รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ/Telegram แอพพลิเคชั่นรัสเซีย ยอดฮิตในสถานการณ์ฉุกเฉิน

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

Telegram แอพพลิเคชั่นรัสเซีย

ยอดฮิตในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

จากกรณีที่เพจเยาวชนปลดแอกได้ออกมาประกาศเชิญชวนทุกคนให้เข้ากรุ๊ปในแอพพลิเคชั่นเทเลแกรมของเยาวชนปลดแอก ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่า อาจจะถูกปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจของเยาวชนปลดแอก ทำให้คนจำนวนมากต่างเปิดแอ็กเคาต์เทเลแกรมขึ้นมา และร่วมเข้าไปกดจอยกรุ๊ปจำนวนมาก

หลังจากม็อบเริ่มหันมาใช้แอพพ์ Telegram ไม่นานทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ออกหนังสือถึงเลขาธิการ กสทช. เพื่อขอดำเนินการให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทุกรายระงับการใช้แอพพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อมูลเผยออกมาว่ารัฐบาลอาจไม่สามารถแบนแอพพ์ Telegram ได้

เพราะแม้แต่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดกำเนิดแอพพลิเคชั่น Telegram นี้ พยายามแบนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแต่ไม่ได้ผลและคว้าน้ำเหลวมาตลอด

Telegram ในประเทศรัสเซียถูกใช้งานโดยกลุ่มหัวรุนแรงใช้เป็นเครื่องมือที่กระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วมากทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย มีการบิดเบือนยุยงปลุกปั่น

ขณะที่ทางบริษัทผู้พัฒนา Telegram ปฏิเสธที่จะให้รหัสเข้าสู่ข้อมูลภายในกับภาครัฐ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

 

Telegram คือแชตแอพพลิเคชั่นที่ก่อตั้งและพัฒนาขึ้นโดยสองพี่น้องชาวรัสเซีย ‘นิโคไลและพาเวล ดูรอฟ’ คนเดียวกับผู้ให้กำเนิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย VK หรือที่เรียกกันว่าเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นรัสเซีย

Telegram เกิดขึ้นและให้บริการปี 2013 หรือ 7 ปีที่แล้ว เป็นแชตแอพพลิเคชั่นเข้ารหัสแบบ End-To-End (End-To-End Encryption) ที่โฟกัสความเร็ว ความปลอดภัยของข้อมูล ใช้งานง่าย และสามารถแพร่ข้อมูลถึงคนจำนวนมากๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างใช้งานแบบไม่จำกัดจำนวน

ในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆ จะมีเหมือนกับแชตแอพพลิเคชั่นทั่วๆ ไป เช่น การโทร.ด้วยเสียง, โทร.ด้วยวิดีโอ, การใช้สติ๊กเกอร์และบอต, การทำโพล ฯลฯ Telegram ยังมีฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่าง ‘Secret Chats’ ที่ช่วยให้ทุกบทสนทนากลายเป็นแชตลับสุดยอด

ซึ่งการใช้งาน Secret Chats จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใช้งานทั้งสองฝ่าย (ทั้งผู้ที่เริ่มบทสนทนาและผู้ที่เข้าร่วมแชตลับนั้นๆ (Client-to-Client Encryption)) ซึ่งบทสนทนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแชตลับดังกล่าวจะถูกเข้ารหัส ไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ และไม่สามารถส่งข้อความนั้นๆ ต่อได้

รวมถึงสามารถตั้งเวลาให้ลบข้อมูลตัวเองได้ตลอดเวลา (Self-destruct) อีกด้วย ซึ่งถือเป็นจุดขายที่ทำให้ Telegram ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากผู้ใช้งานทั่วโลกนั่นเอง

 

Telegram เคลมว่าแอพพลิเคชั่นของพวกเขาไม่เหมือนกับ WhatsApp คือการเป็นแชตแอพพลิเคชั่นที่อิงการเชื่อมต่อข้อมูลบนคลาวด์เป็นหลัก นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอพพลิเคชั่นผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ‘ในเวลาเดียวกัน’ ได้อย่างลื่นไหลโดยไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ซึ่งผู้ใช้งานยังสามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ขึ้นคลาวด์ได้สูงสุดมากกว่า 2 GB

