ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 ตุลาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งนี้เงียบเหงามากเลยครับ
หลายสำนักพิมพ์ไม่ออกบูธ
พื้นที่ทางเดินจึงกว้างขวาง
วันธรรมดาคนเดินน้อยมาก จนน้องๆ หลายคนบอกว่าตั้งประตูเล่นบอลโกล์หนูกันได้เลย
คาดว่าทุกสำนักพิมพ์คงเจ็บตัวไปตามๆ กัน
มากบ้างน้อยบ้าง
แต่มีสำนักพิมพ์หนึ่งที่น่าจะขายดีกว่าเดิม
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันครับ
จากเดิมเวลาไปงานหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“ฟ้าเดียวกัน” จะมีคนเข้าบูธน้อยมาก
ถือเป็นสำนักพิมพ์เฉพาะทาง
แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งอื่น
ขนาดคนเดินงานน้อยกว่าเดิมมาก
แต่ “ฟ้าเดียวกัน” คนเข้ามาดูหนังสือเรื่อยๆ
บางช่วงก็แน่นมาก
ที่สำคัญ ผมเห็นนักเรียน-นักศึกษาเข้าบูธนี้
เป็นปรากฏการณ์ที่สัมพัทธ์กับสถานการณ์การเมืองในวันนี้
จากสำนักพิมพ์เฉพาะทาง
กลายเป็น “แมส” ไปแล้ว
คุยกับพี่เพื่อนน้องตามสำนักพิมพ์ต่างๆ
ทุกคนต่างบอกว่าครั้งนี้ยอดขายหนังสือต่ำมากกกก…
ถึงมากที่สุด
ถ้าให้ลองวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าเป็นสถานการณ์แบบเคราะห์ซ้ำกรรมซัด…
1. ต้องยอมรับว่าคนอ่านหนังสือน้อยลง
คนใช้เวลากับสิ่งอื่นมากขึ้น
เวลาการอ่านหนังสือโดนโซเชียลมีเดีย เน็ตฟลิกซ์ ฯลฯ แย่งชิงไป
หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เจอหนักที่สุด
แต่ “พ็อตเก็ตบุ๊ก” ที่เป็น “ความหวัง” ของคนในวงการหนังสือก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
2. สถานที่จัดงานเปลี่ยนจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ทุบทิ้งสร้างใหม่ เป็นอิมแพ็ค เมืองทองธานี
จัดงานที่นี่ 2 ครั้งแล้ว
ถ้าพูดถึงอาคารที่จัดงาน ห้องชาเลนเจอร์ ดีกว่าศูนย์สิริกิติ์
เพราะห้องเดียวเก็บครบทุกสำนักพิมพ์
เดินง่ายกว่า
ไม่ต้องแยกส่วนเป็นแพลนนารี ฮอลล์ โซนพลาซ่า ฯลฯ
คนซื้อหนังสือต้องเดินขึ้นลงบันไดแบบงงๆ
แต่ปัญหาใหญ่ของอิมแพ็ค ก็คือ ระบบขนส่งสาธารณะ
ศูนย์สิริกิติ์อยู่ใจกลางเมือง มีรถไฟฟ้าใต้ดิน
คนทำงานเสร็จตอนเย็นก็นั่งรถไฟฟ้าแวบมางานได้
ขับรถก็แป๊บเดียว
แต่อิมแพ็คอยู่นอกตัวเมือง ไม่มีรถไฟฟ้า
คนทำงานในเมืองกว่าจะขับรถมาถึงก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง มีเวลาเดินงานแป๊บเดียว
เขาก็ไม่มา
ที่จอดรถวันเสาร์-อาทิตย์ก็แน่น
ทดสอบมา 2 ครั้ง น่าจะสรุปได้แล้วว่าที่นี่ไม่เหมาะกับการจัดงานหนังสือ
3. เศรษฐกิจไม่ดี
เรื่องนี้ไม่ต้องอธิบายมาก
เจอโควิดเข้าไป เงินในกระเป๋าของแต่ละคนลดน้อยลงกว่าเดิม
