หน้า 8 : เพราะมี “ธง”

มีคนเคยบอกว่า

การทำผิดครั้งแรก ไม่ถือว่า “ผิด” เพราะเราไม่รู้ แต่การทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 นั่นคือ “ความผิด” ที่แท้จริง

รัฐบาล และ คสช. เคยผิดพลาดมาแล้วจากกรณีการระเบิดที่ราชประสงค์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่เกาะสมุย

จากการวินิจฉัยสาเหตุการระเบิดแบบ “จับยามสามตา”

สามารถฟันธงได้ทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดว่าเป็นเรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง”

ไม่ใช่ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

และการก่อการร้าย

แต่สุดท้ายผลการสอบสวนชัดเจนว่าระเบิดที่ราชประสงค์มาจากกรณี “อุยกูร์”

และ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุยมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้

ผิดพลาดมา 2 ครั้ง แต่วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม

เหมือนไม่ได้สรุปบทเรียนอะไรเลย

เพราะทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดแบบ “ลูกระนาด” ที่ภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การจับยามสามตาก็ยังเป็นแบบ “แผ่นเสียงตกร่อง”

ตัดประเด็นเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนใต้แบบทันทีทันใด

และปักธงไปที่เรื่องความไม่พอใจเรื่อง “ประชามติ”

เป็นความขัดแย้งทางการเมือง

แต่สุดท้าย “ความจริง” ก็ไล่ล่า

หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นเรื่องปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้

การทำผิดซ้ำแบบเดียวกันเป็นครั้งที่ 2

เขาเรียกว่าเป็น “ความผิด” ที่ “แท้จริง”

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดที่สำคัญ 3 ประการ

ประการแรก เป็นปัญหาของหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคง

อย่าลืมว่าระเบิดลูกแรกที่ รปภ. ใจเด็ดเจอที่ภูเก็ต คือวันที่ 10 สิงหาคม

ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ตรังในวันต่อมา

แต่เหตุการณ์ก็บานปลายจนเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้อีกหลายแห่งในวันที่ 11 และ 12 สิงหาคม

โดยไม่มีใครรู้เรื่องเลย

ประการที่สอง หลังการรัฐประหาร ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่ในการควบคุมของกองทัพอย่างเต็มตัว

ไม่มีนักการเมืองเกี่ยวข้องเลย

แต่สถานการณ์วันนี้ดูเหมือนว่าปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น

กลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถชี้นิ้วโทษใครได้เลย

ต้องรับผิดชอบเต็มๆ

ประการที่สาม ความพยายามโยนบาปไปให้ “คนเสื้อแดง” และกวาดจับ “แกนนำ”

รวมถึงความมั่นใจในการจับกุมพนักงานแท่นเจาะน้ำมันในกรณีการเผาโลตัสด้วยเหตุผลว่าเป็น “คนสันกำแพง”

กลายเป็น “รอยร้าวลึก” ในใจที่ยากประสาน

เพราะแสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงในใจของรัฐบาลที่มีต่อคนที่เห็นต่างทางการเมืองอย่างชัดเจน

ถือเป็นความผิดพลาดทางการเมืองของรัฐบาลครั้งสำคัญ

เพราะถ้าคิดแบบนี้

อย่าหวังเลยว่าจะเห็น “ความปรองดอง”