อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : ความรักของแม่บุญธรรม

“ของฝากจากเชียงคำ” เธอวางกล่องบนโต๊ะ

ฉันรีบเปิดกล่อง แน่ใจว่าต้องเป็นของกิน และต้องเป็นของโปรด พอเห็นฉันก็ยิ้มหวาน

แคบหมู น้ำพริกตาแดง ขนมจีนแห้ง ฮ้าแห้ง และที่เด็ดสุด-ผักกาดดองน้ำซาวข้าวฝีมือแม่เธอ ซึ่งถือเป็นแม่บุญธรรมของฉัน

“ฝากกราบตักแม่นะ” ฉันบอกเอื้อง

“รู้ว่าจะเข้าเวียง แม่ดาของนี่ก๊า บ่อแล้วสักเตื้อ ผักกาดดองนี่ทำใหม่ๆ เลยเน้อ กลัวลูกสาวเปิ้ลบ่อได้กิ๋น” เธอพูดราวกับน้อยใจ แต่ฉันรู้จักเธอดี เธอคิดถึงฉันไม่แพ้แม่ของเธอหรอก

“เอื้องน่าจะชวนแม่มาด้วย มานอนบ้านเราก็ได้” ฉันบอก

เอื้องเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากฉัน “เธอนั่นละ ต้องไปเชียงคำ แม่สั่งมา”

“อยากไปมาก แต่ไปก็ควรค้าง ไม่อยากทิ้งหมา มันไม่เคยอยู่ตัวเดียวอ่ะ เพื่อนหมาก็ไม่มี เรามีเงินเลี้ยงแค่ตัวเดียว”

เอื้องหัวเราะ “ตั้งแต่มีหมา เธอไม่ค่อยได้ไปไหน แล้วก็แต่งตัวแมนขึ้น”

“ชุดดำ ใส่แล้วติดขนหมา กระโปรงยาว หมาชอบกัดดึงชายกระโปรง เห็นต่างหูเป็นไม่ได้ กัดแล้วดึงหูจะฉีกเอา”

“สมน้ำหน้า” เอื้องว่า

“บางทีเราก็คิดถึงชีวิตตัวเองตอนไม่มีหมา แต่ความจริงที่เกิดขึ้นบ่อยกว่า คือหมาช่วยเราไว้เยอะมาก”

 

ทุกเช้า ท้าวฮุ่งตื่นอย่างกระตือรือร้น ส่ายหางดิกๆ มาทักฉันข้างที่นอน ตาของฮุ่งพูด ตื่นสิ เช้าแล้ว ต้องมีอะไรดีๆ รออยู่แน่เลย

สำหรับท้าวฮุ่ง ไม่มีวันไหนเป็นวันไม่ดี แม้แต่วันที่เราให้ฮุ่งพักท้อง (อดอาหาร) ฮุ่งก็กินซุปกระดูกอย่างอร่อย

ทุกครั้งที่ฉันออกจากบ้าน ไม่ว่ากี่ชั่วโมง กลับเข้ามา ฮุ่งจะดีใจ ฮุ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามีหนึ่งชีวิตที่รอคอยฉันเสมอ

นั่นไง แค่ออกมาอยู่ตรงชานบ้าน ไม่ได้อยู่ในบ้านกับฮุ่ง ฮุ่งก็มายืนส่องตรงประตู และถ้านานไป ฮุ่งจะเอาเท้าตะกายประตูสองสามที ให้รู้ว่าคอยอยู่นะ

เอื้องเดินไปใกล้ประตู “โอยยย มันน่าฮักแต้ ดูตามัน”

“ดื้อจะตาย” ฉันบอก

“มันดื้อเพราะเธอตามใจ” เอื้องว่า

นั่นฉันก็รู้ แต่จะทำไงได้ คนมันรัก

“เข้าใจนะ เหมือนที่แม่ฉันรักเธอ แม่ตามใจเธอ ตามใจตั้งแต่เด็ก จนแม่เธอบอกว่ากลัวเสียเด็ก” เอื้องว่า

