การออกมาเปิดโปงไปยัง”มาสเตอร์มายด์”ที่แฝงอยู่เบื้องหลังการเกิด ขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก”เมื่อเดือนกรกฎาคม กระทั่งพัฒนาและยกระดับมาเป็น”คณะราษฎร 2563”ในเดือนตุลาคม

​ไม่ว่าจะมาจาก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ไม่ว่าจะมาจาก นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย

​ให้น้ำหนักว่า “เยาวชนปลดแอก” ก็ดี “คณะราษฎร 2563”ก็ดีไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจาก”ต่างประเทศ” หากแต่ยังมี”นักการเมือง”บางคนบางกลุ่มบงการอยู่ข้างหลัง

​เป็นการบงการโดยการใช้”เทคโนโลยี”ในการชี้นำ ไม่เพียงแต่ในแต่ละจังหวะก้าวของการเคลื่อนไหว หากแม้กระทั่งในการกล่าวคำปราศรัยบนเวที

​ตัวอย่างที่พวกเขายกขึ้นมาระบุทั้งเมื่ออภิปรายอยู่ในที่ประชุมรัฐสภา ทั้งเมื่อขึ้นเวทีในการร่วมดีเบต เป็นตัวอย่างจากที่บรรดาเด็ก เหล่านั้นมักจะมี”สมาร์ทโฟน”ติดตัวอยู่ตลอดเวลา

​เสมือนกับว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา เป็นการบงการโดยผ่าน”สมาร์ทโฟน”อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งๆที่รัฐบาลก็ดี พรรคพลังประชารัฐก็ดี มีความเชื่อตั้งแต่ต้นว่าการ เคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา มิได้เป็นไปด้วยสำนึกและความรู้ของตนเอง หากแต่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

​หลายคนสามารถเอ่ยถึงชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร ชื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชื่อของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

​แต่ที่น่าประหลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ จากเดือนกรกฎาคม สิงหา คม กันยายน ตุลาคม กระทั่งเดือนพฤศจิกายน บรรดาผู้ที่กล่าวหาก็ ยังไม่สามารถมี”หลักฐาน”ในเชิงประจักษ์อยู่ในมือ

​ทั้งๆที่เป็นผู้กุมกลไกอำนาจรัฐ ไม่ว่าเครือข่ายการข่าว ตำรวจ ทหารและพลเรือนล้วนมีอยู่ในมือ พร้อมอุปกรณ์ทันสมัย พร้อมงบประมาณจำนวนมหาศาล

​แต่ทุกอย่างก็เป็นการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน

​ไม่สามารถโยงไปยังแต่ละ”ท่อน้ำเลี้ยง”ว่าไหลมาอย่างไร ไม่สามารถจับ”กองบัญชาการ”ได้ว่าฝังตัวอยู่ ณ ที่ใด

 

ในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทั้งนายกรัฐมนตรี เป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร

​แต่ก็ไม่สามารถระบุอะไรได้นอกจาก”ข้อกล่าวหา”เลื่อนลอยและดำเนินไปด้วยความว่างเปล่า