ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / ‘นิสสัน นาวารา’ ไมเนอร์เชนจ์ หล่อดุดัน-จัดเต็มเทคโนโลยี

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต
[email protected]

‘นิสสัน นาวารา’ ไมเนอร์เชนจ์
หล่อดุดัน-จัดเต็มเทคโนโลยี

หลังจากทำตลาดมานานถึง 6 ปี ถึงเวลาที่ “นิสสัน นาวารา” จะขยับปรับเปลี่ยนโฉมแบบ “บิ๊กไมเนอร์เชนจ์” ชนิดที่แทบจำเค้าเดิมไม่ได้
บวกกับหลายๆ ค่ายคู่แข่งทั้งปรับโฉมและออกรุ่นนิวโมเดลมากันเกือบครบแล้ว นิสสันจึงรอท่าไม่ได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าตามเทรนด์ปัจจุบัน นาวารามีตัวท็อปเป็นรุ่นแต่งพิเศษดูดุดันทีเดียวเปิดตัวพร้อมๆ กับรุ่นปกติทั้งแบบแค็ป และแบบ 4 ประตู
รวมถึงส่งเครื่องยนต์บล๊อกใหม่มาเป็นตัวเลือกด้วย
ต้องบอกว่ามองทั้งภายนอก-ภายใน แทบจะเรียกว่าโมเดลเชนจ์ยังได้เลย เพราะสลัดคราบนาวาราเดิมจนจำแทบไม่ได้

ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ “Unbreakable Design” ด้านหน้าใหม่หมด กระจังหน้าใหม่แบบ Interlock ช่องดักลมขนาดใหญ่เบิ้ม
กระจังหน้าแบบ Interlock ขนาดใหญ่เสริมความดุดัน มองผาดๆ คล้ายกับ “ไททัน” กระบะฟูลไซซ์ของนิสสัน ด้านบนฝากระจังปั๊มชื่อรุ่น “NAVARA” ฝังเอาไว้ด้วย
ไฟหน้าแบบ Quad-eye LED 4 ดวง เป็นทรงสี่เหลี่ยมดูแปลกตา พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light รูปตัว “C” และไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียว รูปตัว “C” เช่นกัน
แก้มด้านหน้าออกแบบใหม่
ขณะที่ฝาท้ายติดตั้งกลไกผ่อนแรงช่วยให้เปิด-ปิดง่ายขึ้น
โดยภาพรวมด้านนอกถือว่าออกแบบได้ดุดัน ติอยู่นิดๆ คือเสาอากาศแบบเป็นเส้นเกลียวที่ออกจะย้อนยุคหน่อยๆ
ส่วนรุ่นแต่งพิเศษซึ่งมี 2 รุ่นย่อย แตกต่างที่การตกแต่งและระบบขับเคลื่อนคือรุ่น “PRO Series” ทั้ง “PRO4X” และ “PRO2X”
มีจุดเด่นที่การเล่นสีเทา ดำ และส้ม แทรกตามจุดต่างๆ เช่นกระจังหน้าบริเวณโลโก้นิสสัน หากเป็นรุ่นปกติจะใช้สีเงิน ส่วนรุ่นแต่งพิเศษตัวอักษรจะเป็นสีส้ม และมีสีส้มประดับที่กันชนหน้าด้วย
กระจังหน้าโทนดำใหม่ดุดัน การตกแต่งเสริมความเท่และมีสไตล์ในรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ อาทิ มือจับประตู กระจกมองข้าง แร็กหลังคา และโป่งล้อโทนสีดำ
ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All Terrain ของ YOKOHAMA GEOLANDAR AT-S G012

