วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / เกาทัณฑ์เหล็ก ของ หลินซูห์ (69)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

เกาทัณฑ์เหล็ก ของ หลินซูห์ (69)

 

ระหว่างเซียวจิ่งเหยียนกับเหมยฉางซูมีความสัมพันธ์ทั้งในเรื่องการงาน การวางกลยุทธ์ ขณะเดียวกันในท่ามกลางความสัมพันธ์ก็มีปัญหาในทาง “ส่วนตัว” เข้ามาเฉียดกรายอย่างละเอียดอ่อน

ขอให้ตามไปดูการวางแผนในเรื่อง “งาน ” ก่อน

“หวังว่าองค์ชายจะอาศัยโอกาสการสอบสวนคดีครั้งนี้ หนึ่ง คบหา สอง เลื่อนชั้น นอกจากนั้น ยังต้องเปิดโอกาสให้พวกเขาสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในสายพระเนตรขององค์จักรพรรดิ

คนพวกนี้มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว พวกเขาย่อมสำนึกได้เองโดยที่เราไม่จำเป็นต้องแสดงออก”

“โอกาสของเสิ่นจุยก็นับว่ายากเย็นแล้ว แล้ว 3 กรมนั้นหรือยังจะมีตำแหน่งว่างได้ง่ายๆ” เพิ่งถามได้ประโยคหนึ่งพลันนึกขึ้นได้ ต้นเหตุเสนาบดีโหลวจื้อจิงถูกถอนรากถอนโคน ต้นเหตุมาจากการซื้อบ้าน

พริบตาห้วงสมองก็กระจ่างสว่างโพลงขึ้นโดยบัดดล

“ในเวลาอันสั้นคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น องค์ชายสงบใจจัดการคดีรุกล้ำที่ดินให้เสร็จสิ้นก่อน รอให้ผ่านงานฉลองปีใหม่ กระหม่อมค่อยเชิญเหอจิ้งจงกับฉีหมิ่นและเจ้านายพวกเขาร่วมแสดงละครฉากใหม่”

แววตาเหมยฉางซูสาดประกายอำมหิตขึ้นมาวูบหนึ่ง

 

เพียงคำพูดสุดแสนจะเรียบง่ายประโยคเดียว แต่เพราะกล่าวออกจากปากของเหมยฉางซู ปานประหนึ่งพลังลมมหาศาล ผู้ใดย่อมไม่อาจแคลงคลางกังขาโดยง่าย

จิ้งหวังนิ่งมองบัณฑิตผู้สุภาพเยือกเย็นที่อยู่ตรงหน้า

นึกถึงมรสุมอันโหมกระพือทั้งในที่ลับ ทั้งในที่แจ้ง หลังจากคนผู้นี้เข้าเมืองหลวงมาก็อดรู้สึกสะทกสะท้านใจมิได้ ไม่ทราบว่าบุรุษเหมยบูรพานทีซึ่งกอปรด้วยภูมิปัญญาเหนือคนท่านนี้

ไฉนจึงเลือกเข้าข้างตนด้วยปณิธานที่แน่วแน่ปานนี้

ใช่เป็นดังที่เขากล่าวจริงหรือไม่ สนับสนุนองค์ชายหนึ่งซึ่งไม่เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ สามารถทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนมากขึ้น สามารถทำให้สถานะที่เป็นอยู่มั่นคงสูงส่งขึ้น

ในห้วงแห่งความครุ่นคิดแยกจำแนกนั้นเองได้บังเกิด “ปรากฏการณ์” หนึ่งขึ้น

เพราะรู้สึก 2 เท้าเริ่มแข็งตึงเนื่องจากนั่งมานาน เหมยฉางซูจึงลุกขึ้นยืดเส้นสายไปถึงริมหน้าต่างด้านตะวันตกแล้วเอื้อมมือขึ้นไปหมายสัมผัสเกาทัณฑ์เหล็กสีแดงเข้มซึ่งแขวนอยู่บนผนังกำแพง

“ห้ามแตะต้อง” จิ้งหวังตวาด

 

เสียงตวาดที่ดังก้องส่งผลให้เหมยฉางซูชะงักกึก นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ หมดมือกลับมา ปากพึมพำเบาๆ โดยมิได้หันหน้า

“ขออภัย”

จิ้งหวังรู้สึกตัวเองเสียมารยาทเช่นกัน พึมพำอธิบายว่า “นั่นเป็นเกาทัณฑ์ของสหาย ตอนเขายังมีชีวิต…ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าแตะต้องสิ่งของของเขา…”

เหมยฉางซูผงกศีรษะเหมือนกับเป็นการยอมรับ

สีหน้าเฉยเมยไม่เพิ่มเติมความเห็นใด เพียงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ ชั่วอึดใจถัดมาก็โพล่งคำอำลาขึ้น

จิ้งหวังเข้าใจว่าเขาขุ่นเคืองที่ตนไม่อนุญาตให้แตะต้องเกาทัณฑ์นั้น

ในใจอดรู้สึกละอายมิได้ แต่จะให้ขอโทษนั้นกลับเป็นไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น เกาทัณฑ์เหล็กของหลินซูห์ก็ไม่อาจให้ผู้ใดลูบคลำตามอำเภอใจจริงๆ

ยามนั้นได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ผุดลุกขึ้นเดินออกมาส่ง

 

นี่ย่อมเป็นสถานการณ์อย่างที่สำนวนยุทธนิยายกำลังภายในชมชอบในการสรุปอย่างรวบรัดออกมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของจิ้งหวัง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของเหมยฉางซู

นั่นคือสถานการณ์ที่มิอาจหัวร่อ นั่นคือสถานการณ์ที่มิอาจร่ำไห้

เราท่านที่ติดตามเรื่องของจิ้งหวังย่อมรู้ความรักความผูกพันอย่างลึกซึ้งที่จิ้งหวังมีต่อหลินซูห์ตั้งแต่เยาว์วัย เพราะทั้ง 2 เติบโตมาด้วยกัน ผูกพันกันแนบแน่น

ไม่แนบแน่นไฉนเกาทัณฑ์เหล็กอันเป็นของรักของหวงจะอยู่ในวังของจิ้งหวังเล่า

ขณะเดียวกัน เราท่านที่รับรู้ว่าเหมยฉางซูโดยแท้จริงแล้วก็คืออีกโฉมหน้าหนึ่งของหลินซูห์ที่ออกปฏิบัติการเพื่อพลิกสถานการณ์ทางการเมืองในราชสำนัก

ก็รู้เป็นอย่างดีว่าเหมยฉางซูอึดอัดและกระอักกระอ่วนเพียงใด