ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | เศรษฐกิจ |
เผยแพร่ |
เศรษฐกิจ
เปิดฉากศึกชิงรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ส่ออลหม่าน
หลังรัฐ-เอกชน ฟ้องสู้กันยิบตา
เป็นอีกหนึ่งเรื่องร้อนที่ได้รับความสนใจจากประชาชน รวมถึงนักลงทุนเป็นอย่างมาก
สำหรับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ดูเหมือนว่าหนังใหญ่เรื่องนี้จะเกิดการกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นค้างหรือต้องหยุดฉายไป
แต่ก็ต้องมาลุ้นต่อว่าหลังจากนี้ทิศทางการดำเนินเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ย้อนกลับไปถึงประเด็นทำให้การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี มีอันสะดุดลงบ้าง อันเนื่องมาจากเกิดคดีฟ้องร้อง
โดยตัวจุดชนวนเริ่มจากบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารคัดเลือกเอกชน และวิธีการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน การคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ซึ่งเรื่องดังกล่าวศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้ว
จากการฟ้องร้องดังกล่าวนำมาสู่ การที่ รฟม.เองก็ได้ยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลาง กรณีมีคำสั่งให้ รฟม.ทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชน แต่คณะกรรมการ ม.36 ได้มีมติให้ รฟม.ดำเนินกระบวนการคัดเลือกเอกชนตามกำหนดเดิม เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองกลางด้วย
โดยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้กำหนดเปิดรับข้อเสนอโครงการ ส่วนเกณฑ์การประเมินเอกชนที่จะยึดตามเกณฑ์พิจารณาด้านราคา 100 คะแนน หรือเป็นเกณฑ์ด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านราคา 70 คะแนนนั้น คงต้องรอการพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุดด้วย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการคัดเลือกเอกชน เพราะ รฟม.มีกำหนดเปิดซองข้อเสนอที่ 1 ด้านคุณสมบัติ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ส่วนข้อเสนอด้านเทคนิค และด้านราคานั้นจะดำเนินการหลังจากพิจารณาซอง 1 ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน
อย่างไรก็ดี การเปิดรับข้อเสนอโครงการดังกล่าว มีผู้เข้ามายื่นข้อเสนอเพียง 2 ราย จากผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมประมูลทั้งสิ้น 10 ราย คือ
- บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และเป็นผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ช่วงบางใหญ่-เตาปูน (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน)
- บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระบบรถไฟฟ้ายกระดับแห่งแรกของประเทศไทย ที่ครั้งนี้มาในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ โดยมีบีทีเอสซีเป็นลีดเดอร์กลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
ด้านเอกชนที่ซื้อซองประกวดราคาและมีสิทธิ์ในการยื่นข้อเสนอในครั้งนี้ จำนวน 10 ราย ได้แก่
- บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
- บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
8.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด
และ 10. บริษัท วรนิทัศน์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด
ด้านสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เคยเป็นพันธมิตรในกลุ่มบีอาร์เอส ในโครงการก่อนหน้านี้ ไม่ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการยื่นซองข้อเสนอในครั้งนี้ เนื่องจากยังติดกระบวนการภายใน แต่ยังได้รับคำยืนยันว่ามีความประสงค์ที่จะร่วมเป็นพันธมิตรแต่จะเป็นลักษณะไหนต้องให้ รฟม.พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับการยื่นข้อเสนอในโครงการมีข้อกำหนดในเอกสารยื่นข้อเสนอโครงการ (อาร์เอฟพี) ผู้ที่เป็นลีดเดอร์ในการยื่นข้อเสนอ มีข้อกำหนดจะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์จัดหา บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษาระบบรถไฟฟ้าภายในระยะเวลา 25 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ และมีระยะเวลาดำเนินงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับถึงวันที่ยื่นข้อเสนอ อย่างน้อย 1 โครงการที่เป็นโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในประเทศไทย
มองว่าทั้ง 2 รายที่เข้ายื่นซองประมูลในครั้งนี้สามารถเป็นลีดเดอร์ในการประมูลโครงการในครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ เอกชนผู้ชนะการประมูลจะต้องดำเนินงานโยธาช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และได้รับสิทธิบริหารจัดการเดินรถทั้งเส้นทางมีนบุรี-บางขุนนนท์ เป็นระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย
สำหรับรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (พีพีพี) มีแนวเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร
แบ่งเป็นส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี
และส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี เป็นสถานีใต้ดินตลอดสาย
มูลค่าโครงการรวม 1.2 แสนล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ปัจจุบันมีความก้าวหน้าก่อสร้างงานโยธาในภาพรวม คิดเป็น 69.82% โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2567
ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีกำหนดเปิดให้บริการเดือนกันยายน 2569
ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในการเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก
จึงไม่แปลกที่หลายฝ่ายรวมถึงภาคประชาชนจะจับตามองการประมูลโครงการในครั้งนี้
เมื่อการฟ้องร้องยังไม่จบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ก็ยังต้องลุ้นตัวโก่งกันต่อไปว่า บทสรุปจะเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้คว้าชัยในครั้งนี้ จะใช่คนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่
…ตามดูกันต่อ