ฉันหัวเราะ ฉันจะเสียเด็กไปได้อย่างไร แม่ของฉันแสนเคร่งครัด ไม่เคยเอาใจลูกสักนิด เท่าที่ฉันจำได้น่ะ แต่นั่นทำให้ฉันเติบโตมาเป็นแบบนี้ พยายามทำอะไรด้วยตัวเอง ช่วยตัวเอง และไม่รู้สึกว่าการลงมือเป็นเรื่องลำบาก

 

หันไปดูไหนึ่ง ข้าวใกล้สุกแล้ว ทอดปลาช่อนแดดเดียวสักตัว กินกับน้ำพริกแม่ ต้องอร่อยแน่

“กินข้าวด้วยกันนะ” ฉันชวนเอื้อง

เธอพยักหน้า “แน่ละ ของกินบ้านฉันไม่เหลือแล้ว แม่ขนมาให้เธอหมด”

เอื้องชอบพูดอะไรเว่อร์วัง

ฉันหยิบกล่องผักกาดดองขึ้นมา แม่ใส่น้ำจนท่วมแบบนี้ จะเก็บในตู้เย็นได้นานพอสมควร ไม่เปลี่ยนสี

“คั่วไข่กินกับน้ำพริกดีมั้ย” ฉันถามเธอ

เธอส่ายหัว “ต้องยำ เราเกือบลืมบอก มื้อแรกให้ยำ แม่สั่งมา”

ฉันหยุดคิดสองนาที โอเค ทำได้ มีของครบ และถูกต้อง จริงของแม่ เมนูผักกาดดองมื้อแรก ควรเป็นยำ

ฉันคั่วพริกแห้ง กับคั่วข่าพอให้หอมๆ

ตำพริกแห้ง ข่า และตะไคร้เข้าด้วยกัน ใส่เกลือลงไปหน่อย

ผักกาดดองของแม่บุญธรรมนั้น ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ชามใหญ่รอ รินน้ำผักกาดดองใส่ไปด้วยนิดหน่อย

ตักพริกข่าและตะไคร้ตำลงถ้วย หยอดน้ำปลาร้าต้มที่อยู่ในตู้เย็นสองช้อนโต๊ะ คลุกให้เข้ากัน ซอยมะเขือเปราะกับตะไคร้ลงไปด้วย คลุกอีกที และสุดท้าย ขาดไม่ได้-โรยผักชี

ง่ายแสนง่ายแค่นี้ แต่อร่อยมาก และเข้ากันเหลือเกินกับน้ำพริกตาแดง

มีรสซ่าของข่า เผ็ดนิดหน่อยจากพริก ตะไคร้ทำให้ชื่นใจ เปรี้ยวผักกาดดอง เค็มเกลือ หอมผักชี น้ำปลาร้าทำให้ทุกอย่างนัว

 

ขณะที่ฉันทอดปลา เอื้องก็ว่า “ขอไข่ดาวด้วยนะ”

เธอชอบไข่ดาวเสียจริง ถ้ามีน้ำพริกตาแดงต้องมีไข่ดาวให้เธอ

ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันมีไข่เป็ดสดๆ ให้เธอด้วย

“ชิมยำผักกาดดองหรือยัง” ฉันถามเธอ

“ลำขนาด” เอื้องว่า “รสเดียวกับแม่ทำ บางทีฉันก็คิด จริงๆ แล้วเธอเป็นลูกแม่ ไม่ใช่ฉัน”

ฉันปล่อยก๊าก “เอื้องก็เหมาะเป็นลูกครูภาษาอังกฤษมากกว่าเรานะ เก่งกว่าเรามาก แม่เราชมเอื้องตลอด”

ตอนที่เราปั้นข้าวเหนียวกินด้วยกัน เราคุยเรื่องนี้กันต่อ ต่างลงความเห็นว่า หากเราไม่ใช่พี่น้องกัน แม่ของเราก็อาจแลกลูกกันเลี้ยง

แล้วเสียงหัวเราะคิกคักก็ลอยอยู่เหนือสำรับ ซึ่งแทนความรักจากแม่ของเรา