ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์
PINOCCHIO
‘ผจญภัยในโลกกว้าง’
กำกับการแสดง Matteo Garrone
นำแสดง Federico Ielapi Roberto Benigni Rocco Papaleo
หลายคนคงรู้จักเรื่องราวของพินอคคิโอ ซึ่งเป็นหุ่นไม้ที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นเด็กชาย ซึ่งพูดได้เดินได้ และชอบโกหก ซึ่งก็ถูกจับได้ทุกที เพราะทุกครั้งที่โกหก จมูกของเขาจะยาวขึ้น และพินอคคิโอมีความใฝ่ฝันที่จะได้เป็นคนที่มีเลือดเนื้อจริงๆ
เรื่องราวนี้แพร่หลายในวงกว้างในวัฒนธรรมมวลชนจากหนังแอนิเมชั่นของดิสนีย์ใน ค.ศ.1940 ซึ่งเป็นหนังการ์ตูนคลาสสิกที่จดจำกันได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง
นิทานหรือเทพนิยายเรื่องพินอคคิโอมีที่มาจากปลายปากกาของคาร์โล คอลโลดี ชาวอิตาเลียนเมื่อ ค.ศ.1883 ในลักษณะของการผจญภัยของหุ่นไม้ซุกซน เกเร ไม่เชื่อฟัง และหาเรื่องใส่ตัว จนพลัดหลงจากพ่อผู้สร้างเขาขึ้นมา ไปในโลกกว้าง และพาตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่เข้าตาจนหลายครั้งหลายหน โดยมีนางฟ้าใจดีคอยช่วยเหลือ
เมื่อนึกถึงเรื่องพินอคคิโอที่สร้างจากมือมนุษย์ และกลายเป็นมนุษย์ไปในที่สุดนั้น ผู้เขียนมักนึกโยงไปถึงปกรณัมปรัมปราของกรีกโบราณ เรื่องของประติมากรชื่อ พิกเมเลียน ที่ปั้นหุ่นผู้หญิงและงามหยาดฟ้ามาดิน จนตัวเองหลงรัก และเฝ้าอธิษฐานขอให้รูปปั้นนั้นกลายเป็นคนจริงๆ ขึ้นมา
แต่ขณะเดียวกัน ก็นึกไปถึงหนังของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เรื่อง A.I. Artificial Intelligence (2001) ซึ่งเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของพินอคคิโอด้วย เพียงแต่เป็นหนังอนาคตกาลซึ่งพินอคคิโอกลายเป็นหุ่นปัญญาประดิษฐ์ที่อยากเป็นคน และผจญภัยในโลกกว้าง ผ่านกาลเวลา ไปจนได้เจอ “นางฟ้าสีน้ำเงิน” ที่จะเสกให้เขากลายเป็นมนุษย์
เรื่องราวของพินอคคิโอสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินนำมาเล่าใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่จบสิ้น
โรแบร์โต เบนิญญี นักแสดงตลกและผู้กำกับฯ ที่เรารู้จักกันดีจากหนัง Life Is Beautiful ก็เคยทำหนังเรื่อง Pinoccchio (2002) มาแล้วก่อนจะมาเล่นเป็นตัวพ่อในหนังอิตาเลียนเรื่องปัจจุบัน
Pinocchio (2019) เป็นหนังที่ได้รับเสียงสรรเสริญมากมายและได้รับรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์ของอิตาลีหลายแห่ง ทั้งในด้านภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่งหน้ายอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมและการออกแบบโปรดักชั่นยอดเยี่ยม ฯลฯ
หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์แบบอิตาลี และถ่ายทำในโลเกชั่นที่สวยงามของชนบทแถบทัสคานี และนับว่ารักษาเนื้อหาของเรื่องราวดั้งเดิมไว้โดยไม่ดัดแปลงไปจากเดิมมากนัก
และมีองค์ประกอบของความสมจริงแบบเวทมนตร์ (magical realism) อยู่เต็มเปี่ยม กล่าวคือ มีตัวละครที่เป็นสัตว์พูดได้ ไม่ว่าจะเป็นจิ้งหรีด สุนัขจิ้งจอก แมว กอริลลา ปลาทูนา หอยทาก ลา ฯลฯ สัตว์ใหญ่น้อยสารพัดตามที่พินอคคิโอไปเจอะเจอ มีลักษณะเหมือนคนทั่วไปที่อาจพบเห็นได้ในโลกกว้าง
หนังเริ่มในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชายชราชื่อ เจปเปตโต (โรแบร์โต เบนิญญี) เป็นช่างไม้ที่ยากจน หางานทำไปวันๆ และแทบไม่มีใครให้งานเขาทำ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เจปเปตโตไปเจอคณะละครหุ่นสายเข้ากลางถนน และเกิดแรงบันดาลใจจากการได้แอบเห็นหุ่นไม้ที่ไม่มีชีวิตในรถ
เขาไปขอท่อนไม้จากพ่อค้าไม้ที่กำลังนึกอยากกำจัดไม้ท่อนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะมีชีวิตจิตใจ คอยสร้างความรำคาญให้แก่เขาอยู่