ภายในเน้นความสะดวกสบาย ห้องโดยสารเงียบสงบด้วย Noise-reducing acoustic glass ลดเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงกระจกตอนหลัง กรองแสงสีชา
พวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่คล้ายๆ ของ “เอ็กซ์เทรล” แต่เป็นทรงกลม ไม่ได้เป็นแบบ “ดี-เชฟ” พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นต่างๆ
มาตรวัดมีหน้าจอสีแสดงผลแบบ TFT สามมิติ ขนาด 7 นิ้ว สามารถแสดงข้อมูลครบถ้วน อาทิ ระบบเตือนนำทางแบบ Turn-by-Turn Direction, ระบบช่วยขับขี่ต่างๆ, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าจากการขับขี่ (Intelligent Driver Alertness)
ระบบแอร์อัตโนมัติ โดยรุ่น 4 ประตูยังเจาะช่องแอร์ด้านหลังมาให้ด้วย
มีพอร์ต USB Type C บริเวณคอนโซลกลาง สำหรับชาร์จอุปกรณ์สำคัญให้ใช้งานได้ต่อเนื่องและรองรับอุปกรณ์ได้หลายเครื่องมากขึ้น
เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งภายในด้วยหนังแท้รอบห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า (Power Seat) สำหรับคนขับ เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ปรับตำแหน่งได้อิสระ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ทางไกล
ตลอดจนที่นั่งด้านหลังเพิ่มความสบายด้วยดีไซน์ใหม่นุ่มสบาย (Comfort rear seating cushions) มีที่พักแขนและที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ตอบโจทย์ด้านอรรถประโยชน์ของการใช้งานให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
สำหรับรุ่น PRO Series จะมาพร้อมสีเทา สเตลธ์ เกรย์ (Stealth Gray) ที่เป็นสีเฉพาะรุ่น PRO4X (4WD) และรุ่น PRO2X (2WD) เสริมด้วยชุดแต่งด้านในด้วยเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต เดินตะเข็บบนเบาะหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์สื่ออารมณ์แบบออฟโรด
พร้อมโลโก้ PRO4X รวมไปถึงพวงมาลัยแบบสปอร์ต คอนโซลลายเปียโนแบล็ก หัวเกียร์ และแผงประตูหุ้มด้วยหนังแท้ เพิ่มความรู้สึกนุ่มนวลสะดวกสบายขณะขับขี่ และยังโดดเด่นด้วยแอ็กเซนต์สีส้ม-แดงภายในห้องโดยสาร
ขัดใจนิดๆ ตรงที่ประตูผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลังไม่มีมือจับให้เหวี่ยงตัวขึ้นไปบนรถ แต่ติดตั้งไว้ที่ผู้โดยสารตอนหน้าแทน
หากเป็นผู้ชายสูงหน่อยไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนตัวเล็กอาจลำบากนิดหนึ่งเวลาเข้าห้องโดยสาร

ขุมพลังอย่างที่บอก มีบล๊อกใหม่เพิ่มมาเป็นตัวเลือกคือ 2.3L ทวินเทอร์โบ YS23 DDTT พลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7AT) พร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) มาแทนที่เครื่อง 2.5 ลิตรเทอร์โบ
สำหรับตัวถังแบบ King Cab รุ่น Calibre และ Double Cab ที่ใช้เกียร์ธรรมดา (6MT) จะใช้เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC เทอร์โบแปรผันแบบ VGS พลังแรงสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
เทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 (4WD) เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง
มีฟังก์ชั่น shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H) เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4LO สำหรับการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดาร อาทิ ทราย โคลน ลุยน้ำ ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD)
ระบบล๊อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential ช่วยเสริมกำลังฉุดเมื่อขับขี่ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด 4L
ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้กอัพ ปรับจูนใหม่เพื่อสมรรถนะและการทรงตัวรถขณะขับเข้าโค้ง และเพิ่มความนุ่มนวลมากขึ้น

ด้านเทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัย จัดหนักชนิดเอายูวีบางรุ่นอาจมองค้อน ด้วยชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยของ “นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี้” (Nissan Intelligent Mobility)
อาทิ เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ โดยจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็ว และหยุดรถ เพื่อลดความรุนแรง หรือลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ
เทคโนโลยีป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนช่องทางการขับขี่
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ระบบจะเตือนระหว่างเข้าเกียร์ถอยหลัง เมื่อตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา
ไม่พลาดกับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน แสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ ฯลฯ
นิสสัน นาวารา ใหม่ มี 3 รุ่นหลัก คือ คิงส์แค็บ (7 รุ่นย่อย) ราคา 599,000-859,000 บาท
ดับเบิ้บลแค็บ 4 ประตู (5 รุ่นย่อย) ราคา 849,000-1,129,000 บาท
สุดท้ายกับ “PRO Series” รุ่น “PRO2X” ราคา 999,000 บาท และ “PRO4X” ราคา 1,149,000 บาท