติดต่อกัน

ถึงวันนี้สำนักพิมพ์ Fantagraphic Books รวมเล่มได้แล้ว 21 เล่ม

“การ์ตูนที่รัก” เล่าเล่มแรก ปี 1937-1938 ให้ฟังแล้ว

วันนี้ต่อเล่มสอง

 

เจ้าชายแวลเยนต์เป็นรัชทายาทของกษัตริย์พลัดถิ่น เขาเติบโตด้วยการต่อสู้กับสัตว์ร้ายในหนองน้ำ พัฒนาจริยธรรมจากผู้เป็นพ่อ และพยายามเข้าด้วยกับพวกอัศวินโต๊ะกลมแห่งกษัตริย์อาเธอร์ที่คาเมล็อตแต่มิได้รับการต้อนรับครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนที่แล้วเขาหมดใจเดินทางออกจากคาเมล็อตไปพบกองทัพของพวกแซ็กซอน (Saxon) ที่ปากน้ำ พวกมันกำลังจะบุกอังกฤษ

ข้อมูลเรื่องแซ็กซอนนี้สับสนอลหม่านเหมือนการศึกษาชาติพันธุ์อื่น เท่าที่จับใจความได้คือเป็นพวกที่เคยอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเยอรมนี ยกกำลังมารุกรานด้านตะวันออกของเกาะอังกฤษ อาจจะเป็นที่มาของพวกแองโกลแซ็กซอน (Anglo-Saxon) ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า England ในปัจจุบันด้วย

แวลรุดหน้ากลับคาเมล็อตเพื่อแจ้งข่าว เซอร์กาเว็นผู้ซึ่งช่วยเหลือเขาเสมอมาแจ้งแก่อาเธอร์ เมอร์ลิน ลานซล็อตและที่ประชุมว่าทุกคนควรฟังแวล เพราะแวลและคนของเขาเชี่ยวชาญการรบในหนองน้ำ

แวลจึงมีโอกาสเสนอแผนต่อสู้กับแซ็กซอนซึ่งมีกำลังคนมากกว่าอาเธอร์สองเท่า

เขาใช้ทัพล่อแซ็กซอนเข้ามาในหนองน้ำแล้วจุดไฟเผา ต้อนพวกมันขึ้นฝั่งปะทะทัพหลวงของอาเธอร์และอีกสองทัพระดมเข้ามาทุกด้าน

อังกฤษเอาชนะแซ็กซอนได้ในที่สุด

หลังสงคราม อาเธอร์วางดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์ไว้ที่บ่าของแวล บัดนี้เขาเป็นอัศวินโต๊ะกลมแล้ว

 

แวลและกษัตริย์ทูเล่ผู้บิดาขอเรือและอาวุธจากอาเธอร์ พวกเขาพร้อมผู้กล้ายี่สิบคนที่หนีตายมาขึ้นฝั่งอังกฤษเมื่อสิบสองปีก่อนเดินทางกลับไปชิงบ้านเกิดคืนจากสไลกอนจอมเผด็จการ

ด้วยกำลังคนยี่สิบคน แวลสะสมกำลังคนที่คิดโค่นสไลกอนมากขึ้นเรื่อยๆ และรุกเข้าใกล้วังของสไลกอนทุกที โดยหารู้ไม่ว่าสไลกอนเตรียมยอมแพ้ทุกขณะ

สไลกอนเหนื่อยหน่ายกับความไม่น่าไว้ใจและความสอพลอของข้าราชบริพารนานแล้ว

เขาเพียงรอเวลาที่ใครจะมารับเอาบัลลังก์ของเขาไปเสียที

เมื่อแวลเข้ามาใกล้ เขาจึงขอเจรจาแล้วยกแผ่นดินคืนให้แก่แวลแต่โดยดี แล้วหลบหนีไปโดยทิ้งภริยาและบุตรีคนงาม แคลริส เอาไว้