นอกจากนี้ Telegram จะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการฟรีตลอด จะไม่มีแพลตฟอร์มที่มีโฆษณาหรือการสมัครใช้บริการในรูปแบบเก็บค่าธรรมเนียม

ทำให้ Telegram จึงถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งานในฮ่องกง เนื่องจากมันถูกใช้งานเป็นแพลตฟอร์มสำหรับกระจายข่าวสารที่เป็นประโยชน์สำหรับการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย

 

ด้านหลักการความปลอดภัย Telegram มีการเข้ารหัสความปลอดภัย End-to-end Encryption แบบ Client-Client โดยผู้รับและผู้ส่งจะสามารถเข้าถึงข้อความได้เท่านั้น ในฟีเจอร์ Secret Chats โดยจะไม่มีเก็บคีย์สำหรับการถอดรหัสข้อมูลไว้บนเซิร์ฟเวอร์

แต่สำหรับฟีเจอร์ Cloud Chats ปกติจะมีการเก็บคีย์สำหรับการถอดรหัสไว้บนเซิร์ฟเวอร์ เพื่อวัตถุประสงค์สำหรับการกู้ข้อมูล Telegram ถือการรักษาข้อมูลของผู้ใช้เป็นสำคัญ ปราศจากการสอดแนมจากบุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่ นายจ้าง หรือผู้โฆษณา เป็นต้น

ด้านการส่งข้อความ Telegram สามารถตั้งเวลาให้ข้อความลบตัวเองโดยอัตโนมัติได้ ใน Secret Chats และสื่อต่างๆ ใน Cloud Chats โดยเวลาจะเริ่มนับตั้งแต่ผู้รับได้รับการแจ้งเตือนบนหน้าจอ และถ้ามีการถ่ายภาพหน้าจอผู้ส่งจะได้รับการแจ้งเตือนด้วย

อีกทั้งผู้ใช้สามารถลบข้อความได้ทั้งของตนเองและฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้

สติ๊กเกอร์สามารถใช้ได้ฟรี และสามารถสร้างสติ๊กเกอร์เองได้

สำหรับการโทร.วิดีโอ โทร.เสียงไม่สามารถทำได้ในกลุ่ม แต่จะสามารถทำได้ในแชตส่วนตัว

ถึงอย่างไรก็ตาม Telegram ก็ไม่ใช่แอพพ์แชตที่มีความปลอดภัยสูงสุด แต่มีหลายจุดที่เราควรต้องระวัง อย่างแรก คือการล็อกอินนั้นจะใช้เบอร์โทร.เป็นพื้นฐาน และส่งรหัสผ่านเป็น OTP เพื่อเข้าใช้งาน ซึ่งถ้าเราโดนดัก OTP ได้ คนอื่นก็เข้าบัญชีของเราได้ แต่เราสามารถทำให้ปลอดภัยมากขึ้นโดยการตั้งรหัสผ่านของตัวเองควบคู่ไปกับ OTP ได้

นอกจากนี้ ที่เราควรปรับคือ เข้าไปในหน้า Settings -> Privacy and Security แล้วปรับในหมวด Phone Number ไม่ให้ผู้ใช้คนอื่นเห็นเบอร์โทร.ของเรา (เพราะค่ามาตรฐาน ทุกคนใน Telegram จะเห็นเบอร์โทร.ของเราได้) พร้อมตั้ง Who Can Find Me By My Number เป็น My Contacts เพื่อให้คนอื่นสามารถหาเราผ่านเบอร์โทร.ได้เฉพาะคนที่อยู่ในคอนแทกต์ของเราเท่านั้น

และที่สำคัญ เราสามารถเปลี่ยนชื่อตัวเองใน Telegram ไม่ให้เจาะจงตัวเรา