การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ อนิจจาตัวกูผู้ทรามโฉด

บทกวีเก่าใหม่ไหลผ่านหัว

ดีกับชั่วเกี่ยวฟั่นประจันหน้า

ครั้นเสร็จสมนมหย่อนอ่อนฟ่ามมา

ก็พบว่าตัวตกนรกแล้ว…

 

ทันใด…

หวนเรื่องพิมพิลาไลยกับพลายแก้ว

หลายปรากฏบทกลอนสะท้อนแนว

ดังแจ่มแจ๋วในหูพรั่งพรูมา…

 

[อั

นมนุษย์แสนสุดที่โลภเหลือ (1)

ไม่ควรเชื่อตามความปรารถนา

เหมือนของกินสิ้นไปทุกเวลา

จะต้องหาเปรี้ยวเหลือมาเจือจาน

 

ทั้งต้มแกงแต่งเจียวแป้งจี่

เซ้าซี้สารพันทั้งมันหวาน

เลือกดิบเลือกสุกทุกประการ

ถ้าซ้ำสิ่งใดนานก็เบื่อไป

 

คิดดูเถิดหนาเจ้าแต่เท่านั้น

ยังไม่กลั้นกลืนเคี้ยวสิ่งเดียวได้

ประเพณีเป็นที่กำเริบใจ

แต่ใหม่ใหม่มุ่งมอบชีวิตกัน

 

อุประมาเหมือนผ้าที่นุ่งห่ม

ซื้อใหม่ก็นิยมว่าเฉิดฉัน

ครั้นขัดสนจนมาสารพัน

ผืนนั้นนุ่งซ้ำประจำกาย

 

ครั้นผ้าอื่นใหม่เข้ามาผลัด

ก็เหยาะหยัดซัดกรุยทำฉุยฉาย

เป็นสองผืนชื่นจิตคิดสบาย

นุ่งห่มกรุยกรายทุกเวลา

 

ก็เหมือนกันกับหมายไม่วายรัก

ที่เก่าก่อนแล้วซักประเชินหน้า

ลงประชินแล้วก็เมินทุกเวลา

ลงเป็นผ้าชุบอาบไม่เอื้อเฟื้อ

 

แต่ซักซักฟาดฟากจนขาดวิ่น

จนเป็นชิ้นเช็ดใช้ไม่หลอเหลือ

ใครจะเย็บตะเข็บขาดมาพาดเพือ

ให้เป็นเนื้อเดิมได้เหมือนก่อนมา

 

เหมือนหญิงชายว่าจะตายด้วยกันได้

จะเห็นใจหรือว่าจางไปข้างหน้า…]

 

บทกวีรี่ไหลเหมือนไฟมา

สุมรุมว่าสำทับให้อับอาย

 

[…โอ้แม่แก้วแววตาของพี่เอ๋ย

กระไรเลยด่วนขับเสียง่ายง่าย

พี่รักพิมปิ้มชีวีจะวอดวาย

ได้รอดตายเพราะมาพบประสบน้อง

 

กลับไปกว่าจะได้มาขอสู่

ยังไม่รู้แจ้งอารมณ์ประสมสอง

เกลือกว่าท่านมารดาไม่ปรองดอง

ยิ่งไกลน้องเห็นไม่ยืดจะจืดจาง

 

แม่งามปลื้มน้องจะลืมลงทุกวัน

สารพันรวนเรจะเหห่าง

ถึงประสบพบกันที่กลางทาง

คงระคางไปไม่เหมือนที่ก่อนมา

 

ถ้ามั่นคงลงใจว่ารักแก้ว

แท้จริงแล้วอย่ารวนเรเสน่หา

ขอฝากดวงจิตกับเจ้าจงเมตตา

แต่ครั้งคราเดียวเถิดอย่าถือใจ

 

ซึ่งเจ้าเปรียบเทียบคิดจิตมนุษย์

หาสิ้นสุดคนโลภที่หลงใหล

เหมือนของกินหารู้สิ้นไปเมื่อไร

เป็นวิไสยกำเนิดของผู้คน

 

นั่นหน่อยนี่หน่อยอร่อยรส

ยามปรากฏเข้ากับแกงแรงเป็นต้น

ดุจความเสน่หาจุลาจล

เกิดร้อนรนก็เพราะรักหนักฤทัย

 

เหมือนผ้าเก่าเศร้าชุดพิรุดนัก

จะซ้ำซักเสียให้ขาดหาควรไม่…]

แล้วขณะอ้อนคำร่ำพิไร

ลับหลังไปห้องอื่นก็ขืนคำ

 

[…ว่าพลางทางเป่าลมละลวย

พี่สายทองจงช่วยอุปถัมภ์

เปรี้ยวปากหรือกินหมากเสียสักคำ

เสกซ้ำส่งไปด้วยทันที

 

สายทองรับหมากใส่ปากเคี้ยว

กระสันเสียวสยองพองเกษี

ความรักเร็วแล่นแสนทวี

เมื่อกระนี้แล้วมาตกให้สายทอง

 

อีคนจนสำหรับทนแต่ฝ่ายทุกข์

ความสนุกแล้วก็เงียบอยู่ในห้อง

ตัวข้าอุประมาเหมือนใบตอง

ประคองห่อหุ้มขนมไว้

 

แก้สาดเสียสิ้นกินแต่ของ

อันใบตองหาปรารถนาไม่….]

แทนที่จะได้คิดสะกิดใจ

แก้วแววไวลอบเข้ารุกเร้านาง

 

[…จูบแก้มแนมนมขยำยั้ง

เต้าตั้งเต่งโตอะหล่างฉ่าง

เอนเอียงเคียงสอดกอดนาง

เป่ามนต์พลางลูบหลังให้ลานใจ]

 

แล้วหวนกลับรำพึงถึงพิมรัก

[…ไม่ชังนักดอกหานึกเช่นนั้นไม่

รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบดวงใจ]

ยิ่งท่องไปใจแย้งย้อนสะท้อนร้าว

 

อันตัวกูอยู่เรือนเหมือนนั่งขี้

แสนบัดสีมัวมนจนเกินกล่าว

พฤติกรรมทำชั่วจนตัวคาว

ยังพร่างพราวอยู่ในบางสายตา

 

คราวได้อยากปากลิ้นแทบกินเกลี้ยง

อิ่มพอเพียงทุบบ้านรื้อคานฝ้า

คิดตลบจบจับก็รับมา

เป็นผักปลานอนแบแค่รอคัด

 

อนิจจาตัวกูผู้เปื้อนเปียก

ถ้าจะเรียกต่อหน้าว่าเช่นสัตว์

ก็คงเกินพลิกแพลงตะแบงลัด

ความเลวชัดระยำเห็นตำตา

 

อนิจจาตัวกูผู้ทรามโฉด

แล้วจะโทษผู้ใดไปเบื้องหน้า

หากต้องจรร่อนเร่, เทวดา

สิ้นรักษาคงต้องสนองรับ

——————————————————————————————————
(1) จากเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ฉบับวัดเกาะ