ต่างประเทศ : ปูพื้นฐานก่อนติดตาม การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020

(COMBO) This combination of file photos created on October 15, 2020 shows US President Donald Trump(L) in Washington, DC, on October 14, 2020, and Democratic presidential candidate Joe Biden in Cincinnati, Ohio, on October 12, 2020. - Trump shared a satirical article on October 16, 2020, about Twitter shutting down to slow the spread of negative news on his election rival Biden, apparently unaware that it was a joke. Trump tweeted a link to the tall tale headlined: "Twitter Shuts Down Entire Network To Slow Spread Of Negative Biden News." "Wow, this has never been done in history," Trump tweeted -- correctly, as it turns out, because Twitter had done no such thing. The story Trump shared was from the Babylon Bee, a satirical news site with the motto "Fake news you can trust" clearly visible on its Twitter page. (Photos by SAUL LOEB and JIM WATSON / AFP)

ผ่านไปแล้ว 4 ปี การเลือกตั้งผู้นำประเทศที่เป็นที่จับตามองมากที่สุด อย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ หรือวันที่ 4 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้มีผลกระทบกับประชาชนในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในหลายๆ แง่ไปทั่วโลก ทั้งประเด็นด้านการเมือง รวมไปถึงเศรษฐกิจที่เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก

ดังนั้น ก่อนที่จะไปติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จึงจำเป็นต้องเข้าใจกติกาพื้นฐานในการเลือกตั้งครั้งนี้กันก่อน

 

ระบบการเมืองสหรัฐนั้นมีพรรคการเมืองที่ครองพื้นที่ในเวทีการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศอยู่สองพรรคก็คือ หนึ่ง “พรรครีพับลิกัน” พรรคอนุรักษนิยม ซึ่งตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้ก็คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่หวังว่าจะคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐเอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 2

สอง “พรรคเดโมแครต” พรรคการเมืองสายเสรีนิยม ซึ่งมี “โจ ไบเดน” นักการเมืองประสบการณ์สูงที่เคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเวลานานถึง 8 ปี

สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้มีอายุล่วงเลยกว่า 70 ปีไปแล้ว โดย “ทรัมป์” จะมีอายุ 74 ปีหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

ขณะที่ “ไบเดน” หากได้รับเลือกจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยอายุ 78 ปี

 

กติกาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐตัดสินกันด้วยคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” (electoral college) เป็นจำนวนคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนจะได้รับในกรณีที่ได้ชัยชนะในแต่ละรัฐของสหรัฐอเมริกา

โดยคะแนนที่ว่านั้นจะมีจำนวนที่คิดมาจากจำนวนประชากรในแต่ละรัฐ เช่น “แคลิฟอร์เนีย” มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอยู่ที่ 55 เสียง “นิวยอร์ก” 29 เสียง รวมถึงไวโอมิ่ง มี 3 เสียง เป็นต้น

โดยผู้สมัครมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งใน 51 รัฐทั่วประเทศที่ต้องแย่งชิงรวมอยู่ที่ 538 เสียง นั่นหมายความว่าผู้ชนะที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือเท่ากับ 270 เสียงขึ้นไป ผู้นั้นก็จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป

ตามกติกานี้ หมายความว่าประชาชนชาวอเมริกันนั้นจะเข้าคูหาเพื่อตัดสินใจเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเพื่อตัดสินชัยชนะในระดับรัฐเท่านั้นเพื่อนำคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” ที่กำหนดไว้ในรัฐของตนไปคำนวณคะแนนเสียงรวมกับรัฐอื่นๆ อีกครั้ง

กติกาการนำคะแนน “คณะผู้เลือกตั้ง” ไปคิดคำนวณในทุกรัฐเป็นแบบ “ผู้ชนะได้ทั้งหมด” (winner-take-all) ยกเว้นเพียง 2 รัฐคือ “รัฐเมน” และ “เนบราสกา” เท่านั้น