เขาได้รับท่อนไม้ท่อนนั้นไป และเริ่มลงมือแกะสลักผลงานชิ้นสำคัญในชีวิตเขา เป็นหุ่นไม้หน้าตาเป็นเด็กผู้ชาย ที่เขาประจงทำสุดฝีมือ และให้ชื่อว่า พินอคคิโอ (เฟเดริโก อิเอลาปี ซึ่งแต่งหน้าเป็นลายไม้ แบบที่ทำให้ศิลปินช่างแต่งหน้าได้รับรางวัลด้านฝีมือการแต่งหน้าไปในที่สุด)
เจปเปตโตพูดจากับพินอคคิโอ และตกใจที่รู้ว่าพินอคคิโอก็พูดได้และเคลื่อนไหวได้เหมือนเด็กที่มีชีวิตจริงๆ โดยที่เขาไม่ต้องสอนด้วยซ้ำ
และเขาเรียกพินอคคิโอว่าลูก และเห่อกับลูกคนใหม่อย่างที่สุด
เจปเปตโตทำทุกอย่างเพื่อลูกเหมือนคนเป็นพ่อที่ดี คือให้การศึกษาแก่ลูก ให้ลูกไปโรงเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แม้จะแทบไม่มีเงินยาไส้ แต่เขาก็ยอมสละเสื้อผ้าชุดเดียวที่สวมอยู่แลกกับหนังสือเรียนให้ลูก
แต่พินอคคิโอเป็นเด็กเกเร ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ แม้จะรักพ่อ แต่ก็ยังรักสนุก และไม่ชอบการถูกบังคับให้ไปเรียนหนังสือ พินอคคิโอจึงเอาหนังสือเรียนไปแลกกับเงินค่าเข้าชมละครหุ่นสายที่เล่นอยู่ในเมือง
และนั่นเป็นจุดหักเหสำคัญในชีวิตของเขา ทำให้เขาต้องพลัดพรากจากพ่อที่รักเขาและเริ่มการผจญภัยอย่างเดียวดายในโลกกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมีคนชั่วร้ายคอยจะเอารัดเอาเปรียบและหลอกลวงฉ้อฉล
พินอคคิโอรอดตัวจากนายโรงหุ่นที่อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมาได้ ในระหว่างอารมณ์ขี้สงสาร และได้รับเหรียญทองติดตัวมาด้วยถึงห้าเหรียญเพื่อนำไปให้พ่อผู้ยากจน
แต่ความซื่อใสอ่อนโลกแถมด้วยความโลภที่อยากให้เงินพอกพูนขึ้นอย่างทันใจ ทำให้เขาถูกหลอกโดยสุนัขจิ้งจอกกับแมว ซึ่งเป็นตัวโกงหลักในเรื่อง
เขาถูกหลอกให้ “ลงทุน” ปลูกต้นไม้ที่จะออกดอกออกผลเป็นเหรียญทอง ซึ่งจะทวีคูณเงินในกระเป๋าเขาได้ทันใจ
แต่พินอคคิโอก็ตกเป็นเหยื่อของคนโกงอย่างช่วยไม่ได้…ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายขนาดนั้นแน่นอน ไม่งั้นทุกคนก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้าแล้วล่ะสิ
แต่เด็กเอ๋ยเด็กน้อยยังไร้ความคิดไร้ประสบการณ์ ขาดความรอบรู้ จึงไม่รู้ทันโลก และตกเป็นเหยื่อของคนโกงที่ฉลาดกว่า
เมื่อต้องสูญเสียเงินน้อยนิดทั้งหมดที่มีในกระเป๋าไป พินอคคิโอพาตัวไปฟ้องศาลเพื่อเอาผิดกับอาชญากรเหล่านั้น
เพียงเพื่อที่จะพบว่าผู้พิพากษากอริลลาสั่งให้เอาตัวเขาไปขังคุก แทนที่จะไปจับตัวคนโกงมาเข้าคุก และเมื่อพินอคคิโอไม่เข้าใจเหตุผลของคำพิพากษา ผู้พิพากษาก็ให้คำตอบว่า “เพราะคนบริสุทธิ์เท่านั้นที่ต้องเข้าคุก และคนผิดต่างหากที่ลอยนวลอยู่”
นี่เป็นการเหน็บแนม เสียดสี และวิพากษ์สังคมที่เจ็บแสบที่สุดในหนัง
พินอคคิโอต้องโกหกว่าเขาไม่ใช่คนบริสุทธิ์ เขาจึงพ้นผิดมาได้ และนี่เป็นการโกหกที่ไม่ทำให้จมูกเขายาวขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเมื่อเขาโกหกกับนางฟ้า จมูกเขายาวออกมาเรื่อยๆ จนยื่นออกมาหลายฟุต และต้องอาศัยนกหัวขวานหลายตัวบินมาเกาะ มากะเทาะไม้จนลดขนาดลงเหลือเท่าเดิม
การไม่เชื่อฟังคำผู้ใหญ่และจิตใจเผลอไผลรักสนุกเฉพาะหน้า นำไปสู่ทุกข์สนัดและผลลัพธ์เลวร้ายอย่างไม่รู้ตัว พินอคคิโอถูกหลอกไปขายเป็นทาส โดยใช้อุปมาอุปไมยของความเป็นลา สำนวนฝรั่งบอกว่า โง่เหมือนลา ขณะที่ไทยบอกว่า โง่เหมือนควาย
รวมทั้งการถูกเขมือบเข้าไปในท้องของฉลามวาฬ ก่อนจะไปพบพ่อผู้ลำบากลำบนติดตามลูกชายเกเรไปทั่วทุกหนทุกแห่ง และได้เจอกันในสถานที่ที่ไม่นึกไม่ฝันจะได้เจอ
เรื่องราวของพินอคคิโอจบลงด้วยดีในหนังที่มีความยาวสองชั่วโมงเศษ
และเป็นแบบฉบับของนิทานสอนใจสำหรับเด็กที่ผละจากอ้อมอกของพ่อแม่ก่อนวัยอันควร ออกมาผจญภัยในโลกกว้างที่เต็มไปด้วยภยันตรายนานัปการ
แถมยังเป็นการวิพากษ์สังคมที่คมคายในอีกระดับหนึ่งด้วย