หนุ่มเมืองจันท์ : เปลี่ยนโลก (ตอนจบ)

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

คงเป็นตอนสุดท้ายแล้วล่ะครับสำหรับเรื่องนี้

ไม่คิดมาก่อนว่าจะเขียนตั้ง 3 ตอน

ผมเริ่มต้นจากการทำตัวเป็นหมอดูทำนายว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงโลก มีอยู่ 3 อย่าง คือ

1. เครื่องพิมพ์ 3 มิติ

2. เจ้า AI หรือปัญญาประดิษฐ์

และ 3. รถยนต์ไฟฟ้า

ในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ผมคิดว่ามี 5 ปัจจัยที่มีผลทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว และมีโอกาสที่จะ “เปลี่ยน” อุตสาหกรรมรถยนต์

1. แบตเตอรี่ถูกลง

2. จีนลงมาเล่นในตลาดนี้อย่างเต็มตัว

3. จะเกิดการข้ามสายพันธุ์ธุรกิจ บริษัทที่มีเทคโนโลยีและเงินทุน และกระโดดลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เช่น กูเกิล แอปเปิ้ล ไมโครซอฟต์ ฯลฯ

ในขณะที่บริษัทรถยนต์เก่าก็จะลงมาเล่นด้วยเพราะกลัวตกขบวนรถยนต์ไฟฟ้า

การแข่งขันจะทำให้ตลาดโต

4. ภาวะโลกร้อนทำให้ประเทศต่างๆ สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

รถยนต์ไฟฟ้า เป็นทางเลือกหนึ่งที่ประเทศต่างๆ เริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้น

ตอนที่แล้วผมทิ้งค้างไว้ว่ามีอีกปัจจัยหนึ่งที่คนลืมไป

และเป็นปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว

นั่นคือ 5. เรื่องจิตวิทยาการตลาด

เพราะต่อไปนี้ “รถยนต์ไฟฟ้า” จะเป็นสินค้าที่ทันสมัย

ใครๆ ก็อยากได้

เหมือนที่คนอยากได้สัมผัสรถเทสลาในวันนี้

พอมีข่าวว่ามีคนเห็นรถเทสลาวิ่งในเมืองไทยก็ฮือฮา

กระแสแบบนี้เวลาจุดติดแล้วจะขยายวงอย่างรวดเร็ว

ยิ่งถ้าแบตเตอรี่เริ่มถูกลงเรื่อยๆ เราก็จะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้

โดยเฉพาะเมื่อจีนลงมาเล่นในสนามนี้

ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงเรื่อยๆ

รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นสินค้าที่มีผลด้านจิตวิทยาการตลาดสูง

เป็นสินค้าที่ใช้แล้วดูเท่ ทันสมัย เหมือนกับ “ไอโฟน” ตอนที่ออกมาใหม่ๆ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วจะเป็น “คนดี”

รักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม

เท่ 2 เด้ง

ดังนั้น ถ้าราคารถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เอื้อมถึงเมื่อไร

คนจะใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทันที

นึกถึงตอนที่ “ไอโฟน” เกิดขึ้นในโลกใบนี้สิครับ

9 มกราคม 2550

ถ้าบอกว่าวันนั้นคือจุดเริ่มต้นของ “สมาร์ตโฟน” ที่ทำให้คนทั้งโลกอยากได้มาเป็นเจ้าของ

เพียงแค่ 5 ปีต่อมา “สมาร์ตโฟน” ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ครองตลาดโทรศัพท์มือถือเกือบครึ่งหนึ่ง

อะไรที่จุดติดในโลกยุคใหม่

จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่คนคาดไม่ถึง

เหมือนที่มีคนบอกว่าการเกิดขึ้นของ “สิ่งใหม่” ในโลกธุรกิจวันนี้

จะไม่ใช่แค่กินส่วนแบ่งการตลาดของ “สิ่งเก่า”

แต่เขาเกิดมาเพื่อ “ทำลาย”

เหมือนกล้องดิจิตอลกับฟิล์ม

กล้องดิจิตอล ไม่ได้แย่งตลาดฟิล์ม

แต่ทำลายตลาดฟิล์ม

สิ่งหนึ่งเกิด

อีกสิ่งหนึ่งดับ

แต่คำถามที่น่าสนใจกว่าก็คือ ถ้ารถยนต์ไฟฟ้าแจ้งเกิดในโลกได้สำเร็จ

จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แค่คิดก็ขนลุกแล้วครับ

ลองนึกง่ายๆ ว่าสิครับว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิมจะเป็นอย่างไร

