ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 สิงหาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
มีคนเคยบอกว่า
การทำผิดครั้งแรก ไม่ถือว่า “ผิด” เพราะเราไม่รู้ แต่การทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 นั่นคือ “ความผิด” ที่แท้จริง
รัฐบาล และ คสช. เคยผิดพลาดมาแล้วจากกรณีการระเบิดที่ราชประสงค์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่เกาะสมุย
จากการวินิจฉัยสาเหตุการระเบิดแบบ “จับยามสามตา”
สามารถฟันธงได้ทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดว่าเป็นเรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง”
ไม่ใช่ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และการก่อการร้าย
แต่สุดท้ายผลการสอบสวนชัดเจนว่าระเบิดที่ราชประสงค์มาจากกรณี “อุยกูร์”
และ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุยมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้
ผิดพลาดมา 2 ครั้ง แต่วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม
เหมือนไม่ได้สรุปบทเรียนอะไรเลย
เพราะทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดแบบ “ลูกระนาด” ที่ภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
การจับยามสามตาก็ยังเป็นแบบ “แผ่นเสียงตกร่อง”
ตัดประเด็นเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนใต้แบบทันทีทันใด
และปักธงไปที่เรื่องความไม่พอใจเรื่อง “ประชามติ”
เป็นความขัดแย้งทางการเมือง
แต่สุดท้าย “ความจริง” ก็ไล่ล่า
หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นเรื่องปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
การทำผิดซ้ำแบบเดียวกันเป็นครั้งที่ 2
เขาเรียกว่าเป็น “ความผิด” ที่ “แท้จริง”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดที่สำคัญ 3 ประการ
ประการแรก เป็นปัญหาของหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคง
อย่าลืมว่าระเบิดลูกแรกที่ รปภ. ใจเด็ดเจอที่ภูเก็ต คือวันที่ 10 สิงหาคม
ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ตรังในวันต่อมา
แต่เหตุการณ์ก็บานปลายจนเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้อีกหลายแห่งในวันที่ 11 และ 12 สิงหาคม
โดยไม่มีใครรู้เรื่องเลย
ประการที่สอง หลังการรัฐประหาร ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่ในการควบคุมของกองทัพอย่างเต็มตัว
ไม่มีนักการเมืองเกี่ยวข้องเลย
แต่สถานการณ์วันนี้ดูเหมือนว่าปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น
กลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถชี้นิ้วโทษใครได้เลย
ต้องรับผิดชอบเต็มๆ
ประการที่สาม ความพยายามโยนบาปไปให้ “คนเสื้อแดง” และกวาดจับ “แกนนำ”
รวมถึงความมั่นใจในการจับกุมพนักงานแท่นเจาะน้ำมันในกรณีการเผาโลตัสด้วยเหตุผลว่าเป็น “คนสันกำแพง”
กลายเป็น “รอยร้าวลึก” ในใจที่ยากประสาน
เพราะแสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงในใจของรัฐบาลที่มีต่อคนที่เห็นต่างทางการเมืองอย่างชัดเจน
ถือเป็นความผิดพลาดทางการเมืองของรัฐบาลครั้งสำคัญ
เพราะถ้าคิดแบบนี้
อย่าหวังเลยว่าจะเห็น “ความปรองดอง”