ทูเล่ได้กษัตริย์ของตัวเองคืนมาหลังจากสิบสองปีใต้การปกครองของทรราช

บัดนี้ แผ่นดินสงบสุข แวลเอาชนะสมุนของสไลกอนที่หลงเหลือ

เอาชนะใจข้าราชบริพารเดิมที่ยังเคลือบแคลง

มีเรื่องรักกะหนุงกะหนิงฆ่าเวลากับแคลริสก่อนที่จะยอมถอยให้แก่เพื่อน

แวลฝึกปรือฝีมือ อ่านเขียนเรียนหนังสือ ออกพบปะประชาชน

เพียงไม่นานเขาก็เบื่อชีวิตที่เป็น และโหยหาการผจญภัย วันหนึ่งจึงอำลาพระบิดา ขึ้นม้าออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

แวลควบม้ามาถึงถ้ำแห่งหนึ่งชื่อถ้ำแห่งเวลา เขาพบแม่มดงดงามให้การต้อนรับ เมื่อดื่มไวน์แล้วเขาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ พบพ่อมดชรานั่งรออยู่

พ่อมดท้าเขาสู้กับเวลา ว่าแล้วกระโดดเกาะเกี่ยวเขาไว้ด้วยแขนขาทั้งสี่ มิวายแวลจะสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

แวลไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อเขาเป็นอิสระก็พบว่าตนเองอ่อนระโหยโรยแรง เดินงกๆ เงิ่นๆ กลับออกมาหานางแม่มดที่ยังสวยสดเหมือนเดิม

แวลในวัยชรานั่งลงอย่างท้อแท้ ดื่มไวน์ที่แม่มดยื่นให้แล้วคืนความเป็นหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง

ม้าที่ขี่มาตายและเน่าเปื่อยจนเหลือแต่กองกระดูกกลับฟื้นคืนมา

เขาควบม้าออกจากถ้ำแห่งเวลานั้น

 

โรมล่มแล้ว เป็นข่าวที่แพร่สะพัดมาถึงแวลในเวลาต่อมา

โรมพ่ายแพ้แก่อัตติล่า (Attila) นักรบยุโรปพวกสุดท้ายไปรวมตัวกันที่ปราสาทอันเดลแคร็ก (Andelkrag) ใต้การนำของคามอแรน (Camoran)

แวลจึงเดินทางไปอันเดลแคร็ก ระหว่างทางเขาพบพวกฮั่น (Hun) กระจัดกระจายทั่วพื้นราบยุโรป ปล้นสะดมและฆ่าฟันผู้คนไปทีละหมู่บ้าน เป็นยุคมืดของยุโรป

แวลจึงควบม้าขึ้นเขาเพื่อหาทางลัดไป ในที่สุดเขาก็มาถึงปราสาทอันเดลแคร็ก ที่ซึ่งกองทัพของอัตติล่ารายล้อมทุกด้าน

แวลใช้วิชาฝีมือที่เขาถนัดและใช้มาหลายครั้ง นั่นคือลัดเลาะเข้าปราสาททางสายน้ำ เขาผ่านกองกำลังของฮั่นเข้าไปในตัวปราสาทและได้รับการต้อนรับจากคามอแรนอย่างดี

คามอแรนเป็นนักรบที่เก่งกล้าและชาญฉลาด เขามีกลยุทธ์เอาชัยอัตติล่าที่มีกำลังพลเหนือกว่าหลายต่อหลายครั้ง

แต่การตั้งรับมีวันสิ้นสุด แวลก็รอวันนั้นด้วยความหนักใจ

เมื่อเสบียงในเมืองหมด ก่อนการศึกครั้งสุดท้าย คามอแรนให้พวกผู้หญิงขึ้นไปบนหลังคาแล้วเผาให้ถล่มลงมา แวลตกใจกับสิ่งที่เขาทำมาก แต่ได้รับคำอธิบายว่า เราจะปล่อยให้พวกผู้หญิงตกอยู่ในกำมือพวกฮั่นได้อย่างไร

