ช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก คุณหมอขอร้องให้ผู้คนกักตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปนอกบ้าน เดินเพ่นพ่าน ซึ่งจะกลายเป็นพาหะของโรค

สิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจในยามที่ต้องกักตัว คือได้นั่งดูซีรี่ส์เกาหลี/จีน/ญี่ปุ่น ที่มีให้เลือกหลากหลายช่องทางบนแพลตฟอร์มต่างๆ

และมีซีรี่ส์คุณหมอพยาบาลซึ่งแทนค่าคำขอบคุณจากใจในความเสียสละของทุกท่าน

 

Hospital Playlist หรือ Wise Doctor Life โดยผลงานชินวอนโฮผู้กำกับฯ มือทองจาก Reply 1997, Reply 1994, Reply 1988 และล่าสุด Prison Playbook ทำงานร่วมกับนักเขียนคู่บุญอีวูจอง เล่าเรื่องอาจารย์หมอ 5 ท่านในโรงพยาบาลยุลเจ ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ จนได้มาทำงานด้วยกันต่างสาขาในโรงพยาบาลเดียวกัน

ความสัมพันธ์ดีงามยืนยาวกว่า 20 ปี มีโอกาสพบกันได้บ่อยๆ ได้นั่งรถคันเดียวกันเพื่อไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของความสุขในการกินอันน่าทึ่งมาก และร่วมเล่นดนตรีหลังเลิกงานอย่างสนุกมีความสุข

มีพระเอกโจจองซอกได้บทเด่นจากหนังเรื่อง Exit (2020) ที่ยอมลดค่าตัวเพื่อร่วมแสดงเรื่องนี้ รับบทอีอิกจุนคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเป็นศัลยแพทย์ด้านตับ ทางเดินน้ำดีและตับอ่อน

จองคยองโฮจาก Prison Playbook (2017) รับบทคิมจุนวาน ศัลยแพทย์หัวใจ

ยูยอนซอกจาก Reply 1994 (2013), Mr Sunshine (2018) รับบทอันจองวอนกุมารแพทย์ผู้รักเด็กๆ

คิมแดมยองที่โด่งดังจากซีรี่ส์ Misaeng: Incomplete Life (2014) มารับบทยางซอกฮยอน ศัลยแพทย์ด้านสูติ-นรีเวช

และชอนมีโดรับบทสำคัญเป็นแชซงฮวา ศัลยแพทย์ระบบประสาท ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนผู้ชายและเป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน

ชอนมีโดนักแสดงสาวที่โดดจากงานสายละครเวทีมารับซีรี่ส์นี้เป็นเรื่องที่ 2 หลังจากเรื่อง Mother (2018) และในเรื่องนี้เธอขอเป็นนักร้องนำในวงดนตรีซึ่งเพื่อนๆ ส่ายหน้า ด้วยเสียงร้องของเธอซึ่งแสบแก้วหูมาก ทั้งที่ความจริงเธอต้องร้องเพลงละครเวที

ซีรี่ส์ทำให้ตลกน่ารักตอนที่แชซงฮวาไปร้องนำเพลงสวดในโบสถ์ เธอทั้งร้องทั้งเต้นอย่างบ้าพลังราวกับไม่ใช่เพลงสวด

 

คุณหมอสาวและอาจารย์หมอหนุ่มทั้งสี่ เป็นดาวรุ่งและอนาคตอันสดใสของโรงพยาบาลยุลเจ ทุกคนต่างมีความสามารถโดดเด่นในสายงานของตัวเอง เป็นที่ไว้วางใจของคนไข้ เป็นที่รักของลูกน้อง ไม่มีการแย่งชิงเพื่อเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร ซึ่งไม่มีใครอยากเป็น เพราะต้องมีความรับผิดชอบสูงกับความเครียดที่ตามมา

โจจองซอกเรื่องนี้แสดงได้ฮามาก ทั้งเต้นเล่นร้องเพลงและตอนอยู่กับลูกชายอีอูจู (คิมจุน เด็กน้อยน่ารักมาก) เป็นหมออีอิกจุนผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆ เดินเข้า-ออกได้ทุกแผนก รู้เรื่องราวของคนนั้นคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนรักหมอคิมจุนวานแอบจีบน้องสาวตัวเอง

