ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
ทดสอบสารพัดรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งแบรนด์หรู-ราคาถูกมาครบ
แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทย จะไม่เปรี้ยงอย่างที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ แต่ถือว่ามาเรื่อยๆ บวกกับค่ายรถต่างๆ ทั้งแบรนด์หรู และแบรนด์ราคาประหยัด ส่งเข้ามาทำตลาดกันพอสมควร พอจะสร้างความคึกคักได้บ้าง
กระทั่งในงาน “ASEAN Sustainable Energy Week 2020” หรือ “ASE 2020” งานแสดงนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน และสิ่งแวดล้อมที่บิ๊กเบิ้มที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองไทย
ค่ายรถจึงรวมตัวกันเชิญสื่อมวลชนมาร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ในสนามทดสอบขนาดย่อมบังคับโค้งซ้ายขวากึ่งสลาลอม โค้งยาว ขณะที่ทางตรงทำความเร็วความยาวประมาณ 100 เมตร แม้จะไม่ยาวนัก แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีจุดเด่นที่เรียกกำลังออกมาได้ทันที ถือว่าเพียงพอ
ประเดิมกันที่ค่ายรถหรู อาวดี้ “อี-ทรอน” (e-tron) เอสยูวีไฟฟ้า 100% คันใหญ่ที่สุดในการทดสอบ มองภายนอกแทบไม่รู้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ภายในหรูหราตามแบบฉบับรถพรีเมียมฝั่งยุโรป
หัวเกียร์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ แต่ใช้งานง่ายเพียงแค่ดันขึ้น หรือดึงลงเบาๆ ก็เข้าตำแหน่งเดินหน้าและถอยหลัง
ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 266 กิโลวัตต์ หรือ 360 แรงม้า และเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า ในบูสต์โหมด แรงบิดสูงสุด 561 นิวตัน-เมตร และเพิ่มขึ้นเป็น 664 นิวตัน-เมตร ในบูสต์โหมด
ชาร์จเต็มวิ่งได้ระยะทางตามสเป๊ก 400 กิโลเมตรนิดๆ ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ช่วงล่างถุงลมกับบอดี้ขนาดใหญ่กับการขับในพื้นที่กระชับ กำลังมาตามแรงกดคันเร่ง พวงมาลัยคม เข้าโค้ง และสลาลอม หน้าจิก ท้ายแน่น
ถึงทางตรงกดคันเร่งเต็มแรง ระยะทางแค่ 100 เมตร แต่ความเร็วทะลุ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาค่าตัว 5.099 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดอาวดี้ ส่ง “อี-ทรอน” สปอร์ตแบ็กมาเป็นตัวเลือกด้วย
ถัดมากับ “ปอร์เช่ ไทคาน” (Porsche Taycan) มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 680 แรงม้า ในรุ่นเทอร์โบ ส่วนเทอร์โบ เอส ให้กำลังสูงสุด 716 แรงม้า
แบตเตอรี่แบบ Performance Battery ชาร์จเต็มขับได้ยาวกว่า 400 กิโลเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่แบบกระแสตรง (DC) 5 นาที วิ่งได้สูงสุด 100 กิโลเมตร และหากชาร์จแบตเตอรี่ 5-80% ใช้เวลาเพียง 22.5 นาที
ตอบโจทย์เรื่องเวลาในการชาร์จ ที่ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ได้รับความนิยม ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท ไปจนถึง 11.7 ล้านบาท
ภายในสมราคาค่าตัว ทุกอย่างเป็นระบบดิจิตอล สั่งการผ่านหน้าจอสัมผัส การออกแบบยังคงเอกลักษณ์สปอร์ตเรียบหรู
จังหวะออกตัวแรงตามบุคลิกของรถยนต์ไฟฟ้า ตีนต้นจี๊ดจ๊าดสะใจ จังหวะเข้าโค้ง ค่อนข้างคม
ทางตรงกดคันเร่งเน้นๆ ความเร็วทะลุ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในพริบตา
ต่อกันที่ค่าย “จากัวร์” กับ “จากัวร์ ไอ-เพซ” รถสไตล์แฮตช์แบ๊ก 5 ประตู กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิด 696 นิวตัน-เมตร จังหวะสลาลอม และเข้าโค้ง ต้องประคองพวงมาลัยเล็กน้อย ด้วยเพราะน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก
ทางตรง 100 เมตร เรียกความเร็วมาได้เกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค่าตัวเริ่มต้น 5.699 ล้านบาท
“บีเอ็มดับเบิลยู i3s” รุ่นต่อยอดจาก i3 ที่เมื่อปีที่แล้ว ดีไซน์แตกต่างจากบีเอ็มดับเบิลยูอย่างชัดเจนเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์รถยนต์ไฟฟ้า ฝากระโปรงด้านหน้าและด้านหลังสีดำ กันชนหน้ารูปตัว U เส้นหลังคา และเสาเอ สีดำเงา
อารมณ์ขับขยับเข้าไปใกล้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ทำให้ไม่เครียดแม้จะต้องทำความเร็ว ทางตรงกดคันเร่ง ความเร็วมาทันใจ เบรกหยุดได้ดั่งใจ ชาร์จเต็มขับได้ระยะตามสเป๊ก 280 กิโลเมตร
จังหวะเข้าโค้งและสลาลอมทำได้ดีขึ้น เป็นผลมาจากการลดความสูงลงรวมถึงขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น คันเร่งเนียนไม่ต้องระแวงว่าความแรง ความเร็วจะมามากเกินไป เพราะใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ราคาค่าตัว 3.73 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ในงานนี้ไม่ใช่มีแค่รถหรูราคาแพงๆ เท่านั้น แต่รถไฟฟ้าราคาประหยัดมีมาให้ลอง 2 รุ่นด้วยกัน
เริ่มที่รถของคนไทย “ฟอมม์” (Fomm) รุ่น ONE คันเล็กกะทัดรัด เริ่มเห็นบนท้องถนนบ้างแล้ว เพราะส่งมอบไปกว่า 500 คัน
พวงมาลัยดีไซน์เท่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นกัปตันเครื่องบิน แต่ต้องทำความคุ้นชินกันหน่อยเนื่องจากคันเร่งอยู่หลังแป้นพวงมาลัย ตำแหน่งเดียวกับแพดเดิลชิฟต์
ถ้าดึงข้างเดียว จะซ้ายหรือขวาตามถนัด เป็นการขับไปแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่ถ้าดึงทั้งสองด้านพร้อมกัน เป็นการเพิ่มกำลังและความเร็ว
ช่วงแรกการเข้าโค้งอาจไม่คุ้นชินเพราะต้องบังคับพวงมาลัย พร้อมดึงคันเร่งไปในตัว แต่ปรับตัวไม่นานก็สบายมือ
ทางตรงดึงคันเร่งทั้งสองข้างเต็มเหนี่ยว ความเร็วขึ้นไปถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้อยไปหน่อย แต่ก็เพียงพอแล้วกับรูปร่างเท่านี้
ค่าตัวอยู่ที่ 599,000 บาท กับดีไซน์ภายในอัพเกรดให้พรีเมียมมากขึ้น เบาะนั่งหนัง พวงมาลัยหนัง รับประกันแบตเตอรี่ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ชาร์จเต็มวิ่งได้ 166 กิโลเมตร ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นขวัญใจนักเลงรถเล็กหัวเมืองใหญ่หัวใจสีเขียวไปแบบเต็มๆ
ปิดท้ายที่ “ทากาโน่ TTE 500” รถกระบะไฟฟ้าขนาดจิ๋วออกแบบในประเทศญี่ปุ่น แต่มาประกอบในบ้านเรา รับน้ำหนักบรรทุก 300 กิโลกรัม (ไม่รวมคนขับและผู้โดยสาร)
ชาร์จเต็มใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง โดยสามารถเสียบปลั๊กบ้านได้เลยทันที ไม่ต้องติดตั้งวอลล์ชาร์จ
วิ่งได้ระยะทาง 100-120 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคา 458,000 บาท
ห้องโดยสารขนาดเล็ก เล็กจริงๆ มี 2 ที่นั่ง เบาะนั่งปรับไม่ได้ แถมเอนไปข้างหน้า การเข้าโค้ง หรือสลาลอม ยังต้องประคองพวงมาลัยให้กระชับ
อัตราเร่งช่วง 100 เมตร ทำไปได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เบรกเต็มกำลังมีอาการท้ายปัดเล็กน้อย
เพราะเป็นการทดสอบในเวลาสั้นเกินไป จึงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าแต่ละรุ่นเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสจะนำแต่ละรุ่นมาทดสอบกันยาวๆ อีกสักครา…
โปรดอดใจรอ