ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 ตุลาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
ผ่านไปแล้ว 4 ปี การเลือกตั้งผู้นำประเทศที่เป็นที่จับตามองมากที่สุด อย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ หรือวันที่ 4 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้มีผลกระทบกับประชาชนในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในหลายๆ แง่ไปทั่วโลก ทั้งประเด็นด้านการเมือง รวมไปถึงเศรษฐกิจที่เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก
ดังนั้น ก่อนที่จะไปติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จึงจำเป็นต้องเข้าใจกติกาพื้นฐานในการเลือกตั้งครั้งนี้กันก่อน
ระบบการเมืองสหรัฐนั้นมีพรรคการเมืองที่ครองพื้นที่ในเวทีการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศอยู่สองพรรคก็คือ หนึ่ง “พรรครีพับลิกัน” พรรคอนุรักษนิยม ซึ่งตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้ก็คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่หวังว่าจะคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐเอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 2
สอง “พรรคเดโมแครต” พรรคการเมืองสายเสรีนิยม ซึ่งมี “โจ ไบเดน” นักการเมืองประสบการณ์สูงที่เคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเวลานานถึง 8 ปี
สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้มีอายุล่วงเลยกว่า 70 ปีไปแล้ว โดย “ทรัมป์” จะมีอายุ 74 ปีหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย
ขณะที่ “ไบเดน” หากได้รับเลือกจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยอายุ 78 ปี
กติกาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐตัดสินกันด้วยคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” (electoral college) เป็นจำนวนคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนจะได้รับในกรณีที่ได้ชัยชนะในแต่ละรัฐของสหรัฐอเมริกา
โดยคะแนนที่ว่านั้นจะมีจำนวนที่คิดมาจากจำนวนประชากรในแต่ละรัฐ เช่น “แคลิฟอร์เนีย” มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอยู่ที่ 55 เสียง “นิวยอร์ก” 29 เสียง รวมถึงไวโอมิ่ง มี 3 เสียง เป็นต้น
โดยผู้สมัครมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งใน 51 รัฐทั่วประเทศที่ต้องแย่งชิงรวมอยู่ที่ 538 เสียง นั่นหมายความว่าผู้ชนะที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือเท่ากับ 270 เสียงขึ้นไป ผู้นั้นก็จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป
ตามกติกานี้ หมายความว่าประชาชนชาวอเมริกันนั้นจะเข้าคูหาเพื่อตัดสินใจเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเพื่อตัดสินชัยชนะในระดับรัฐเท่านั้นเพื่อนำคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” ที่กำหนดไว้ในรัฐของตนไปคำนวณคะแนนเสียงรวมกับรัฐอื่นๆ อีกครั้ง
กติกาการนำคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” ไปคิดคำนวณในทุกรัฐเป็นแบบ “ผู้ชนะได้ทั้งหมด” (winner-take-all) ยกเว้นเพียง 2 รัฐคือ “รัฐเมน” และ “เนบราสกา” เท่านั้น
วิธีการคำนวณคะแนนแบบนี้จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ผู้ได้คะแนนโหวตรวมทั่วประเทศมากกว่าแต่ไม่ชนะคะแนนเสียง “คณะผู้เลือกตั้ง” อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับ “ฮิลลารี่ คลินตัน” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่พ่ายแพ้ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” แม้จะมีคะแนนเสียงรวมมากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ หลายล้านเสียงก็ตาม
สิ่งที่ต้องจับตามองและจะเป็น “จุดตัดสินแพ้-ชนะ” ที่สำคัญก็คือ ในรัฐที่ผู้ติดตามการเมืองสหรัฐเรียกกันว่า “สะวิงสเตตส์” จำนวน 10 กว่ารัฐ ที่มีเสียงสนับสนุนของทั้งสองพรรคสูสีกันอย่างมากจนไม่สามารถคาดเดาผลได้ ขณะที่อีกเกือบ 40 รัฐอื่นๆ นั้นมีฐานเสียงของแต่ละรัฐที่ทำนายผลการเลือกตั้งได้ค่อนข้างแน่นอน
สำหรับผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต้องเป็นพลเมืองชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ในหลายๆ รัฐได้มีการออกกฎหมายที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแสดงเอกสารประจำตัวเพื่อยืนยันตัวตนก่อนที่จะได้ลงคะแนนเสียง โดยกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองรีพับลิกันที่ต้องการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ขณะที่เดโมแครตระบุว่า เป็นการปิดทางการลงคะแนนเสียงของกลุ่มคนจน ชาวอเมริกันชนกลุ่มน้อยจำนวนหนึ่งที่ไม่มีเอกสารประจำตัวมาแสดงได้
ขณะที่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ก็เป็นที่ถกเถียงอีกเช่นกัน เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ทำให้นักการเมืองบางส่วนเรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าวิธีการดังกล่าวอาจทำให้เกิดการทุจริตได้