จองคยองโฮแสดงได้ดีขึ้น ในบทที่ดูเข้มงวดแต่มีมุมน่ารัก ยอมเสียสละเพื่อรับผิดชอบงานให้เพื่อนร่วมงาน

ยูยอนซอกเป็นหมออันจองวอนผู้ฝักใฝ่ศาสนา อยากเป็นนักบวช แต่คุณแม่โรซ่า (คิมแฮซุก) ขอร้องและไม่ยินยอม เพราะพี่ชายพี่สาวของหมอเป็นนักบวชกันทุกคน เหลือแค่หมอคนเดียว เป็นหมอเด็กที่ชื่นชมอึเด็กจนเพื่อนร้องยี้

คิมแดมยองเป็นหมอยางซอกฮยอนผู้อบอุ่น รักห่วงใยคุณแม่ยองฮเย (มูนฮีคยอง) มาก กลัวเหงาจึงแนะนำให้คุณแม่ไปเข้ากลุ่มคุณแม่โรซ่ากับผู้อำนวยการจูจองซู (คิมคัปซู) เป็นกลุ่มผู้อาวุโสซึ่งเข้ากันอย่างน่าทึ่ง ราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน ร้องเพลงที่คนรุ่นเดียวกันร้องได้

เป็นการโชว์ฝีมือของนักแสดงอาวุโสทั้งสาม

 

นอกจากเนื้อหาของซีรี่ส์ที่ว่าด้วยเรื่องอาจารย์แพทย์ 5 คนที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน ซีรี่ส์ยังใช้เพลงเป็นตัวเชื่อมโยงเรื่องราวทั้ง 12 ตอนเข้าด้วยกัน

โดยเป็นเพลงที่โด่งดังในยุคที่พวกเขายังเป็นนักศึกษาแพทย์และรวมกลุ่มกันตั้งวงดนตรี ซึ่งเพลงที่ 12 ที่ปล่อยออกมาพร้อมกับตอน (episode) สุดท้ายนี้ เป็นเพลง Me to You, You to Me ของวง Scenery of Riding Bicycle ที่เคยใช้ประกอบภาพยนตร์ The Classic (2003) อีกด้วย เพลงในซีรี่ส์เรื่องนี้ติดชาร์ตเพลงฮิต

เป็นซีรี่ส์ที่ใช้นักแสดงกว่า 100 คน และผู้กำกับฯยังเล่นสนุก โดยมีดารารับเชิญที่เคยร่วมงานในซีรี่ส์ของชินวอนโฮมาเข้าฉากในเรื่องนี้

แม้บทน้อยแต่ก็ช่วยเติมเต็มให้เรื่องราวเดินหน้าอย่างครบรส

 

Hospital Playlist ผู้กำกับฯ ชินวอนโฮต้องการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของคุณหมอและพยาบาลที่ทำงานอย่างมืออาชีพ เป็นงานหนักที่กินอยู่ไม่ตรงเวลา ได้มีวิถีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปที่ต้องการเวลาทำธุระส่วนตัว ด้วยการเติมเต็มเรื่องราวของคนธรรมดา และเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้จริงในทุกๆ วัน

เพราะโรงพยาบาลคือสถานที่ที่จะอยู่ในช่วงสำคัญของชีวิตมนุษย์ทั้งเกิด, แก่, เจ็บ, ตาย เมื่อเกิดชีวิตใหม่ก็ยินดี, เจ็บป่วยมารักษาก็กังวล, หรือถ้ารักษาไม่ได้

ช่วงเวลาที่รอคอยคือความทรมานของญาติพี่น้อง

Hospital Playlist ซีรี่ส์คุณหมอสายฮาแบบอารมณ์ดี ดูแล้วอมยิ้มได้ทั้งวัน ความสนุกมีสาระ

และโปรดติดตามภาคต่อ ปี 2021

(ถ้าอยู่รอดจากโควิด-19)