4. ฝนตกช่วงเย็นตลอด
ที่เมืองทองธานีเป็นที่รู้กันว่าถ้าฝนตกหนักเมื่อไร
น้ำท่วมทุกครั้ง
งานปีนี้ฝนตกแทบทุกวัน
แค่เห็นฝนตั้งเค้า คนก็ตัดสินง่าย
…ไม่ไป
ไม่พูดถึงงานประชาสัมพันธ์นะครับ ที่คนรอบข้างผมที่ไปงานหนังสือทุกครั้งยังไม่รู้เลยว่ามีงานมหกรรมหนังสือฯ
หรือระบบการลงทะเบียนก่อนเข้างานที่สแกนคิวอาร์โค้ดแล้วต้องกรอกข้อมูลอีก
เจอครั้งแรก หงุดหงิดมาก
นึกว่าแค่สแกนแบบ “ไทยชนะ” แล้วเดินเข้าได้เลย
แต่ปรากฏว่าต้องกรอกข้อมูลทั้งชื่อและอีเมลอีก
เสียเวลามาก
โชคดีที่คนน้อยทำให้คนไม่ออหน้างานนานเกินไป
ถ้าเป็นสมัยศูนย์สิริกิติ์ที่คนเบียดกันเข้างาน
ทำแบบนี้เจอโวยแน่นอน
ผมว่าจัดงานที่เมืองทองธานีมาแล้ว 2 ครั้ง น่าจะสรุปได้แล้วว่าที่นี่ไม่เหมาะกับงานหนังสือ
หาที่ใหม่ดีกว่า
จะเป็น “ไบเทค” ที่มีห้องจัดงานขนาดใหญ่ รถไฟฟ้าเข้าถึงก็ได้
มีคนบอกว่าค่าเช่า “ไบเทค” แพงกว่า
ผ่านมา 2 งาน ผมว่าน่าจะมาหานิยามคำว่า “แพง” กันใหม่
ถ้าราคาถูกกว่า แต่ขายของไม่ได้
แบบนี้ผมถือว่า “แพง”
แต่ถ้าค่าเช่าราคาสูงกว่า แต่ขายได้
อย่างหลังอาจ “คุ้มค่า” กว่า
หรือถ้าคิดแบบ “โลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียว”
เราระเบิดกรอบการจัดงานหนังสือใหม่ไหมครับ
แทนที่ต้องรวมทุกสำนักพิมพ์ไว้ที่เดียว
เมื่อหาสถานที่จัดงานที่มีขนาดใหญ่เท่าศูนย์สิริกิติ์ที่รวมทุกสำนักพิมพ์มาอยู่ด้วยกันไม่ได้
ที่มีก็อยู่นอกเมือง
เราลองเปลี่ยนไปหาสถานที่จัดงานขนาดกลาง 2 แห่ง ใจกลางเมือง
เอาที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า
เหมือนแบ่งงานหนังสือเป็น 2 งาน กระจายสำนักพิมพ์ใหญ่ที่เป็นแม่เหล็กไปอยู่ 2 ที่
จัดงาน 10 วันเหมือนเดิม
คนรักหนังสือก็สามารถจัดวันไป 2 ที่ได้แบบไม่เหนื่อย
เพราะที่ผ่านมาพองานใหญ่มาก คนเดินไม่ครบ
จำได้ว่าตอนงานที่ศูนย์สิริกิติ์ ต้องวางแผนการไปงาน
ดูว่าสำนักพิมพ์ไหนออกหนังสือใหม่อะไรบ้าง
จะเดินไปบูธสำนักพิมพ์อะไรก่อน
ต้องรีบเดิน แทนที่จะเดินแบบสบายๆ
ส่วนใหญ่จะเดินไม่ครบ
หรือครบแบบชะโงกทัวร์
เดินผ่านแต่ไม่ได้เข้าไปดู
แต่ถ้าเราจัด 2 ที่ ขนาดงานในแต่ละที่ก็พอเหมาะกับการเดินสบายๆ 1 วัน
ลองจินตนาการดูสิครับ
เราจะไม่ต้องรีบเลือกหนังสือเหมือนตอนที่จัดในศูนย์สิริกิติ์
จะไปตอนเย็นวันทำงาน หรือวันเสาร์-อาทิตย์ก็เดินได้ครบแบบสบายๆ
ละเมียดกับหนังสือได้เต็มที่
ส่วนเรื่องกิจกรรมต่างในงานก็ไม่ต้องกังวลว่าถ้าจัด 2 ที่แล้วกิจกรรมของงานจะอยู่ที่ไหน
ให้ยอมรับความจริงไปเลยว่าเราจะขายหนังสือ
กิจกรรมตัดออกไปก็ไม่มีใครว่า
เดี๋ยวสถานที่จัดงานพร้อมเมื่อไร
เราค่อยจัดงานที่เดียวเหมือนเดิม
ลองเสนอเล่นๆ นะครับ