สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

“ฮอนด้า โมบิลิโอ” ไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนใหม่หมดจด-สวยเท่กว่าเดิม

 

เปิดตัวรถใหม่แบบยิงสลุตก็ว่าได้ กับค่าย “ฮอนด้า”

เพราะตั้งแต่ต้นปีซัดเข้าไปแล้ว 3 รุ่น

แรกสุดคือซิตี้ (CITY) ไมเนอร์เชนจ์ แม้จะปรับไม่มากนักเพราะของเก่าลงตัวอยู่แล้ว

ตามมาด้วย “ซีอาร์-วี” (CR-V) เจ้าพ่อตลาดรถเอสยูวีบ้านเรา ที่งวดนี้มีเครื่องดีเซลพ่วงมาด้วย

และล่าสุด “โมบิลิโอ” รถกลุ่มมินิเอ็มพีวี แต่ฮอนด้าเขานิยามว่าเป็นรถ “เอ็มยูวี” (MUV – Metro Utility Vehicle) นัยว่าเพื่อสะท้อนวิถีการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ เพราะใช้ในเมืองก็คล่องตัวหรือจะออกต่างจังหวัดก็ไปได้กันหลายคน

“โมบิลิโอ” เป็นรถมินิเอ็มพีวีรุ่นแรกของค่ายที่ผลิตในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้เน้นนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถครอบครัว

ส่วนเมืองไทยเป็นตลาดใหญ่ของกลุ่มรถเก๋ง ทั้ง 2 ประเทศจึงสลับกันส่งรถไปขายไม่ต้องขึ้นสายพานการผลิตยิบย่อย เพราะได้สิทธิ์ภาษีของกลุ่มอาเซียน

จนมา “โมบิลิโอ” นี่แหละที่ฮอนด้าเริ่มผลิตในประเทศไทย

รุ่นนี้เปิดตัวช่วงปลายปี 2557 ใช้พื้นฐานเดียวกับ “บริโอ” (BRIO) รถอีโคคาร์ของค่าย รูปร่างหน้าตาก็แทบไม่ต่างจากบริโอ เพราะยกมาทั้งกระจังหน้าและคอนโซลหน้า แต่ใช้เครื่องยนต์ที่ยืมมาจาก “ซิตี้” และ “แจ๊ซ”

อีกรุ่นที่ใช้พื้นฐานเดียวกันเรียกว่าเป็นแฝด 3 ก็ว่าได้คือ “บีอาร์-วี” (BR-V) ฮอนด้าจัดให้อยู่ในกลุ่มมินิเอสยูวี เพื่อให้เต็มทุกเซ็กเมนต์ เนื่องจากมีพี่ใหญ่อย่างซีอาร์-วี และพี่รอง “เอชอาร์-วี” (HR-V) อยู่แล้ว

ล่วงเข้าต้นปี 2559 “โมบิลิโอ” ปรับเครื่องยนต์ให้รองรับพลังงาน “อี85” จากรุ่นเดิมได้สูงสุดที่ “อี20” เพื่อสิทธิทางภาษี เนื่องจากปลายปี 2558 ไทยปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ตามการปล่อยควันเสียและการใช้พลังงาน

กระทั่งต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โมบิลิโอจึงปรับโฉมแบบครั้งใหญ่ระดับ “บิ๊กไมเนอร์เชนจ์”

เพราะทั้งด้านหน้าและด้านในเปลี่ยนจนแทบเป็นคนละรุ่นไปเลย

โมบิลิโอ ไมเนอร์เชนจ์ หั่นเหลือ 3 รุ่นย่อย คือ S, V และ RS โดยรุ่นเอส แต่เดิมมี 2 รุ่นย่อยคือเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที แต่รุ่นไมเนอร์เชนจ์ตัดตัวเกียร์ธรรมดาออก คาดว่ายอดขายอาจจะไม่เดินมากเพราะเป็นรถที่เจาะตลาดคนเมือง ซึ่งเดี๋ยวนี้แทบหารถเกียร์ธรรมดาในเมืองได้น้อยเต็มที เนื่องจากรถติดขัดตลอดทั้งวันนั่นเอง

หยิบยืมหน้าตาและการตกแต่งภายในมาจากรุ่นบีอาร์-วี ซึ่งตอนเปิดตัวนั้นสร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะสวยหยดและดูดุดันเหลือเกิน

กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มีเส้นขนาดใหญ่พาดกลาง รับกับโคมไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไฟหรี่แบบ LED เป็นเส้นยาวๆ อยู่ใต้ไฟหน้า ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกซึ่งยังใช้ของเดิมอยู่

