เผยแพร่ |
---|
มีความรู้สึก”ร่วม”ในหมู่ผู้อาวุโสโดยเฉพาะที่แสดงตนเป็น”มินเนี่ยน”ตั้งข้อสังเกตต่อการปรากฏขึ้นของ”เยาวชนปลดแอก”ว่าหยาบคาย ก้าวร้าว เสี่ยงต่อการใช้กำลังและความรุนแรง
แต่เมื่อมีความพยายามจัดคนต่างวัย คนต่างรุ่นออกมาอยู่บนเวทีของการถกแถลงเสวนาร่วมกัน
“ภาพ” ที่ออกมาและสร้างความรู้สึกกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะว่าภาพของ”คนรุ่นใหม่” ไม่ว่าจะเป็นน้องฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นน้องมายด์ ไม่ว่าจะเป็นน้องไผ่ กลับสุภาพ นุ่มนวล มากด้วยความอดทนอดกลั้น
ตรงกันข้าม ภาพของลุงไพบูลย์ ภาพของลุงสิระ ภาพของป้าปารีณา ภาพของป้าอุ๊ กลับกระโชกโฮกฮาก ข่มขู่ คุกคามและถึงกับดุด่าว่ากล่าวทั้งโดยตรงและไม่อ้อมค้อม
ความรุนแรงมิได้อยู่ที่น้องไผ่ หากแต่อยู่ที่ป้าอุ๊ ความหยาบกร้าวมิได้อยู่ที่น้องมายด์ หากแต่อยู่ที่ป้าปารีณา
ยิ่งเห็นการอาละวาดของ”เสื้อเหลือง” ยิ่งสร้างความหวาดเสียวให้บังเกิดในสังคม
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของคุณพี่เสื้อเหลืองอันเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของคุรพี่เสื้อเหลือง แห่งจังหวัดนครศรีธรรมราช
ท่าทีที่เรียงแถวกันเข้าหาเด็กๆ มิได้เป็นท่าทีของผู้ใหญ่อันเปี่ยม ด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ
ตรงกันข้าม ต้องการเห็นความรุนแรง ความก้าวร้าว
ใครที่ติดตามบทบาทของคุณพี่เสื้อเหลืองแห่งนครศรีธรรมราชที่ตรูกันล้อมรถยนต์ซึ่งเข้าใจว่ามี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งอยู่ข้างในนั้นก็ต้องยอมรับในความดุดัน
เป็นความดุดันที่โกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน เป็นความดุดันที่ไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันแม้แต่วินาทีเดียว เป็นความดุดันที่อาจทำร้ายมากกว่าต้องการให้บาดเจ็บ
ภาพแห่งสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2519 เด่นชัด ภาพแห่งสถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 เด่นชัด
เมื่อภาพจากเดือนตุลาคม 2519 หวนมา เมื่อภาพจากเดือนพฤษภาคม 2553 หวนมา เสียงเน้นย้ำที่ว่าสังคมไทยเป็นสังคมพุทธจึงขัดกับความเป็นจริงอันน่าสยดสยอง
ที่เคยนิยามว่าไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้มจึงน่าสงสัย
น่าสงสัยว่ารอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยความเมตตา ประสานประโยชน์ทางความคิด ทางการเมืองยังคงมีอยู่หรือไม่