อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ : จีน สหรัฐ ไทย

“…เขาล่าอาณานิคมยุคใหม่ หนุนม็อบเด็ก…เพราะจะยึดไทย…ไว้เป็นฐานตั้งขีปนาวุธ…ถล่มจีน…”

ที่ผมกล่าวข้างต้นนี้หาใช่คำกล่าวของผมไม่ นักสังเกตการณ์สมัครเล่นอย่างผมไม่บังอาจกล่าวด้วยคำใหญ่ที่ก่อผลสะเทือนต่อชาติมหาอำนาจใดๆ ได้

หากแต่ผมเพียงคัดเอาคำสำคัญพร้อมใจความจากเหล่านักการเมืองผู้ทรงเกียรติฟากรัฐบาลของไทย

ผนวกด้วยความคิดเห็นอันช่างเหมือนกันโดยบังเอิญของเหล่านักการเมืองนอกรัฐสภาผู้ยิ่งใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นนายแพทย์ นักแสดงยอดนิยมขวัญใจผู้ตกทุกข์ได้ยาก รวมทั้งผู้ทรงศีลนุ่งขาวผู้แกร่งกล้า

น่าประหลาดใจนัก แนวคิดต่อต้านฝรั่งชาติตะวันตกของท่านเหล่านี้ช่างเหมือนโดยบังเอิญกับสื่อมวลชนแห่งมหาชน และหน่วยงาน ติ้ง แต๊ง ชั้นเลิศผู้แจ้งทิศทางต่างๆ นานามาตลอด

เหนืออื่นใด ความคิดต้านฝรั่งชาติตะวันตกดังว่า ช่างไปเหมือนกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างบังเอิญ จนกระทั่งไม่รู้ว่า ใครลอกใครกันแน่ หากทว่า เป้าหมายดุจเดียวกัน เพื่อคนกันเองล้วนๆ

ท่านผู้อ่านกรุณาอ่านข้อความข้างล่างนี้สักนิดแล้วจะรู้ว่า จีนรักไทยมากขนาดไหนครับ

จีนรักไทย

จีนรักไทย ขนาดผมนำมาจากข้อสรุปของบทความในหนังสือพิมพ์ Global Times สื่อรายวันภาษาอังกฤษของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนโดย Yu Qun (1) ชื่อ Behind-scences Funding of Thailand Protests Show Invisible Western Hands วันที่ 21 ตุลาคม 2020

บทความนี้เริ่มต้นด้วยเหตุแห่งการประท้วงของเด็กนักเรียนและนักศึกษาในไทยว่า เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าทำไมประท้วงด้วย เพราะมีเหตุผลมากมายในการออกมาเรียกร้องต่อต้านรัฐบาล ได้แก่ เรื่องเศรษฐกิจที่ถดถอยและอัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้น หรือเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ผู้ชุมนุมประท้วงระบุว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่รองรับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร

อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ของบทความน่าสนใจตรงที่ผู้เขียนเชื่อว่ามีความช่วยเหลือด้านการเงิน อุปกรณ์ป้องกันตัว ได้แก่ หมวกกันน็อก เสื้อกันฝนพร้อมแว่น น่าสนใจมากๆ คือ ร่ม อีกประการหนึ่ง เงินช่วยเหลือ “ม็อบเด็ก” ยังไปเหมือนกับที่ชาติตะวันตกให้กับม็อบที่ฮ่องกงด้วย ผมขอขยายความอีกข้อความเหมือนของ “ม็อบเด็ก” ที่บ้านเรากับม็อบที่ฮ่องกงจากบทความของหนังสือพิมพ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนอีก

ดังนี้

เหมือนอย่างที่ 1

การชุมนุมทั้งที่ไทยและฮ่องกง เป็นการชุมนุมที่เกิดขึ้นโดยเยาวชนสร้างขึ้นมา คนหนุ่ม-สาวเป็นแกนนำหลักของการชุมนุม