วิธีการคำนวณคะแนนแบบนี้จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ผู้ได้คะแนนโหวตรวมทั่วประเทศมากกว่าแต่ไม่ชนะคะแนนเสียง “คณะผู้เลือกตั้ง” อย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับ “ฮิลลารี่ คลินตัน” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่พ่ายแพ้ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” แม้จะมีคะแนนเสียงรวมมากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ หลายล้านเสียงก็ตาม

 

สิ่งที่ต้องจับตามองและจะเป็น “จุดตัดสินแพ้-ชนะ” ที่สำคัญก็คือ ในรัฐที่ผู้ติดตามการเมืองสหรัฐเรียกกันว่า “สะวิงสเตตส์” จำนวน 10 กว่ารัฐ ที่มีเสียงสนับสนุนของทั้งสองพรรคสูสีกันอย่างมากจนไม่สามารถคาดเดาผลได้ ขณะที่อีกเกือบ 40 รัฐอื่นๆ นั้นมีฐานเสียงของแต่ละรัฐที่ทำนายผลการเลือกตั้งได้ค่อนข้างแน่นอน

สำหรับผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต้องเป็นพลเมืองชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ในหลายๆ รัฐได้มีการออกกฎหมายที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแสดงเอกสารประจำตัวเพื่อยืนยันตัวตนก่อนที่จะได้ลงคะแนนเสียง โดยกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองรีพับลิกันที่ต้องการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ขณะที่เดโมแครตระบุว่า เป็นการปิดทางการลงคะแนนเสียงของกลุ่มคนจน ชาวอเมริกันชนกลุ่มน้อยจำนวนหนึ่งที่ไม่มีเอกสารประจำตัวมาแสดงได้

ขณะที่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ก็เป็นที่ถกเถียงอีกเช่นกัน เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ทำให้นักการเมืองบางส่วนเรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์

แต่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าวิธีการดังกล่าวอาจทำให้เกิดการทุจริตได้

 

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญก็คือ การเลือกตั้งในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเดียวเท่านั้น แต่ใน “บัตรเลือกตั้ง” ยังมีช่องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” และ “วุฒิสมาชิก” เข้าสู่ “สภาคองเกรส” ด้วยเช่นกัน

สำหรับ “สภาผู้แทนราษฎร” หรือ “สภาล่าง” นั้น “พรรคเดโมแครต” ครองเสียงข้างมากอยู่ในเวลานี้ก็ต้องการที่จะคงเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ ขณะที่ใน “วุฒิสภา” หรือ “สภาสูง” เดโมแครตเองก็ต้องแย่งชิงเก้าอี้ที่ “พรรครีพับลิกัน” เวลานี้ครองเสียงส่วนใหญ่เอาไว้คืนมาให้ได้

เนื่องจากหากสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งในสภาล่างและสภาสูง จะทำให้เดโมแครตสามารถบล๊อก หรือทำให้นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยล่าช้าออกไปได้

โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 ที่นั่งให้แข่งขันกัน และมีที่นั่งสมาชิกวุฒิสภาให้แย่งชิงกันอีก 33 ที่นั่ง

 

ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยปกติจะรู้ผลในเวลาไม่กี่วัน แต่ผลอย่างไม่เป็นทางการจะชัดเจนในเวลาเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงบ่ายวันที่ 5 พฤศจิกายนตามเวลาประเทศไทย แต่ในปีนี้คาดว่าผลอาจจะต้องใช้เวลาในการนับออกไปอีกเนื่องจากมีการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณีย์เข้ามาเป็นตัวแปรด้วยนั่นเอง

หากโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ ไบเดนจะยังไม่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในทันที แต่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ในปี 2021 เพื่อให้เวลาในการส่งต่อการบริหารงานและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและวางแผนการทำงาน

โดยในวันที่ 20 มกราคมนั้นจะเป็นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ที่จะจัดขึ้นที่ “เดอะแคปปิตอล” อาคารที่ตั้งของสภาคองเกรสสหรัฐ ก่อนมุ่งหน้าสู่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ

เป็นการเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีอย่างเป็นทางการนั่นเอง

 