เส้นสายด้านข้างและด้านหลังเป็นตัวเดิมเป๊ะๆ ซึ่งถือว่าลงตัวอยู่แล้ว มีสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

ล้ออัลลอยลายใหม่แต่ขนาดเดิมคือ 15 นิ้ว ส่วนตัวล่างสุดจะเป็นล้อกระทะ

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย มีทั้งแบบที่นั่ง 3 แถว (V และ RS) และที่นั่ง 2 แถว (S) ซึ่งด้านหลังจะเปิดโล่งคล้ายๆ รถแวนหรือเอสเตต แต่ปูไลเนอร์มาให้ด้วย น่าจะเจาะกลุ่มเปิดท้ายขายของ หรือต้องการขนของเล็กๆ น้อยๆ

ส่วนรุ่นที่นั่ง 3 แถว สามารถพับตลบเบาะที่นั่งแถวสุดท้ายไปด้านหน้าเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้เหมือนกัน

คอนโซลหน้านั้นยกมาจากบีอาร์-วี ทั้งดุ้น พวงมาลัยแบบ 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นนิดๆ หน่อยๆ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI และส่งภาพจากกล้องมองหลังมาให้ด้วย

เบาะผ้าเนื้อดีโอบกระชับสรีระ ช่องใส่ของ-แก้วน้ำมีให้ทุกที่นั่งตามเอกลักษณ์ของฮอนด้า

ที่นั่งแถว 2 พับตลบได้แบบจังหวะเดียวเพื่อความสะดวกให้ผู้โดยสารผ่านเข้า-ออกที่นั่งแถวหลังสุด

ที่น่าสนใจคือผู้โดยสารที่นั่งตรงกลางของเบาะแถว 2 ทางฮอนด้าติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดมาให้ จากปกติที่นั่งตรงนี้จะเป็นแบบ 2 จุดเท่านั้น

เรียกว่าตอบสนองมาตรการรัดเข็ดขัดนิรภัยทุกที่นั่งของรัฐบาลจริงๆ

รุ่น V และ RS นั้นเจาะช่องแอร์บนเพดานมาให้ ขณะที่รุ่น S ไม่มี

ความกว้างขวางถือว่าพอได้อยู่ ไม่ได้อึดอัดมากทั้งเลกรูม และเฮดรูมมีมาให้เหลือๆ ส่วนที่นั่งแถว 3 อาจจะเหมาะกับเด็ก หรือผู้หญิงตัวเล็กๆ หน่อย

แต่ถ้านั่งไม่ไกลมาก ผู้ชายก็พอไหวอยู่

สํหรับเครื่องยนต์เป็นบล๊อกเดิมแบบ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology

เทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน อาทิ โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และกล้องส่องภาพด้านหลัง เป็นต้น

มิติตัวถัง กว้าง 1,683 ม.ม. ยาว 4,398 ม.ม. สูง 1,603 ม.ม. ความสูงใต้ท้องรถ 189 ม.ม.

แม้โดยรูปร่างหน้าตาจะใกล้เคียงกับบีอาร์-วี แต่ทางฮอนด้าเชื่อว่าไม่น่าจะตีกันเอง เนื่องจากเจาะตลาดคนละกลุ่ม โดยบีอาร์-วี เล็งเป้าไปที่คนที่ชอบลุยๆ หน่อย เพราะภาพรวมการตกแต่งภายนอกจะดูดุดันกว่า

ขณะที่โมบิลิโอเน้นคนเมืองที่ชอบความสวยและสบายๆ อีกทั้งราคาของทั้ง 2 รุ่นต่างกันพอสมควร

ฮอนด้าตั้งใจให้โมบิลิโอมาทำตลาดรถครอบครัวขนาดเล็กแทน “ฟรีด” (FREED) รถแบบประตูสไลด์ข้างที่เลิกผลิตไปแล้ว โดยนำมาบู๊กับคู่แข่งทั้ง “โตโยต้า เซียนต้า” หรือ “ซูซูกิ เออร์ติกา”

แม้โมบิลิโอจะปรับเปลี่ยนเยอะมากถึงมากที่สุด แต่ฮอนด้าใจถึงพอจะตั้งราคาเท่ากับรุ่นเดิมใน 2 ตัวล่างคือ รุ่น S แบบที่นั่ง 2 แถวราคา 659,000 บาท รุ่น V เบาะที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ราคา 699,000 บาท

จะมีแค่รุ่น RS ที่ตั้งราคา 763,000 บาท สูงกว่ารุ่นเก่า 8,000 บาท