การ์ตูนที่รัก / นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ / A Whisker Away

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

A Whisker Away

 

เล่าเนื้อเรื่องแต่ไม่เปิดเผยตอนจบนะครับ

“ไม่ชอบเป็นคน ก็ไปเป็นแมวซะ” ประโยคนี้คุ้นๆ

หนังการ์ตูนญี่ปุ่นเน็ตฟลิกซ์ “เหมียวน้อยคอยรัก” ชื่อภาษาอังกฤษ A Whisker Away หนวดแมวมาเกี่ยวอะไรด้วย ดูกันต่อไป

หนังเริ่มต้นออกจะวุ่นๆ นิดหน่อย ไม่รู้จะเล่าอะไร ไม่ดึงดูดเท่าไรนัก นักเรียนสาวมิโยะ ท่าทางออกจะบ๊องๆ พุ่งเข้ากระแทกนักเรียนหนุ่มฮิโนเดะ ด้วยจุดประสงค์เพียงแค่เรียกร้องความสนใจเพราะศรรักปักอก

หนังเปิดเผยต่อมาว่ามิโยะเป็นเด็กน่าจะมีปัญหา พ่อ-แม่เพิ่งหย่าร้าง แม่ดูเหมือนแม่ที่เรียกร้องมาก ปากไม่ดี พูดจากดดันมิโยะไม่ให้ไปรักแม่ใหม่ อีกทั้งกล่าวร้ายพ่อให้มิโยะฟังซึ่งถือเป็นข้อห้ามร้ายแรงของครอบครัวหย่าร้าง

ความเป็นสามี-ภรรยาสิ้นสุดได้ แต่ความเป็นพ่อและความเป็นแม่ไม่สิ้นสุด กฎข้อหนึ่งคือห้ามกล่าวร้ายกันและกัน เพราะจะทำให้ลูกตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้วพัฒนาตัวตนต่อไปได้ยาก

 

พ่อพยายามเอ็นเตอร์เทนเมียใหม่และลูก เมียใหม่หรือแม่ใหม่ของมิโยะชื่อคาโอรุ

คาโอรุเป็นสุภาพสตรีเรียบร้อย เธอเลี้ยงแมวตัวหนึ่งชื่อคินาโกะ เธอพยายามจะทำดีกับมิโยะ แต่ดูเหมือนมิโยะจะรู้สึกว่าเธอเห็นแมวสำคัญกว่า มิโยะจึงคอยแต่จะห่างเหินแม่ใหม่

มาดูฝ่ายชายฮิโนเดะ ฮิโนเดะเพิ่งสูญเสียคุณพ่อไป เขาอาศัยอยู่กับคุณแม่และคุณตาซึ่งทำโรงงานปั้นหม้อเล็กๆ มาช้านาน ฮิโนเดะเป็นเด็กนักเรียนซึมๆ ขรึมๆ มิวายมิโยะจะยั่วเท่าไรก็ไม่ขึ้น เวลากลับเข้าบ้านเขาวางของทักแม่สักคำแล้วไปปั้นหม้ออยู่คนเดียวเงียบๆ

ครั้งหนึ่งเขาใจลอยปั้นผิดรูปเละเทะ คุณตาหันมาบอกว่าจิตใจเป็นอย่างไรก็ได้อย่างนั้น

หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็มาแจ้งว่าการค้าหม้อปั้นดินเผาที่ทำอยู่ไม่น่าจะไปรอด ถึงเวลาขายกิจการ

ฮิโนเดะอยากจะพูดว่าเขาอาสาดูแลโรงงานนี้ต่อเอง แต่ก็ไม่กล้า ไม่นับเรื่องไม่มั่นใจอีกต่างหาก

โจทย์ของหนังคือวัยรุ่นตอนต้นสองคนชาย-หญิงกำลังพบอุปสรรคของชีวิต คนหนึ่งเสียแม่ คนหนึ่งเสียพ่อ และดูเหมือนจะมีอุปสรรคอย่างอื่นเข้ามาขวางกั้นพัฒนาการ พวกเขาสองคนจะไปต่อได้อย่างไร

คำตอบคือแมว

 

มีแมวขาวตัวหนึ่งมาหาฮิโนเดะทุกค่ำ มันเคลียคลอและพะเน้าพะนอ ฮิโนเดะรักแมวตัวนี้ เขาเอามาอุ้มกอดและสูดดมกลิ่นของมันซึ่งเหมือนกลิ่นแสงแดดเสมอๆ ฮิโนเดะไม่ค่อยพูดความในใจให้ใครฟังแม้แต่เพื่อนชายที่สนิท แต่เขาพูดให้ทาโร่ฟัง

