พลิกตำราเก่าๆ ปลุก “ม็อบ” ชน “ม็อบ”

วิชาก้นหีบ

เห็นการสลายการชุมนุมของม็อบคณะราษฎร 2563 ที่สยามสแควร์แล้วนึกถึงหนัง “เกรมลินส์” ของ “สตีเว่น สปีลเบิร์ก” ในอดีต

เจ้า “กิซโม” สัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักในเรื่อง จะมีกฎข้อหนึ่งว่าห้ามให้มันโดนน้ำเด็ดขาด

เพราะถ้าโดนน้ำเมื่อไร มันจะแตกเป็นตัวใหม่ๆ มากมาย

ม็อบนี้ก็เช่นกัน

พอเจอการฉีดน้ำสลายการชุมนุมเข้า

แทนที่เด็กๆ จะกลัวและยุติการชุมนุม

ม็อบกลับขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แค่แจ้งข่าวทางโซเชียลมีเดียล่วงหน้าแป๊บเดียวว่าให้ไปชุมนุมที่ไหน

ม็อบพรึบทันที

ไม่ใช่แค่ใน กทม. แต่ลุกฮือแทบทุกจังหวัด

ที่สำคัญ เป็น “ม็อบ” ที่ไม่มีหัว

ทุกคนคือแกนนำ

“ม็อบมิติใหม่” แบบนี้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่เคยเจอมาก่อน

และเป็น “ม็อบ” ออร์แกนิกอย่างชัดเจน

นักเรียน-นักศึกษาที่เป็นอนาคตของชาติออกมาชุมนุมกันมากมาย

การชุมนุมใช้รูปแบบ “แฟลชม็อบ”

ไม่ยืดเยื้อข้ามคืน

บางครั้งก็หลอกตำรวจว่าจะมี “เซอร์ไพรส์”

แล้วก็ตลบหลัง “เซอร์ไพรส์” คือ กลับไปพัก 1 วัน

เล่นเอาเถิดเจ้าล่อ ทำให้รัฐบาลและตำรวจเป็น “ตัวตลก”

พลิกตำราเก่าๆ ก็ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน

พอไม่รู้จะทำอย่างไรก็ควัก “วิชาก้นหีบ” มาใช้

นั่นคือ ปลุก “ม็อบ” ชน “ม็อบ”

“ม็อบเสื้อเหลือง” ปกป้องสถาบันตามต่างจังหวัด พรึบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลังจาก “ผู้ใหญ่” ของกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือไปถึงหน่วยงานต่างๆ

ปัญหาใหญ่ของ “ม็อบ” แบบนี้คือ ปิดลับไม่ได้

เพราะตามหลักของราชการ

ถ้าไม่มีหนังสือสั่งมา ฝ่ายอื่นๆ ก็ขยับไม่ได้

เช่นเดียวกับครั้งนี้ เอกสารให้หน่วยงานต่างๆ จัดคนมาร่วมชุมนุมถูกนำมาเปิดโปงเกลื่อน “โซเชียลมีเดีย”

รูปแบบการชุมนุมก็เป็นรูปแบบราชการแบบดั้งเดิม

และนัดกันในช่วงเวลาทำงานด้วย

เพราะนอกเวลาราชการ สั่งไม่ได้

ไม่แปลกที่คำว่า “ภาษีกู” จึงดังกระหึ่ม “ทวิตเตอร์” อีกครั้ง

เพราะแทนที่จะทำงานบริการประชาชน

กลับเอาเวลาราชการมาชุมนุม

…ภาษีกู