โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ /เหรียญหลวงพ่อเอีย 2519 รุ่นฉลองศาลาการเปรียญ วัดบ้านด่าน ปราจีนบุรี

หลวงพ่อเอีย กิตติโก

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ [email protected]

เหรียญหลวงพ่อเอีย 2519

รุ่นฉลองศาลาการเปรียญ

วัดบ้านด่าน ปราจีนบุรี

 

เมื่อสมัย 40-50 ปีก่อน แถบชายแดนไทย-เขมรภาคตะวันออก ไม่มีใครไม่รู้จัก “หลวงพ่อเอีย กิตติโก” วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี พระเกจิชื่อดัง

ได้รับนิมนต์ร่วมปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกมากมาย ทั้งในท้องที่เขตจังหวัดปราจีนบุรีและต่างถิ่น รวมถึงพิธีใหญ่ในกรุงเทพมหานคร

เป็นหนึ่งในศิษย์สายตรงพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ร่ำเรียนวิชาอาคมจนเชี่ยวชาญ มีพลังจิตเข้มขลัง

ที่เป็นสุดยอดปรารถนาของบรรดาศิษย์และนักสะสมนิยมพระเครื่อง ไม่เพียงแต่เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเอีย พ.ศ.2502

ยังมีอีกเหรียญที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือเหรียญหลวงพ่อเอีย เนื้อทองคำ รุ่นงานฉลองศาลาการเปรียญวัดบ้านด่าน จัดสร้างในปี พ.ศ.2519 สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกในวาระฉลองศาลาการเปรียญวัดบ้านด่าน

ลักษณะของเหรียญ เป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีหูห่วง

ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหน้าตรง ด้านบนมีรอยจาร ขอบด้านล่างมีอักษรจารึกว่า “หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน” และตอกโค้ดตัวอะที่สังฆาฏิ

ด้านหลังเหรียญตรงกลางเป็นยันต์ ด้านบนบริเวณขอบ มีตัวอักษรจารึกคำว่า “งานฉลองศาลาการเปรียญวัดบ้านด่าน” ส่วนด้านล่างของเหรียญจารึกว่า “อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ๒๕๑๙”

เป็นอีกวัตถุมงคลที่ได้รับความศรัทธาเชื่อมั่นในพุทธาคม

เหรียญหลวงพ่อเอีย พ.ศ.2519

 

“พระครูสังวรกิตติคุณ” หรือ “หลวงพ่อเอีย” วัดบ้านด่าน ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2448 ที่บ้านด่าน หมู่ 5 ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี บิดา-มารดา ชื่อนายเธียว และนางมา ขยันคิด บิดา-มารดาเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเยาว์

เป็นคนฝักใฝ่ในการศึกษา เรียนหนังสือจบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาบรรพชาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2465 ซึ่งมีอายุได้ 17 ปี

ศึกษาพระปริยัติธรรม ปฏิบัติเคร่งครัด และฝึกสมถกรรมฐาน สืบเนื่องมาจนอายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2468 ที่วัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีพระครูสังวรกิจเป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการอ้วน วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเคน วัดบ้านด่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายา กิตติโก

 

เป็นพระผู้มีพรสวรรค์อันปราดเปรื่อง มุ่งมั่นในการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ แม้ว่าสำนักศึกษาในสมัยนั้นจะหาไม่ได้ง่ายๆ ต้องบุกบั่นเดินทางไปไกลๆ และหาความสะดวกมิได้เลย แต่ท่านก็ไม่ได้ย่อท้อ

ครั้นได้ศึกษาคันถธุระจนเป็นที่เข้าใจดีแล้วก็เดินธุดงค์ไปยังสำนักหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งกฤตยาคมและแพทย์แผนโบราณ จนได้ประกาศนียบัตร

เล่าว่า ท่านได้ศึกษาพุทธาคมกับหลวงปู่ศุขรูปเดียว ในระยะที่เล่าเรียนวิทยาคมด้วยนั้น เห็นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไปๆ มาๆ หาอยู่เสมอเป็นประจำ พร้อมกับ พ.ต.อ.พระกล้ากลางสมร ก็ได้ไปศึกษาวิทยาคมอยู่กับหลวงปู่ศุข

มีจิตใจช่วยเหลือชาวบ้าน ดังนั้น ใครก็ตามที่ประสบความทุกข์ร้อน ไม่ว่าทางกาย อันได้แก่โรคาพยาธิ หรือทางใจ หรือเดือดร้อนอื่นๆ หากหลวงพ่อช่วยได้ท่านก็จะช่วยเหลือโดยไม่รั้งรอ ผู้ที่ไปหาท่านจึงได้รับแต่ความอบอุ่นทั้งกายและใจ ความพร้อมมูลด้วยพรหมวิหาร 4 ของหลวงพ่อ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งสร้างเกียรติประวัติของท่านให้เป็นที่เลื่องลือ

ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ.2482 โดยเสียสละเวลาช่วยเหลือชาวบ้านทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและคุณไสยต่างๆ มีชาวบ้านมาจากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้ามาวัด จนวัดมีสภาพเหมือนโรงพยาบาลย่อมๆ

บางคนที่อาการหนัก จะมาพักอาศัยอยู่ที่วัดนานเป็นเดือน แต่ด้วยเมตตาธรรมจึงให้การดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมกัน

กระทั่งประชาชนขนานนามท่านเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองหน่อไม้ไผ่ตง”

 

ในปี พ.ศ.2501 เป็นเจ้าคณะตำบลเกาะลอย ปกครอง 7 วัด และเป็นพระอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาพระปริยัติธรรม

ในปี พ.ศ.2502 เป็นพระอุปัชฌาย์

ท้ายสุด ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูสังวรกิตติคุณ ในปี พ.ศ.2511

อบรมสั่งสอนทั้งพระภิกษุ-สามเณร ตลอดจนอุบาสก-อุบาสิกาอยู่เนืองนิจ ส่งเสริมเรื่องการศึกษา โดยตั้งสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม และสอนกรรมฐาน

และยังสร้างโรงเรียนประชาบาล ชื่อ “โรงเรียนเกาะลอยกิตติโกอุปถัมภ์”

 

ด้านวัตถุมงคลสร้างไว้มากมายหลายรุ่น ทั้งเหรียญ พระกริ่ง ภาพถ่าย พระผง ผ้ายันต์ ตะกรุด ฯลฯ

สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2521 สิริอายุ 73 ปี พรรษา 52

คำสั่งสุดท้ายของหลวงพ่อเอียได้สั่งแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า

“ขอให้ศิษย์ทุกคนจงทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ใครกระทำแล้วย่อมประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย และที่เคยสอนว่า ความสามัคคีคือกำลังสำคัญทั้งทางโลกและทางธรรม คนเรานี้จะอยู่ในสถานที่ใดๆ ก็ตาม จงทำความเจริญขึ้นให้แก่สถานที่นั้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”