ที่แท้ทาโร่คือมิโยะ มีวันหนึ่งมิโยะเดินผ่านแมวขายหน้ากาก ได้หน้ากากแมวมาอันหนึ่ง นับจากวันนั้นมิโยะสามารถแปลงร่างเป็นแมวทาโร่ออกไปหาฮิโนเดะทุกๆ คืน นั่งฟังฮิโนเดะระบายเรื่องในใจ ได้แอบกอดฮิโนเดะชื่นมื่น มิหนำซ้ำยังได้ใกล้ชิดสัมผัสหน้าแนบหน้าอยู่เสมอ ลำพังแค่การ์ตูนก็ให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงลืมโลกภายนอกไปได้เลยจริงๆ

โลกภายนอกของมิโยะยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกวัน เธอมีปัญหากับเพื่อนสนิทที่โรงเรียน มีปัญหากับเพื่อนๆ ในห้องเรียน เข้าใจผิดกับฮิโนเดะโดยพลั้งเผลอ ทะเลาะกับพ่อ-แม่ และแม่ใหม่ถ้วนหน้า แม้แต่แมวของแม่ใหม่ก็ไม่ละเว้น

ไม่มีที่ให้เธออยู่อีกแล้ว

 

เรื่องทำนองนี้เป็นที่เข้าใจได้ แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจยาก กล่าวคือ ยิ่งโลกภายนอกสับสนอลหม่านเท่าไร ที่เราต้องทำคือตั้งมั่นหันหน้าสู้ มิใช่ถอยหนีหลบเข้าไปอีกมิติหนึ่ง เพราะเมื่อไรที่เราหลบเข้าไปอีกมิติหนึ่งหรืออีกภพหนึ่งคือภพแมว แม้ว่าจะพบความสุขที่ได้ใกล้ชิดฮิโนเดะ แต่นับวันจะยิ่งสูญเสียความสามารถที่จะปรับตัว วิเคราะห์ปัญหา ลงมือแก้ไข หากไม่สำเร็จก็วิเคราะห์ใหม่ ปรับแผนใหม่ ลงมือใหม่ จนกว่าชีวิตจะค่อยๆ ดีขึ้น

แต่นี่เปล่า หนีไปเป็นแมวเฉย

วันหนึ่งทาโร่หรือมิโยะเหลืออด บอกแมวขายหน้ากากว่าไม่อยากเป็นคนแล้ว แมวขายหน้ากากได้หน้ากากหน้าคนไปไว้ในกำมือทันที ถ้าแมวทาโร่เอาหน้ากากหน้าคนคืนมาไม่ได้เธอจะต้องเป็นทาโร่ตลอดไปแล้วไปอยู่ที่ภพแมว ในตอนแรกทาโร่คิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากฮิโนเดะหรือแมวของแม่ใหม่คินาโกะง่ายๆ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าเธอเริ่มฟังฮิโนเดะพูดไม่รู้เรื่องเพราะตัวเองเป็นแมว ส่วนแมวคินาโกะก็หายไป พบอีกครั้งมันอยู่ในร่างของมิโยะไปเสียแล้ว

แมวคินาโกะรู้สึกเสมอมาว่าเจ้านายคาโอรุสนใจมันน้อยลง หันไปสนใจมิโยะมากกว่า เมื่อสบโอกาสมันจึงเอาหน้ากากมิโยะจากแมวขายหน้ากากมาสวมรอยเสียเลย เอาละสิ มิโยะตัวจริงในร่างทาโร่จะทำอย่างไรต่อไป

ไม่เห็นยากเลย ทนไม่ได้ก็ไปอยู่ประเทศแมวไป

 

ไคลแมกซ์จึงไปอยู่ที่ประเทศแมวหรือภพแมว ภพแมวเป็นเมืองของแมวที่เดินไปมาเหมือนคนและพูดภาษาคน ที่แท้แล้วส่วนหนึ่งเคยเป็นคนแต่ไม่อยากเป็นคนแล้ว ฟังจากที่พวกเขาพูดกันก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายที่มาเป็นแมว หลายแมวยอมรับแต่โดยดีว่าตัวเองปรับตัวกับสังคมมนุษย์มิได้จริงๆ จึงกลายเป็นแมวเสียดีกว่าและโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ช่วงสุดท้ายที่ภพแมวนี้เองที่อยากจะพูดถึงมากที่สุด

ที่แท้แล้วชีวิตของพวกเราทุกวันนี้อยู่ในภพแมวจริงๆ กล่าวคือ เราเติบโต แต่งงาน มีลูก ทำงาน หาเงิน เงินไม่พอใช้ ลูกเมียหรือลูกผัวไม่ได้ดั่งใจ ปู่-ย่า ตา-ยายไม่ได้ดั่งใจ อะไรเหล่านี้ปลงก็มิได้ แก้ไขก็มิได้ ทำใจยอมรับก็มิได้ ทำได้อย่างเดียวคือกลายเป็นแมวไปเสียแล้วก็ไปอยู่ที่ภพแมว ปล่อยอุปสรรคและความไม่ได้ดั่งใจไว้ตรงนั้น

นี่เป็นทักษะชีวิตที่ไม่ดี

ทักษะชีวิตที่ดีกว่าคือ ยืนหยัด ต่อสู้ ไม่ถอยหนี แล้วปรับตัว