ผู้เขียนชาวจีนรู้ดีมากๆ เพราะท่านชี้ให้เห็นว่า แกนนำและผู้ชุมนุมประท้วงในไทยแตกต่างจากการชุมนุมของคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงในไทย ในยุคต่อต้านรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลต่างๆ มา

เหมือนอย่างที่ 2

การชุมนุมของคนหนุ่ม-สาวทั้งในไทยและฮ่องกงนั้นมีการบริหารจัดการอย่างดี

ซึ่งจุดนี้เองทำให้ผู้เขียนชาวจีนท่านนี้เชื่อว่า มีท่อน้ำเลี้ยงหรือกลุ่มทุนหนุนหลังทั้งในรูปกลุ่มบุคคลและองค์กร

ผู้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า ในการชุมนุมของเยาวชนไทยในช่วงหลังๆ นี้ มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันเพียบพร้อม เช่น หมวกนิรภัย แว่นตาพลาสติกกันลม และร่ม

ซึ่งผู้เขียนท่านเชื่อว่า เด็กนักเรียนไทยหรือนักศึกษาไทยที่เข้าร่วมชุมนุมไม่น่าจะระดมทุนมาจัดซื้อแจกจ่ายได้ทั่วถึงเช่นนี้

เหมือนอย่างที่ 3

คือรูปแบบการชุมนุมในกรุงเทพฯ ที่เหมือนกับการชุมนุมในฮ่องกง นั่นคือ การยึดครองพื้นที่สาธารณะที่เป็นสถานที่สำคัญๆ ศูนย์การค้าใจกลางเมืองและสถานีรถไฟฟ้า เป้าหมายเพื่อดึงดูดความสนใจจากประชาคมโลก

มีการนำร่มมาเป็นสัญลักษณ์ในการชุมนุมและยังเล่นเกมไล่จับกับตำรวจ ด้วยการปรับเปลี่ยนสถานที่นัดหมายชุมนุมหรือนัดหมายโดยใช้เวลากระชั้นชิด

เหมือนอย่างที่ 4

ผู้เขียนฟันธงว่า มีชาวต่างชาติที่เป็นชาวตะวันตก ซึ่งไม่อาจระบุว่าเป็นใคร มาจากไหน มาช่วยบรรดานักเรียน-นักศึกษา จัดเวทีและแนวป้องกัน

นอกจากนี้ ยังมีทีมตากล้องมืออาชีพในกลุ่มผู้ชุมนุมเก็บภาพที่เป็น “ช็อตสำคัญ” ที่กระทบความรู้สึกเมื่อได้เห็น เช่น ภาพผู้ชุมนุมคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือภาพตำรวจกำลังกวัดแกว่งอาวุธอยู่เบื้องหน้าผู้ชุมนุมที่มีแต่สองมือเปล่า

ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกแชร์ต่อเป็นไวรัลในสื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม อันยิ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นมีความรู้สึกเกลียดชังรัฐบาลมากขึ้น และตัดสินใจออกมาชุมนุมมากขึ้น นับเป็นแคมเปญระดมคนมาชุมนุมที่ได้ผลดี

น่าสนใจ ผู้เขียนบทความชาวจีนท่านสรุปถึงเป้าหมายของการชุมนุมโดยมือที่มองไม่เห็น ท่านสรุปว่า รัฐบาลไทยและสื่อกระแสหลักเชื่อว่ามีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ร่วมมือกับสหรัฐและประเทศในโลกตะวันตกใช้พลังเยาวชนคนหนุ่ม-สาวเป็นเครื่องมือมุ่งไปสู่เป้าหมายการล้มล้างระบบเพื่อการเมืองการปกครองในปัจจุบันของไทย

หลังจากนั้น ท่านยังชี้ด้วยว่า การนำกลุ่มการเมืองที่ถือหางทางฝั่งตะวันตกเข้ามาบริหารประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตยตะวันตกเป็น Color Revolution หรือการปฏิวัติล้มล้าง “สีเดิม” ให้หมดไปอย่างแท้จริง

