คุยกับทูต : โทโมร์ อมาร์ซานา ไทย-มองโกเลีย เพิ่มโอกาส ขยายความสัมพันธ์ (ตอนจบ)

“ด้านเหมืองแร่ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในมองโกเลียและผมทราบว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU PCL ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานในกรุงเทพฯ มีการลงทุนจำนวนมากในมองโกเลีย โดยเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกจากประเทศไทยที่เข้ามาในประเทศของเราเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสในภาคส่วนนี้”

นายโทโมร์ อมาร์ซานา (His Excellency Tumur Amarsanaa) เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ชี้แจง

“ผมยังได้พบกับผู้นำของบริษัทเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มั่นใจว่า พวกเขายังมีความสนใจที่จะเข้าไปทำงานในมองโกเลียและขยายการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง”

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บุกเบิกด้านพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย ดำเนินธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจรใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา

 

แผนดำเนินการเพื่อปรับปรุงความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน

“มีสองสิ่งง่ายๆ ในขั้นแรก เราต้องสร้างพื้นฐานทางกฎหมายที่เป็นรูปธรรมพร้อมการสนับสนุนและการคุ้มครองผู้ประกอบการในการลงทุน ในกรณีของเรา อาจเป็นข้อตกลงการลงทุนทวิภาคีระหว่างรัฐบาล และการหลีกเลี่ยงข้อตกลงการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งเป็นเอกสารหลักที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ”

“ผมขอขอบคุณรัฐบาลไทย สำหรับเอกสารทั้งสองนี้ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศของไทย และผมเชื่อว่าจะสามารถสรุปได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

“ประการที่สอง เราต้องการใครสักคนที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับเจ้าของธุรกิจและอุตสาหกรรมในท้องถิ่นเพื่อช่วยหาโอกาสต่างๆ ในการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการในประเทศอื่นๆ ในกรณีนี้หอการค้าทำมากกว่าเป็นกลไกทางการตลาดสำหรับธุรกิจส่วนตัวและกิจการสาธารณะด้วย เมื่อรากฐานพื้นฐานทั้งสองนี้เข้าที่แล้ว ก็จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าสองทางได้อย่างไม่ต้องสงสัย”

 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีมองโกเลียแถลงการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรก โดยเป็นชาวฝรั่งเศสที่เข้าไปยังเมืองอูลานบาตอร์ผ่านทางเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย

วิธีการที่รัฐบาลมองโกเลียตอบสนองต่อ COVID-19

“ด้วยการตอบสนองในช่วงต้นและการดำเนินการอย่างรวดเร็วของรัฐบาลประเทศของเราจนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยประมาณ 300 ราย (นำเข้าทั้งหมด) และไม่มีการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อในชุมชน ส่วนในการสร้างหลักประกันสุขภาพของประชาชน รัฐบาลได้จัดหาเงินทุนเพิ่มเติมในระบบสุขภาพโดยการจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น มาตรการฆ่าเชื้อและสุขอนามัย มองโกเลียยังติดต่อพันธมิตรด้านการพัฒนาของเราเช่นธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ธนาคารโลก และชุมชนผู้บริจาคอื่นๆ เพื่อขอรับการสนับสนุน”

“เราได้ผลักดันชุดปฏิบัติการที่มุ่งสนับสนุนผู้คนและธุรกิจต่างๆ ตัวอย่างเช่น ได้ผ่านกฎหมายใหม่ในการยกเว้นภาษีเงินได้และเบี้ยประกันสังคมเป็นเวลา 6 เดือน การเพิ่มเงินช่วยเหลือรายเดือนสำหรับบุตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับพนักงานของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น”

“เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจ เราได้ใช้มาตรการป้องกันการขึ้นราคา การขาดแคลนสินค้าและรักษาการส่งออกสินค้าหลัก เช่น การเลื่อนภาษีศุลกากร และภาษีสรรพสามิตนำเข้า สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารหลักที่นำเข้าได้แก่ ข้าวสาลี น้ำตาล และน้ำมันพืช นอกจากนี้ เรากลับมาดำเนินการขนส่งสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่โดยเปิดท่าเรือชายแดนหลักไว้ 4 แห่ง”

 

เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และรับมือกับความท้าทายที่ภาคการท่องเที่ยวของมองโกเลียต้องเผชิญ รัฐบาลมองโกเลียได้ปรับปรุงขีดความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก และสร้างงานให้มากขึ้นผ่านการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว

กระทรวงสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวของมองโกเลียระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเยือนมองโกเลียในปี 2018 มีมากกว่า 529,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อนหน้านั้น

“MIAT เป็นสายการบินมองโกเลีย ซึ่งตอนนี้ให้บริการเฉพาะเที่ยวบินตามฤดูกาลจากเมืองหลวงที่ชื่ออูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) มายังกรุงเทพฯ กำลังวางแผนที่จะเปิดเที่ยวบินปกติในปีหน้า”

“เราเชื่อว่าด้วยการเปิดเที่ยวบินปกติระหว่างสองเมืองหลวงของเรา จะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้มากขึ้น”

 

อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2017 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าการและนายกเทศมนตรีกรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย ร่วมลงนามความตกลงว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (Agreement on the Establishment of Sister City Relations) ระหว่างกรุงเทพมหานคร ราชอาณาจักรไทย กับกรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย

การลงนามในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากความปรารถนาร่วมกันของทั้งสองเมืองที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่หลากหลาย และเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน

ได้แก่ การดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยว การศึกษา กีฬา กิจกรรมของเยาวชน และการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน โดยทั้งสองฝ่ายตั้งใจที่จะดำเนินกิจกรรมร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนทั้งสองมหานคร

ด้านความสัมพันธ์ ไทยกับมองโกเลียในฐานะมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ยาวนานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่ ค.ศ.1974 สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเทพมหานคร และกรุงอุลานบาตอร์ มีการลงนามความสัมพันธ์กับสภากรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 มีการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนเมืองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหารือความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา วัฒนธรรม กีฬา สาธารณสุข เป็นต้น

“เมื่อเร็วๆ นี้เราได้ไปเยือนเชียงใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ ผมมีความยินดีที่ได้พบกับนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราได้หารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือต่างๆ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องของเราและการจัดงานในธีมมองโกเลียในงาน Lanna Expo ปีหน้า ซึ่งผมเชื่อว่า มีโอกาสมากมายในการขยายความร่วมมือทวิภาคีของเราในด้านต่างๆ ได้แก่ การค้า การท่องเที่ยว การศึกษา และบริการทางการแพทย์ เป็นต้น”

นับเป็นการเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก หลังรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ท่านทูตมีความชื่นชอบในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ไปชมงาน Lanna Expo 2020 ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แล้วประทับใจ โดยขอเข้ามาร่วมจัดงานในปีหน้าด้วย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

ท่านทูตอมาร์ซานากล่าวถึงประเทศมองโกเลียว่า มีลักษณะคล้ายเชียงใหม่ในด้านการท่องเที่ยว ผจญภัย และอาหาร ซึ่งน่าจะมีการแลกเปลี่ยนกันในอนาคต ทั้งยังมีการหารือกันในแนวทางของการจัดทำหนังสือบันทึกข้อตกลงระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน (MOU) ร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และการศึกษา เพราะท่านทูตชื่นชอบเรื่องการท่องเที่ยว การกีฬา และยังมีชาวมองโกเลียที่เป็นนักวิ่งมาร่วมกิจกรรมในเชียงใหม่ด้วย

“ในการไปเยือนครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสพบกับศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และรองศาสตราจารย์โรม จิรานุกรม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย ผมขอขอบคุณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ยินดีรับสมัครนักศึกษามองโกเลียให้มาเรียน ผมมั่นใจว่า การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ยาวนานและยั่งยืนระหว่างมองโกเลียและไทย แน่นอนว่าเรามีแผนที่จะไปเยี่ยมจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองชายแดนที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว”

ตอนท้าย ท่านทูตกล่าวถึงความประทับใจในประเทศไทยและชาวไทยว่า

“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดประตูสู่บุคคลภายนอก สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในคนไทย คือ ความสุขของคนไทยส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเช่น การศึกษา สุขภาพ และศาสนา อันนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข”

“ผมคิดว่า เมื่อผมได้อยู่ที่นี่อีกสองสามปี ผมจะสามารถตอบคำถามนี้ได้มากขึ้น จากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากได้ไปเยี่ยมชมพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย”