ในประเทศ : จากม็อบราษ “ฎร” ถึงม็อบราษ “Porn” (hup) ระวังพลัง “เหงียน”

ความตึงเครียดทางการเมืองตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะม็อบคณะราษฎร ในทางรัฐศาสตร์ ดูเหมือนรัฐบาลอยู่ในฐานะเสียเปรียบแล้วในทางการเมือง เพราะไม่สามารถครองความคิดจิตใจคนได้ ทุกวันนี้เหลือแค่ใช้คดีความจับกุม

ท่ามกลางความไม่พอใจทางการเมืองที่ไม่ได้ลดน้อยลง รัฐบาลกลับดำเนินการทางนโยบายที่ถูกตั้งคำถาม “พลาดครั้งใหญ่” อีกหรือไม่ ด้วยการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ใช้วิธีการทางกฎหมายในการปิดเว็บ Pornhub เว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ชื่อดัง

เริ่มขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พฤศจิกายน เมื่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมากโพสต์ตรงกันว่าไม่สามารถเข้าชมเว็บไซต์ดังกล่าวได้ ขึ้นข้อความว่า “เนื้อหานี้ถูกระงับ เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม”

กระแสต่อต้านก็เกิดขึ้นทันที มีการติดแฮชแท็กรณรงค์ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็น #เซฟพอร์นฮับ #หยุดจ๊วบจ๊าบพรฮับ จนขึ้นเป็นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับต้นของประเทศ

 

ผู้สื่อข่าวรีบสอบถามนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ยอมเปิดเผยว่า กระทรวงดำเนินการให้ปิดเว็บดังกล่าวจริง อ้างว่าเพราะมีผู้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง จึงดำเนินการทางกฎหมายให้ระงับการเข้าถึง

“ต้องยอมรับว่ากฎหมายไทยเป็นแบบนี้ กระทรวงจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด จึงอยากขอความเห็นใจ จะไม่ให้ดำเนินการคงไม่ได้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นจุดชนวนให้คนไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้น เพราะเรื่องร้องเรียนก็มาจากประชาชนเอง โดยเฉพาะบรรดาผู้ปกครอง ยืนยันการดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการก้าวก่ายสิทธิของใคร” นายพุทธิพงษ์กล่าว

มีความเห็นจากนักการเมืองรวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ที่กล่าวยอมรับว่าเว็บดังกล่าวมีข้อบกพร่องจริงในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็มีนักแสดงจำนวนหนึ่งใช้อาชีพนี้ในการดำรงชีพด้วยความสมัครใจ

นายสมบัติมองว่า ที่จริงรัฐไทยนิ่งเฉยต่อปัญหานี้มานาน แต่ทำไมจู่ๆ ถึงเร่งมาปิดเว็บดังกล่าวในช่วงเวลานี้ อาจเป็นไปได้ว่ารัฐไทยมองว่าบางคลิปที่มีปัญหา ซึ่งก็ควรจะเลือกปิดเฉพาะลิงก์นั้น ยิ่งทำแบบนี้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตและสำนักข่าวต่างประเทศจำนวนมากยิ่งสงสัยในสาเหตุ ยิ่งไปขุดค้น

“มันโคตรไม่เข้ากันกับข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศศีลธรรมชั้นสูง เพราะทั่วโลกรู้จักพัทยา ป่าตอง และโชว์ยิงลูกดอก และโชว์เปิดขวดเบียร์เป็นอย่างดี ทุกคนจะตั้งคำถาม แล้วจะไปเจอสิ่งที่รัฐพยายามปกปิดในที่สุด หากให้ผมตั้งชื่อปฏิบัติการโง่แต่ขยันครั้งนี้ ผมขอเรียกมันว่า ปฏิบัติการ “ชี้เป้า””

นายสมบัติกล่าว

 

ด้านธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเปรียบเทียบว่าประเทศที่แบนหนังโป๊คือประเทศที่แบนความจริง

ธัญวัจน์เริ่มต้นโดยมองว่า หนังโป๊ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาสังคมตามที่หน่วยงานรัฐกล่าวอ้าง ก็ต้องกลับไปมองว่าการร่วมเพศมันคือความจริงของมนุษย์ ที่สังคมต้องเรียนรู้ ยอมรับ รู้เท่าทัน อย่ามองหนังโป๊เป็นเรื่องอนาจารลามกอย่างเดียว มันมีมิติของความบันเทิงและความผ่อนคลายด้วย กรณีความกังวลเรื่องคลิปเด็กเยาวชน ก็ควรไปจัดการที่ต้นเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการจับกุม ติดตาม ลงโทษ เพิ่มโทษ เอาผิดผู้ถ่าย แต่ไม่ใช่การไล่ปิดเว็บ มันเป็นคนละส่วนกัน

เรื่องราวลุกลาม ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวไทยจำนวนหนึ่งนัดรวมตัวกันที่ศูนย์ราชการ ภายในเป็นที่ตั้งของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภาคีนิรนามออกแถลงการณ์ขอทวงคืนเว็บไซต์ดังกล่าว ระบุประชาชนมีสิทธิเลือกในการเสพสื่อ

เช่นเดียวกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่แม้ไม่ได้เข้าร่วมม็อบดังกล่าว

แต่ก็แสดงจุดยืนว่า “เรายินดีที่ประชาชนมีความตื่นตัวในการแสดงออกเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตน เนื่องจากรัฐบาลไม่มีสิทธิใช้อำนาจรัฐปิดกั้นการเข้าถึงสื่อของประชาชน และขอยืนยันว่าสิทธิในการชุมนุมและสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงสื่อทุกประเภท รวมถึงการเข้าถึงสื่อทางเพศควรเป็นเสรีภาพ”

การชุมนุมที่เกิดขึ้น มีคนที่เอาป้ายที่เขียนข้อความต่างๆ มาชู มีการตั้งเวทีปราศรัย ไร้ซึ่งแกนนำ คนที่มาร่วมพูดถึงเรื่องเสรีภาพทางเพศเป็นหลัก ไล่เรียงตั้งแต่ คสช.เข้ามาก็มีการปิดกั้นเว็บไซต์จำนวนมาก หลายคนเปรียบเทียบกับข่าวล่าสุด เช่น การดูรูปโป๊ของ ส.ส.พรรครัฐบาลในสภา

ต้องไม่ลืมว่า เว็บดังกล่าวคือเว็บไซต์ดังระดับโลก หากดูจากแผนที่ประเทศที่ระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว เราจะพบประเทศที่จำกัดการเข้าถึงเว็บประเภทดังกล่าวคือประเทศที่มีการปกครองในลักษณะการใช้อำนาจแบบอำนาจนิยม

ขณะที่ประเทศเสรีประชาธิปไตยไม่มีการบล๊อกการเข้าถึง

 

ที่เป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย เพราะ Pornhub เพิ่งเปิดเผยสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ประจำปี พบว่ากรุงเทพฯ ของเรานั้นติดระดับ topten ของโลก ในฐานะเมืองที่เข้าดูมากที่สุด โดยใช้เวลาเฉลี่ยในการดูมากถึง 11 นาที ยาวนานระดับต้นของโลก จากระดับโลกเฉลี่ยที่ 10 นาที เหนือกว่าเนเธอร์แลนด์ สหรัฐและแคนาดา

มากกว่านั้น สิ่งที่รัฐไม่เข้าใจคือ การสั่งให้ลบข้อมูล อาจจะทำได้บ้างในบางแพลตฟอร์มหรือบางเว็บไซต์ แต่การบล๊อกเว็บไซต์มันเป็นเรื่องที่แทบจะทำไม่ได้จริงแล้วในยุคปัจจุบัน มันมีช่องทางในการหลบเลี่ยงอีกจำนวนมาก ที่สามารถทำให้เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้รับการแชร์อย่างมากในหมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวไทย

นั่นหมายความว่า การระงับการเข้าถึง เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ยิ่งการหวังว่าจะไม่ให้เยาวชนเข้าถึง ยิ่งคิดพลาดไปใหญ่ คนรุ่นใหม่ที่โตมาในยุคอินเตอร์เน็ตต่างหากที่รู้วิธีการค้นหาและช่องทางการเข้าถึงได้ดีกว่าผู้ใหญ่ด้วย

หากเรามองด้วยสายตาของสังคมที่พัฒนาแล้ว เว็บไซต์โป๊มันไม่ใช่การดูเพื่อก่ออาชญากรรม แต่มันคือการดูเพื่อผ่อนคลาย ความบันเทิง เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกได้ เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีวิจารณญาณในการใช้เหตุผล หากทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ถูกจับ นี่คือสังคมที่มองว่าเรื่องเพศคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

แต่สิ่งที่เราได้รับฟังจากระบบการเรียนการสอน การกล่อมเกลาทางสังคมแบบไทย ซึ่งมองเรื่องเพศในด้านลบ ต้องถูกจำกัดควบคุม ถูกพูดถึงให้น้อยที่สุด จึงมองหนังโป๊ในแง่ลบ และทำความเข้าใจว่านั่นคือต้นเหตุของอาชญากรรม ความประพฤติไม่ดีในสังคม

 

หากมองด้วยสายตาของกรอบคิดแบบนี้ สุดท้ายก็นำไปสู่การไล่ปิดเว็บไซต์ดังกล่าว โดยไม่สนใจเลยว่ามันมีช่องทางในการเข้าถึงที่พัฒนาไปไกลกว่าระบบการบล๊อกเว็บไซต์แล้ว

ไม่เชื่อรัฐบาลลองไปอ่านคอมเมนต์ในสำนักข่าวต่างประเทศ ก็จะได้รู้ว่าคนทั่วโลกเขาหัวเราะรัฐบาลไทยขนาดไหน กลายเป็นมีมไปแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวรอยเตอร์ส ที่ทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บปวดว่า “ไทยแลนด์คือดินแดนของการเซ็นเซอร์สื่อดิจิตอล ด้วยพลังของฝ่ายอนุรักษนิยมที่พยายามจะควบคุมสิ่งที่คนรุ่นใหม่สามารถที่จะรับชม พูดและเห็นได้ในโลกออนไลน์”

ยังมีสำนักข่าว CNN ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา, South China morning post สื่อใหญ่จากฮ่องกง, Dailymail และ Independent สื่อใหญ่จากอังกฤษ Channel News Asia สื่อใหญ่จากสิงคโปร์ แม้แต่ The Diplomat เว็บนิตยสารการต่างประเทศดัง ปกติจะลงบทวิเคราะห์ด้านต่างประเทศที่ได้รับความเชื่อถือก็ยังเผยแพร่ข่าวนี้ โดยรวมสำนักข่าวต่างประเทศเหล่านี้ไม่ได้มองการกระทำครั้งนี้เป็นเรื่องปกติเลย

หรือแม้แต่เพจตลกระดับโลกอย่าง 9GAG ที่มีผู้ติดตาม 42 ล้านคน ก็โพสต์ข่าวความโกรธแค้นของชาวไทยจากการถูกปิดเว็บไซต์ดังกล่าว มีคนกดไลก์โพสต์ดังข่าวเกือบแสน คอมเมนต์นับหมื่น แชร์ต่อมากกว่าหมื่นครั้ง

สรุปปฏิบัติการครั้งนี้ได้คำเดียวคือ “ไม่ฉลาด” แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองก็พูดในที่ประชุม ครม.ที่ภูเก็ตว่าจะปิดเว็บไซต์พวกนี้ต้องดูให้รอบคอบ อย่าให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือไม่ทันแล้ว คนทั่วบ้านทั่วเมือง (น่าจะทั่วโลก) จดจำไปแล้วว่ารัฐบาลนี้ปิดหูปิดตา ระงับการเข้าถึงแม้แต่ Pornhub

เว็บที่เหล่าคุณเหงียน หรือ “เสียงเงียบ” เป็นแฟนอยู่คับคั่ง และคงมีปฏิกิริยาด้านไม่บวกต่อรัฐบาลเพิ่มแน่ๆ!!