เพราะเกมเปลี่ยนไปเลย

ถ้าค่ายไหนปรับตัวไม่ทัน ไม่เปลี่ยนเกมเล่น

เขาจะหายจากตลาดไปเลย

อีก 10 ปี เราอาจจะไม่ได้ยินชื่อรถยนต์บางยี่ห้อ

รถยนต์ที่ใช้น้ำมันอาจเป็นของหายากประมาณ “กล้องใช้ฟิล์ม”

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ก็เช่นกัน

เพราะ “รถยนต์ไฟฟ้า” ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนแบบเดิม

ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ต้องปรับตัวครั้งใหญ่

อย่าลืมนะครับว่ากรอบความคิดของรถยนต์ไฟฟ้า คือ “ไอแพดติดล้อ”

ไม่ใช่เครื่องยนต์แบบเก่า

คิดต่อไปเรื่อยๆ ว่า ถ้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันลดลง

การบริโภคน้ำมันในโลกก็ต้องลดลงเช่นกัน

ปั๊มน้ำมันจะเป็นอย่างไร

ประเทศที่ผลิตน้ำมันจะเป็นอย่างไร

จากประเทศที่ร่ำรวย เป็นเสือนอนกิน

ทันทีที่ความต้องการน้ำมันลดลง ฐานะของประเทศเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปทันที

ประเทศตะวันออกกลางที่เป็น “มหาเศรษฐี” ก็อาจจะกลายเป็น “ยาจก”

นึกถึงซาอุดีอาระเบีย สิครับ

ประเทศที่มีรายได้หลักมาจากการขายน้ำมัน

ทันทีที่ความต้องการน้ำมันในโลกลดน้อยลง

ราคาจะลดฮวบลงกว่านี้

อะไรจะเกิดขึ้น

บางทีสงครามตะวันออกกลางก็อาจจะสงบลงง่ายๆ

ด้วยเหตุผลว่าประเทศมหาอำนาจไม่สนใจครอบครองบ่อน้ำมันต่อไปแล้ว

ไม่ต้องยุแหย่ หรือหาเหตุผลในการถล่มประเทศในแถบนี้

เพราะบ่อน้ำมันไม่มีราคาแล้ว

ตลกดีไหมครับ

เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วแบบคาดไม่ถึงแล้วนึกขำที่ คสช. พยายามจะวางยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปีเพื่อให้รัฐบาลต่อไปต้องทำตาม

พ่อเจ้าพระคุณเอ๊ย…อย่าว่าแต่ 20 ปีเลย

แค่ 5 ปีต่อจากนี้ ทายให้ถูกเถอะครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ใครจะคิดว่าอังกฤษจะถอนตัวจากกลุ่มอียู

แค่สัปดาห์เดียว โลกเปลี่ยนทันที

หรือใครจะไปคิดว่าทีมฟุตบอลอังกฤษจะแพ้ไอซ์แลนด์

เอ่อ…เรื่องนี้ไม่เกี่ยวครับ

ระบายอารมณ์เฉยๆ

ขอย้ำอีกครั้งว่าโลกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วจริงๆ ครับ

เทคโนโลยีต่างๆ ที่เคยคิดกันเล่นๆ

วันนี้เริ่มเป็นจริงแล้ว

มีคนบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าจะเกิดเทคโนโลยีใหม่อะไรขึ้นในโลกนี้ต่อไป

ให้อ่าน “โดราเอมอน” ครับ

“ของวิเศษ” ของ “โดราเอมอน” ที่อยู่ในการ์ตูนเริ่มเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ

เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, วุ้นแปลภาษา, หุ่นยนต์หมากรุก ฯลฯ

ของวิเศษจากจินตนาการของคนเขียนวันนี้เป็นจริงแล้ว

เครื่องพิมพ์ 3 มิติ เกิดขึ้นแล้ว

เรามี “แอพ” แปลภาษาแล้ว

เรามี “อัลฟ่าโกะ” แล้ว

ดังนั้น อย่าประมาทนะครับ บางที “ของวิเศษ” ที่คนอ่านอยากได้มากที่สุด

วันหนึ่งอาจเป็นจริง

จำ “ประตูไปที่ไหนก็ได้” ได้ไหมครับ

ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไร

ผมเชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนคงซื้อแน่นอน

และวางแผนว่าจะใช้ประตูนี้

ไปโผล่ที่ไหนดี

แค่คิดก็ฟินแล้วครับ