เผยแพร่ |
---|
ในยุคแห่ง”อะนาล็อก” การรักษาความลับ การรักษากลยุทธ์ในแต่ละจังหวะก้าวทรงความหมายและมีพลานุภาพเป็นอย่างสูง
แต่เมื่อเข้าสู่ยุคแห่ง”ดิจิทัล” จุดเด่นนี้ก็ค่อยๆพังทะลาย
แต่ละจังหวะก้าวในทางการเคลื่อนไหวยังเก็บงำ”ความลับ”เอาไว้ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การสร้างปรากฏการณ์อย่างที่เรียกกันว่า “เซอร์ไพรส์”
เหมือนที่สัมผัสได้ในเช้ามืดของวันที่ 20 กันยายน ณ ท้องสนามหลวง เมื่อเป้าหมายมิได้อยู่ที่สะพานผ่านฟ้า หากแต่เป็นทางด้านพระบรมมหาราชวัง
เหมือนที่สัมผัสได้ในตอนราตรีบนถนนราชดำเนินเมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน บิกเซอร์ไพรส์เมื่อมีการขยับบันไดไม้ไผ่เข้าไปยึดกุม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้นผืนผ้าขาวขนาดใหญ่อันอัดแน่นด้วยข้อความหลายหลากมากมายในทางการเมืองก็เคลื่อนเข้าคลุมตัวอนุสาวรีย์
กระนั้น ทุกก้าวของการเคลื่อนไหวก็เปิดเผย ตรงไปตรงมา
ในบรรดาความเปิดเผยอย่างที่สุดอาจกล่าวได้ว่าการประกาศชุมนุม ใหญ่บริเวณหน้ารัฐสภา เกียกกาย ในตอนบ่ายของวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน ถือได้ว่าไม่ปิดบังอำพราง
แม้ว่ากลุ่มไทยภักดีจะประกาศล่วงหน้าเอาไว้นานแล้วแต่”ราษ ฎร” ก็ยังยึดกุมบริเวณเดียวกันเป็นเป้าหมาย
เพราะประจักษ์แจ้งอย่างยิ่งว่า เป้าหมายของรัฐบาลอันสำแดงผ่านแต่ละองคาพยพแห่ง 250 ส.ว.เมื่อประสานเข้ากับของพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินไปอย่างไร
การกดดันครั้งนี้จึงมิได้อยู่ที่ 250 ส.ว. ทั้งมิได้อยู่ที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หากแต่เป็นต่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนามากกว่า
เป้าหมายมิได้อยู่ที่ว่าจะสามารถกุมชัยชนะได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะสามารถแยกสลายพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ อย่างไร
นี่จึงมิได้เป็นการ”วัดดวง” หากแต่เป็นการ”วัดใจ”อันแหลมคม
คำประกาศของ”ราษฎร”จึงมิได้เป็นคำประกาศแห่งชัยชนะ หากแต่เป็นคำประกาศที่บอกให้รู้ว่า “ราษฎร”รู้เช่นเห็นชาติรัฐบาล รู้เช่นเห็น ชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างดี
เพียงแต่จากคำประกาศจะสามารถระงับยับยั้งได้มิให้ถลำลงไปในหุบเหวแห่งหายนะหรือไม่
มติในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน จึงทรงความหมายและสำคัญ
สำคัญต่ออนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำคัญต่อทิศทางต่อไปของสังคมประเทศไทย