พันธกิจจากการถูกบูลลี่ เรื่องที่ ‘โดม เดอะ สตาร์’ ต้องการพิสูจน์

แม้ “โดม เดอะ สตาร์จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม จะพูดเต็มปากเต็มคำว่า 8 ปีในวงการบันเทิงของเขานั้น “ดีมากครับ ดีมาก”

หากกระนั้นก็ยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำเช่นกันว่า บ่อยครั้งเขาก็เจอเรื่องแย่ๆ ที่ทำให้รู้สึกเสียใจ จนถึงขั้นร้องไห้มาแล้ว

เจอตั้งแต่วันแรกเข้าวงการ กระทั่งถึงทุกวันนี้ เรื่องที่ถูกบูลลี่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา ซึ่ง “กว่าจะผ่านมาได้ กว่าจะเข้าใจ ว่าต้องรับมือยังไง” ก็ต้องทนทุกข์มานาน 5-6 ปี

“ทำไมถึงไม่ไปทำศัลยกรรมซะ”, “อยู่วงการนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่คิดจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเหรอ สงสารคนดูบ้างไหมที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ในหน้าจอ” และอีกสารพัดถ้อยคำ ซึ่งรวมกันแล้วส่งผลให้เขากลายเป็นคนกลัว

“กลัวไปหมด”

“ไม่มั่นใจว่าทำแบบนี้แล้วคนจะชอบไหม ทำแล้วคนจะว่าอะไรหรือเปล่า เพิ่งจะมา 2 ปีหลังนี่แหละที่อยู่ๆ ก็คิดได้ ว่าจริงๆ คนที่เข้ามาว่าเรา ว่าแล้วเขาก็ไป เขาลืม เราต่างหากที่อ่านแล้วจำ เอามาคิด แต่ถ้าเรามั่นใจ ภูมิใจในตัวเอง แฮปปี้กับทุกวันนี้ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าใครจะมาว่า เราจะไม่รู้สึกอะไรเลย”

“ที่ผ่านมาผมไม่มั่นใจในตัวเอง กดตัวเอง แล้วพอยิ่งมีคนมาว่า เราก็ใช่ เห็นด้วย ใช่ เป็นแบบนั้น แล้วมันก็ยิ่งกลัวๆๆ”

กลัวถึงขั้นเปิดดูแพ็กเกจศัลยกรรมหลายครั้ง ร่ำๆ จะ “ทำเสียทีดีไหม ทำแล้วทุกอย่างก็จบ ไม่โดนว่าอีกต่อไป” ก่อนตระหนักได้ในเวลาต่อมาว่า “ถึงทำก็คงโดนอยู่ดี” เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยก็คงติ ทำไปทำไม

ดีไม่ดีอาจถูกเหมาว่าเป็นพวกเสพติดศัลยกรรม-งั้นไม่ทำดีกว่า

คิดแย้ง วนเวียนไปมา หลายต่อหลายครั้ง

ก่อนที่ฝั่ง “ไม่ทำ” จะชนะ ด้วยนอกจากเพราะกลัวเจ็บแล้ว ยังมาจากความมุ่งมั่นอีกประการ

“คือผมอยากพิสูจน์ ว่าจริงๆ แล้ววงการนี้มีพื้นที่ให้คนแบบนี้อยู่”

“เราเคยพิสูจน์มาได้ด้วยการที่หน้าตาแบบนี้แหละ ได้เป็นเดอะสตาร์ เพราะฉะนั้น ต้องพิสูจน์ต่อ ว่าในวงการนี้มีพื้นที่ให้คนอย่างผม แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณมีพื้นที่ในวงการนี้เหมือนกัน”

“รูปร่างหน้าตายังไง วงการนี้ก็เป็นของคุณได้ และไม่ได้หมายความว่าต้องผูกขาด ว่าหน้าตาแบบนี้ต้องเป็นคนตลก หน้าตาแบบนี้ต้องเป็นบทที่โดนดูถูก โดนบูลลี่ ไม่จริง ผมยังเคยเป็นพระเอก (ซีรี่ส์เรื่อง “ยีนเด่น”) มาได้ คุณก็เป็นได้”

“มันคือหน้าที่ของผมที่ต้องพิสูจน์สิ่งนี้ให้สังคม แล้วก็วงการบันเทิงเข้าใจ”

“แต่มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในยุคที่ผมอยู่นะ” เขาออกตัวเบาๆ

“ผมอาจจะตายแล้วก็ได้ แต่ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

เรื่องที่พูดกันมาตลอด ว่าวงการบันเทิงต้องการความสวย ความงาม นั่นก็เข้าใจ

“เป็นเรื่องปกติ” โดมบอก

“แต่ทั่วโลกกำลังเปลี่ยน เริ่มบูชาคนที่ความสามารถมากขึ้น ไม่ได้บูชาแค่เรื่องรูปร่างหน้าตาภายนอกอย่างเดียว บิลบอร์ดของแบรนด์ดังๆ เริ่มเป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นดาราระดับเอ-ลิสต์ และผมว่ามันเริ่มส่งผลกับวงการบันเทิงบ้านเราพอสมควร”

“มันแค่ต้องใช้เวลา”

เวลาที่โดมรอคอย

คำฝากถึงคนชอบด่า

“ตอนนี้ถ้าเจอคนมาด่าเหรอ ได้ จัดการได้” คือคำพูดที่มาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจ

ทำยังไง ด่ากลับเหรอ?

เจอคำแซวนี้ โดมหัวเราะร่วน แล้วแจงว่า ที่เขาทำคือแคปหน้าจอ แล้วนำมาโพสต์ลงในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง

“ชี้ให้เห็นว่ามันไม่ดี เราไม่อยากให้วิธีเฮทสปีช ให้เกิดการตอบโต้ที่รุนแรง บอกแฟนคลับว่าไม่ต้องไปด่าเขานะ แต่ชี้ให้เห็นว่าดูนะ แบบนี้ไม่ดี อย่าไปทำกับใคร”

ส่วนกับคนที่เขียนข้อความร้ายๆ ใส่ โดมก็ว่า “จริงๆ ไม่ได้ถึงขั้นโกรธ เกลียด อะไรนะ รู้ว่าแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง ที่เขาว่าแบบนี้เพราะเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้น อาจจะหวังดีกับเราจริงๆ ก็ได้ เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นบางทีมันส่งผลกับความรู้สึกมากๆ จริงๆ เพราะฉะนั้น อยากให้ใจเย็นมากกว่านี้ คิดมากกว่านี้ ว่าถ้าพิมพ์แบบนี้ไป มันจะส่งผลต่อความรู้สึกใครแบบไหน”

“ไม่ได้ขอร้องให้หยุด แต่ขอร้องให้ช้าลงนิดนึง”