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญก็คือ การเลือกตั้งในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเดียวเท่านั้น แต่ใน “บัตรเลือกตั้ง” ยังมีช่องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” และ “วุฒิสมาชิก” เข้าสู่ “สภาคองเกรส” ด้วยเช่นกัน
สำหรับ “สภาผู้แทนราษฎร” หรือ “สภาล่าง” นั้น “พรรคเดโมแครต” ครองเสียงข้างมากอยู่ในเวลานี้ก็ต้องการที่จะคงเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ ขณะที่ใน “วุฒิสภา” หรือ “สภาสูง” เดโมแครตเองก็ต้องแย่งชิงเก้าอี้ที่ “พรรครีพับลิกัน” เวลานี้ครองเสียงส่วนใหญ่เอาไว้คืนมาให้ได้
เนื่องจากหากสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งในสภาล่างและสภาสูง จะทำให้เดโมแครตสามารถบล๊อก หรือทำให้นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยล่าช้าออกไปได้
โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 ที่นั่งให้แข่งขันกัน และมีที่นั่งสมาชิกวุฒิสภาให้แย่งชิงกันอีก 33 ที่นั่ง
ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยปกติจะรู้ผลในเวลาไม่กี่วัน แต่ผลอย่างไม่เป็นทางการจะชัดเจนในเวลาเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงบ่ายวันที่ 5 พฤศจิกายนตามเวลาประเทศไทย แต่ในปีนี้คาดว่าผลอาจจะต้องใช้เวลาในการนับออกไปอีกเนื่องจากมีการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์เข้ามาเป็นตัวแปรด้วยนั่นเอง
หากโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ ไบเดนจะยังไม่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในทันที แต่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ในปี 2021 เพื่อให้เวลาในการส่งต่อการบริหารงานและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและวางแผนการทำงาน
โดยในวันที่ 20 มกราคมนั้นจะเป็นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ที่จะจัดขึ้นที่ “เดอะแคปปิตอล” อาคารที่ตั้งของสภาคองเกรสสหรัฐ ก่อนมุ่งหน้าสู่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ
เป็นการเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีอย่างเป็นทางการนั่นเอง
โค้งสุดท้ายกับโปรโมชั่นเอาใจคอนิตยสารในเครือมติชน
สมาชิกตลอดปีลดทันที 40%
.
มติชนเอาใจนักท่าน จัดโปรโมชั่นให้กับผู้สมัครนิตยสารในเครือมติชน ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 31 ตุลาคม 2563 ที่ลดราคาพิเศษมากถึง 40% จัดส่งลงทะเบียน ได้แก่
.
📷มติชนสุดสัปดาห์ 52 ฉบับต่อปี
จากราคา 3,692.- เหลือเพียง 2,652.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/wgo32TT](https://cutt.ly/wgo32TT?fbclid=IwAR04elXa3x7sarnLW6XV_rpaz_iBPRjklMsARiSFCmwI8bPV2XvtUFpz9cU)
.
📷ศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับต่อปี รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
จากราคา 1,692.- เหลือเพียง 1,116.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/8go39qV](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2F8go39qV%3Ffbclid%3DIwAR1_bNE5QNkuUrUk6AWV4IErd2yJV8C_KxbMMGSNF8uuBEyv5zeMizXPOxA&h=AT1cca8T767PgQR-dUL9viQ1qaiYSrdmaaW9dZDtCLJMj3kbmKG8yPlD6Lq7C8CP64TXzlRK-G-9iqvTLMMLhaA6c6QR56P1rhwurkRDtYJfHQkxt2EETYa9RXxdrTarfmUX&__tn__=-UK*F)
.
📷เทคโนโลยีชาวบ้าน 24 ฉบับต่อปี รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
จากราคา 1,704.- เหลือเพียง 1,224.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/cgo39D2](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2Fcgo39D2%3Ffbclid%3DIwAR3nl3HmZQY84OGLn5Vc3NCx171_Z1ZOvM6MgJxSO6wx6jpjp-pTJuhTrCE&h=AT0SV643sUGwxQ_ruE9zOfxa3FiVXunxX6fu2is3d9XgyM9wIvdcudrui57szQKMjSRDq-6ZB0YWalSeCg1y9dmeY8GjhXv_WATOMRXhBnZAilZ5EA8W7NfGP7UsZff6tpjG&__tn__=-UK*F)
.
📷สมาชิกนิตยสาร 3 ปกรายปี ประกอบด้วย
– นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์รายปี (52 ฉบับ)
– นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปี (24 ฉบับ)
– นิตยสารศิลปวัฒนธรรมรายปี (12 ฉบับ)
.
จากราคา 7,088.- เหลือเพียง 4,992.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/qgo8uAY](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2Fqgo8uAY%3Ffbclid%3DIwAR3u7VdRS2d10lbrzDE9GIlXmQPQDBPbt8VEyVqPVVLtQcecsnS3D5o-pXU&h=AT2JZSVkP3xc6ZAYXUEhYE5-OoU9GZpqfHNrMZlbESEZ3WC3r6GeJSIBrCREr46o_XiAPxn_c_AMY4bpyY0yFXRWV6PbC9n4yake5awbYZxj8YKhekmyI2uejHsfhhar8Rki&__tn__=-UK*F)
.
.
ดูโปรโมชั่นพ็อกเก็ตบุ้คและนิตยสารต่างๆ ได้ที่ [www.matichonbook.com](https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww.matichonbook.com%2F%3Ffbclid%3DIwAR2Uq1niVpjq0kG5tUTK8MPPt_eU5Sl6MrpFgUOWG3dGqTEJYRidtfPrgms&h=AT2ApMefnkFj0WaHM-IguZ_FsN4TSvnJTkmkPRjmiWsZT8DETR8kRqI19OrJRUy6bNuCqq3tgDXFb1NCojzfwKawg7Cdtx7RmIOWjCMpUTuD0WmrszBFZZFOWjrktJfn40E7&__tn__=-UK*F)
.
ห้ามพลาด
สมัครสมาชิกนิตยสารในเครือมติชน
ลดราคาพิเศษ 40%
ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 31 ตุลาคม 2563