ใครรักใคร เขารักอะไรกันแน่

สําหรับนักสังเกตการณ์สมัครเล่นอย่างผม ต้องบอกว่า งงกับการเมืองไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีหลังนี้

โจทย์สหรัฐใช้ไทยหนุมม็อบเพื่อยึดครองเอาไทยเป็นฐานขีปนาวุธ หากเป็นไปได้ รัฐบาลไทยและชนชั้นนำไทย โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงไทยเชื่อเช่นนี้หรือครับ ถ้าเชื่อแล้วเห็นด้วยหรือครับ หากโจทย์สกัดกั้นจีนโดยใครก็ตามนั้น โลกก่อนสงครามเย็นและหลังสงครามเย็นเป็นเช่นนี้ซึ่งผมไม่ได้เห็นด้วยนะครับ ประเด็นคือ อีลิตไทยยังมั่นคงสบายดีหรือครับ อีลิตไทยสนิทสนมกับคอมมิวนิสต์จีน สำหรับผม ประหลาดยิ่งและย้อนแย้ง ประเด็นคือ ทำไมใช้เด็กนักเรียน เด็กนักเรียนเขาโง่หรือไม่มีสมองหรือครับ

อีลิตไทยได้ทั้งเงินลับและอำนาจเผด็จการมาแล้วในอดีตยุคสงครามเย็น ส่วนเด็กนักเรียนไทยได้แว่นกันน้ำและร่ม พอหรือครับ ไม่คิดหรือว่า ร่มเขาเอาไว้กันแดดเวลาไปม็อบ เอาไว้กันน้ำยาเคมีที่ตำรวจเอาไว้ฉีดไล่พวกเขา คิดอะไรมากกับร่ม อีลิตกลัวร่มหรือครับ

ในทางกลับกัน ไอ้ที่ว่า จีนรักไทย ช่วยยกตัวอย่างสักนิดได้ไหมครับ การค้า ล้งจีน การลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง คอนโดฯ ทัวร์ศูนย์เหรียญ เรือดำน้ำ รถถัง ปืนกล กระสุนของจีน ทางการจีนเขาให้ไทยฟรีๆ ไว้ไล่ชาติตะวันตกหรือครับ ชาติไหนๆ เขาก็รักษาผลประโยชน์แห่งชาติกันทั้งนั้น ยกเว้นอีลิตไทย พวกเขารักน้อยไปนิดเดียวเอง

โจทย์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรื่องชาติตะวันตกล่าอาณานิคมใหม่ การล้างระบบการเมืองจนหมดสิ้นตามแนวทาง Color Revolution ผมกลับคิดว่า นักคิดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเชื่อและมองประเด็นฮ่องกงออกครับ

ทว่า คนฮ่องกงคือ เด็กนักเรียนฮ่องกงต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่ มันแปลกประหลาดหรือครับ ในเมื่อจีนแผ่นดินใหญ่กำลังทำลายล้างระบบการเมืองชนิดอื่นที่ไม่ใช่ระบอบคอมมิวนิสต์ในฮ่องกง แต่เด็กฮ่องกงเขาต่อสู้เพื่ออนาคตทางการเมืองของเขาเอง ผิดตรงไหนครับ

น่าประหลาด พลพรรคแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนบอกเยี่ยงไร เหล่ากระทิงแดงกลับชาติมาเกิด ล้วนเชื่อแบบเชื่องๆ จนกระทั่งผมงงว่า ใครลอกความคิดใคร

มันกลับตาลปัตรนะ 6 ตุลาคม 2519 กระทิงแดงประกาศว่า พวกญวน พวกแนวร่วมคอมมิวนิสต์แทรกซึมเข้ามา

ตอนนี้กระทิงแดงกลับชาติมาเกิด สนิทและรักพรรคคอมมิวนิสต์จีน

อนาถใจ

——————————————————————-
(1) Yu Qun เป็นรองผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทูตฝ่ายทหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมแห่งชาติ (National University of Defense Technology-NUDT)