โค้งสุดท้ายกับโปรโมชั่นเอาใจคอนิตยสารในเครือมติชน

สมาชิกตลอดปีลดทันที 40%
.
มติชนเอาใจนักท่าน จัดโปรโมชั่นให้กับผู้สมัครนิตยสารในเครือมติชน ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 31 ตุลาคม 2563 ที่ลดราคาพิเศษมากถึง 40% จัดส่งลงทะเบียน ได้แก่
.
📷มติชนสุดสัปดาห์ 52 ฉบับต่อปี
จากราคา 3,692.- เหลือเพียง 2,652.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/wgo32TT](https://cutt.ly/wgo32TT?fbclid=IwAR04elXa3x7sarnLW6XV_rpaz_iBPRjklMsARiSFCmwI8bPV2XvtUFpz9cU)
.
📷ศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับต่อปี รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
จากราคา 1,692.- เหลือเพียง 1,116.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/8go39qV](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2F8go39qV%3Ffbclid%3DIwAR1_bNE5QNkuUrUk6AWV4IErd2yJV8C_KxbMMGSNF8uuBEyv5zeMizXPOxA&h=AT1cca8T767PgQR-dUL9viQ1qaiYSrdmaaW9dZDtCLJMj3kbmKG8yPlD6Lq7C8CP64TXzlRK-G-9iqvTLMMLhaA6c6QR56P1rhwurkRDtYJfHQkxt2EETYa9RXxdrTarfmUX&__tn__=-UK*F)
.
📷เทคโนโลยีชาวบ้าน 24 ฉบับต่อปี รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
จากราคา 1,704.- เหลือเพียง 1,224.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/cgo39D2](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2Fcgo39D2%3Ffbclid%3DIwAR3nl3HmZQY84OGLn5Vc3NCx171_Z1ZOvM6MgJxSO6wx6jpjp-pTJuhTrCE&h=AT0SV643sUGwxQ_ruE9zOfxa3FiVXunxX6fu2is3d9XgyM9wIvdcudrui57szQKMjSRDq-6ZB0YWalSeCg1y9dmeY8GjhXv_WATOMRXhBnZAilZ5EA8W7NfGP7UsZff6tpjG&__tn__=-UK*F)
.
📷สมาชิกนิตยสาร 3 ปกรายปี ประกอบด้วย
– นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์รายปี (52 ฉบับ)
– นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปี (24 ฉบับ)
– นิตยสารศิลปวัฒนธรรมรายปี (12 ฉบับ)
.
จากราคา 7,088.- เหลือเพียง 4,992.-
*รวมค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน
[https://cutt.ly/qgo8uAY](https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fcutt.ly%2Fqgo8uAY%3Ffbclid%3DIwAR3u7VdRS2d10lbrzDE9GIlXmQPQDBPbt8VEyVqPVVLtQcecsnS3D5o-pXU&h=AT2JZSVkP3xc6ZAYXUEhYE5-OoU9GZpqfHNrMZlbESEZ3WC3r6GeJSIBrCREr46o_XiAPxn_c_AMY4bpyY0yFXRWV6PbC9n4yake5awbYZxj8YKhekmyI2uejHsfhhar8Rki&__tn__=-UK*F)
.
.
ดูโปรโมชั่นพ็อกเก็ตบุ้คและนิตยสารต่างๆ ได้ที่ [www.matichonbook.com](https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww.matichonbook.com%2F%3Ffbclid%3DIwAR2Uq1niVpjq0kG5tUTK8MPPt_eU5Sl6MrpFgUOWG3dGqTEJYRidtfPrgms&h=AT2ApMefnkFj0WaHM-IguZ_FsN4TSvnJTkmkPRjmiWsZT8DETR8kRqI19OrJRUy6bNuCqq3tgDXFb1NCojzfwKawg7Cdtx7RmIOWjCMpUTuD0WmrszBFZZFOWjrktJfn40E7&__tn__=-UK*F)
.
ห้ามพลาด
สมัครสมาชิกนิตยสารในเครือมติชน
ลดราคาพิเศษ 40%
ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน – 31 ตุลาคม 2563