จากนั้นคามอแรนและนักรบกลุ่มสุดท้ายรวมทั้งแวลก็ลัดเลาะออกจากปราสาทด้วยอุโมงค์ลับเข้าโจมตีกองทัพอัตติล่าอย่างดุเดือด แวลเหวี่ยงดาบร้องเพลงรอบตัวเหมือนวงแหวนไฟที่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ในเวลาที่ไม่สิ้นสุด

แล้วทุกอย่างก็สิ้นสุด

แวลฟื้นมาพบว่าคามอแรนตายแล้ว อัตติล่าก็ตายด้วย พวกฮั่นออกเดินทางต่อไปที่ฮังการี แวลยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางซากศพนับแสน

เขาอุ้มคามอแรนมาห่อศพด้วยผ้าแล้วนำเขาไปเผาที่กองไฟที่กำลังลุกท่วมปราสาทอันเดลแคร็ก

คือวันสิ้นสุดของยุโรป

แวลในสภาพเสื้อผ้าฉีกขาดเดินทางต่อไป เขาพบลำธารใสสะอาดชำระร่างกาย ที่นั่นเขาได้พบกับสลิธ (Slith) เด็กหนุ่มหัวขโมยพเนจรที่พยายามจะชิงดาบร้องเพลงของเขาซึ่งฝังอัญมณีไว้แวววาว

แวลเอาชนะเด็กหนุ่มง่ายดายและผูกมิตร

สลิธพาเขาไปดูสภาพการณ์โดยรอบ ที่ซึ่งกองกำลังของฮั่นมากมายแตกกระจายเป็นโจรพเนจรไปทั่วยุโรป

แวลใช้ความแค้นที่ตนเองมีอยู่เข้าสู้โจรทีละก๊กด้วยดาบร้องเพลงไร้ปรานี สลิธคอยช่วยเหลือเขาอยู่ข้างๆ

ชื่อเสียงของแวลขจรขจาย เป็นเวลาหกปีที่ยุโรปถูกรุกราน วันนี้มีชายฉกรรจ์ผู้สูญเสียและนักรบที่พ่ายแพ้แก่ฮั่นมาเข้าด้วยกับแวลทุกวัน

กองกำลังของเขาใหญ่ขึ้นทุกที

แล้วแวลก็วางกลศึกปิดล้อมทัพใหญ่ของโจรฮั่นในคราวหนึ่ง นั่นทำให้เขาเป็นที่เลื่องลือมากไปอีก สเปนส่งกองทัพมาเสริม โรมที่แตกพ่ายรวบรวมกองทัพกลับมาช่วย อาเธอร์ส่งกาเว็นและทริสแทรมมาพบ

ในเวลาเดียวกัน คาลลาข่าน (Kalla Khan) ก็ส่งนักรบคาร์นัก (Karnak) ผู้ดุร้ายมาเพื่อโค่นเขา

Attila the Hun ปกครองชนเผ่าฮั่นตั้งแต่ปี 434-453 ซึ่งกินอาณาเขตกว้างขวางของยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก รวมทั้งบางส่วนของ Pannonia แถบแม่น้ำดานูบ

อัตติล่าเป็นนักรบที่มีความสามารถ นำกองกำลังฮั่นโจมตีอาณาจักรโรมันตะวันออก คอนสแตนติโนเปิล บอลข่าน เปอร์เซีย และโรม แม้ว่าเขามิได้ไปถึงจุดหมาย แต่ก็สร้างความระส่ำระสายให้ทั่วภาคพื้นยุโรปหลายปี

จากข้อมูลที่ค้นได้ อัตติล่ามิได้ยึดโรม เขาตายเสียก่อน

แม้ว่าฮั่นจะกระจัดกระจายในยุโรปตะวันออก แต่ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าพวกเขาสัมพันธ์กับฮังกาเรียนอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ถึงปัจจุบันภาพลักษณ์ของฮั่นคือป่าเถื่อนและดุร้ายเสมอมา